อากาศยามค่ำคืนยิ่งหนาวเหน็บร่างของแพรไหมก็ยิ่งซุกเข้าไปแนบชิดข้างกายเขามากขึ้น ซอจุนเริ่มรู้สึกว่าถ้าเขายังนอนอยู่คืนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ จึงตั้งใจจะผละออกไปข้างนอกเพื่อทำจิตใจให้สงบ
“องค์ชาย……”
เสียงแผ่วเบาของแพรไหมเรียกเขาไว้ก่อนจะรั้งไม่ให้องค์ชายซอจุนลุกจากไป
“ข้าขอโทษนะแพรไหม….ข้าอยู่ไกล้เจ้าไม่ได้จริงๆ”
“ทำไมล่ะเพคะ..?”
“ข้ากลัวว่าจะทำอะไรไม่ดีลงไป…”
“สิ่งไหนที่พระองค์…คิดว่าไม่ดี…ถ้าหากหม่อมชั้นเต็มใจ…นั่นก็คือสิ่งที่ดีเพคะ..”
แพรไหมพูดเสียงเบาหวิวอยู่ในภายใต้อ้อมกอดของเขา…หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา…ก่อนจะประทับริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไปที่ริมฝีปากสวยของเขา ซอจุนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาลุกขึ้นไปอยู่เหนือร่างบางเสียเอง จูบดูดดื่มเร้าร้อนมากกว่าครั้งใดๆของเขาเริ่มรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากของแพรไหม ดูดเล็มเม้มปากดูดดื่มกับความหวาน หญิงสาวอ้าปากรับลิ้นอุ่นของเขา อารมณ์ปรารถนาที่เริ่มจะเตลิดเปิดเปิงในยามนี้ของชายหนุ่มและหญิงสาว….มันยากที่จะหยุดยั้งได้อีกแล้ว
องค์รัชทายาทเริ่มถอดฉลองพระองค์ของตัวเองและแพรไหมออกไปจนหมดสิ้น ร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ในกระโจมที่ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากทหารองครักษ์ข้างนอกนั้น
“เจ้าแน่ใจหรือไม่!!….”
“ถ้าฝ่าบาทไม่แน่ใจแล้วแก้ผ้าทำไมเพคะ?”
ซอจุนยิ้มก่อนประทับรอยจูบที่ร้อนแรงลงไปอีกครั้ง เขาซุกไซร์พรมจูบไปทั่วใบหน้างาม ซอกคอขาวผ่อง และเต้างามขาวนวลนั้น ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เสียวซ่านนั้น ทำให้หญิงสาวครางอือ อยู่ในลำคอ พยายามสะกดกลั้นเสียงเอาไว้ให้แผ่วเบาที่สุด ไม่ให้ทหารภายนอกได้ยินเสียง องค์ชายยังคงซุกหน้าดูดงับปลายถันที่ชูชัน มือเรียวนั้นก็กอบกุมขยำเบาๆ แพรไหมเสียวสะท้านเอ่นอกขึ้นมาให้เขาอย่างไร้การขัดขืนใดๆ
“ฝ่าบาทเพคะ…..อืมมมมม”
ซอจุนแยกขาเรียวของแพรไหมออก ก่อนจะค่อยๆสอดใส่ความเป็นชายลงไปเบาๆ แพรไหมสะดุ้งนิดนึงด้วยความเจ็บแปลบ แต่พยายามอดทนเพื่อให้องค์ชายได้สุขสม
“สักครู่เถิด ดูเหมือนว่าข้า….จะเจ็บตรงนั้น…เช่นกัน”
เมื่อสอดใส่เข้าไปสำเร็จ แต่เนื่องจากว่าครั้งนี้คือครั้งแรกของเขาเช่นกัน ถึงแม้จะได้เรียนรู้วิชานี้มามากจาก ท่านอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับเรื่องหลับนอนกับสตรี แต่ในเชิงปฏิบัติแล้วองค์ชายแทบจะไม่เคยแตะต้องแม่หญิงผู้ใด แม่แต่พระชายาองค์ก่อน
“เจ้าเจ็บหรือไม่….หืม..”
องค์ชายซอจุนถามแพรไหมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หญิงสาวหลับตาพริ้มไม่ตอบอะไร ร่างแกร่งขององค์ชายเริ่มขยับเป็นจังหวะรุกตามแรงปรารถนาอย่างแผ่วเบา…ผ่านไปสักพักถึงจะค่อยๆควบคุมจังหวะถาโถมเข้าใส่จุดกึ่งกลางของร่างบางแรงขึ้นแรงขึ้น แพรไหมกอดร่างแกร่งขาวผ่องของเขาไว้แน่น อารมณ์เจ็บแปลบนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเสียวซ่านแปลกใหม่ อย่างที่ไม่เคยพบเจอ มันช่างมีความสุขเหลือเกิน
“อ่าส์!!……ฝ่าบาท….”
หญิงสาวเผลอครางออกมา อย่างลืมตัว เธอกำลังปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาไปกับเขาอย่างเต็มที่ สักพักร่างแกร่งขององค์ชายซอจุน ขยับรุนแรงมากขึ้น แต่ยังคงไม่สะเทือนมาก เนื่องจากเกรงว่าทหารที่เฝ้ายามอยู่ข้างนอกจะได้ยินเสียง
“อ่าส์….ชายาของข้า….ข้าจะถึงจุดหมายแล้ว อืมมมม…”
สิ้นเสียงครวญครางนั้นร่างแกร่งกำยำก็ทรุดลงบนร่างบางที่กอดองค์ชายไว้แน่น เหงื่อผุดออกมาตามร่างกายด้วยความเหนื่อยอ่อน กลิ่นเหงื่อสาวบวกกับกลิ่นกายหนุ่ม แผ่ซ่านไปทั่ว ชายหนุ่มพรมจูบไปบนใบหน้านวลที่ตอนนี้เริ่มแดงปลั่งเนื่องจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์บทเพลงรักมาหยกๆ
“เป็นอย่างไรบ้าง…ชอบหรือไม่ชายาของข้า?”
หน้าหล่อเหลาขององค์ชายยิ้มใส่ตาของเธออย่างมีเลิศนัยน์ แววตาที่วาววับเป็นประกายเช่นนี้ เธอไม่ค่อยจะได้พบเจอนัก ทำเอาแพรไหมอายม้วนหลบสายตาชายหนุ่ม
“ครั้งแรกของฝ่าบาทหรือเพคะ?”
แพรไหมถามขึ้นอย่างแปลกใจ กะจะไม่ถามแล้วแต่เธอคือสาวยุคใหม่ อยากรู้อะไรก็มักจะถามเลย เหตุเพราะข่าวว่าองค์รัชทายาทซอจุนเคยมีพระชายา
“ใช่….ข้าไม่เคยมีสัมพันธ์กับชายาหรือสนมคนใด..!”
“เหตุใดกัน..!”
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน….เหมือนข้ารอใครบางคนอยู่….ซึ่งตอนนี้ข้าสุขสมแล้วรู้หรือไม่ หืมมม..เจ้าเป็นของข้าแล้วนะแพรไหม!”
น้ำเสียงฟังดูหวงแหนราวกับว่าเธอเป็นสมบัติของเขาแล้ว แพรไหมจับจ้องใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาไม่วางตา ‘หล่อเหลือเกิน’..ของเขาไว้นิ่งด้วยความหลงไหล ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธออย่างเต็มตัวแล้ว
“เพคะ….องค์ชายก็เป็นของ….ของ..ข้าแล้วเพคะ…ในโลกของข้า….ผู้ชายจะมีภรรยาแค่คนเดียวเท่านั้น!!”
หญิงสาวเหมือนเล่าโลกของตัวเองยกเป็นตัวอย่างให้เขารู้…ว่าเธอไม่อยากให้เขามีผู้ใดอีก
“เจ้าวางใจเถอะ….ข้าจะมีเจ้าเพียงแค่คนเดียว…”
สิ้นเสียงคำมั่นของเขา หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจเป็นที่สุด
“เข้ามาในอกข้าเถิด…คืนนี้เจ้าคงหลับลงแล้วสินะ….หรือว่า…ยัง..”
“หม่อมชั้นไม่อยากหลับไปเลยเพคะ…กลัวหลับแล้วจะตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองในกรุงเทพ!”
“กรุงเทพคือประเทศไทยใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้วเพคะฝ่าบาท….หม่อมชั้นคงต้องสอนภาษาไทยให้พระองค์แล้วล่ะ…เพราะเราอยู่คนละเชื้อชาติกัน…ต้องเรียนรู้ภาษาของหม่อมชั้นไว้บ้างนะเพคะ!!”
“เผื่อว่า…กาลภายหน้า ข้าจะต้องไปพบเจอเจ้าใช่หรือไม่!”
“ถ้าจะให้อธิบายเรื่องนี้….คืนนี้คงไม่หมด หม่อมชั้นจะค่อยๆเล่าให้พระองค์ฟังทุกวันดีหรือไม่”
“ได้…งั้นนอนเถอะ!”
ชายหนุ่มยังคงนอนกอดร่างบางไว้ในอ้อมกอดไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจริงๆ
เมื่อสองร่างหลับลงไป
ทันใดนั้น!
มีแสงสีขาวจากเบื้องบนสาดส่องลงมาท่ามกลางความมืดมิดอีกครั้ง
“ตื่นเถิดแพรไหม…ตื่นเถิด…..!!”
แพรไหมสะดุ้งตื่นลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกใจ
“ท่านนั่นเอง…..คงถึงเวลากลับแล้วใช่มั้ยเจ้าคะ?!!”
“ใช่แล้วแพรไหม…..เจ้ากับเขาสุขสมไปแล้ว….มันไม่เหลือบทอะไรที่เจ้าจะต้องเล่นต่ออีก….ได้เวลาที่เจ้าต้องกลับแล้ว..ข้ายินดีกับเจ้าด้วยนะแพรไหม!”
“ไม่เจ้าค่ะ…ตอนนี้หนู..หนูยังไม่อยากกลับ!!”
“เจ้าจงกลับไปพบโลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว…..โลกนี้คือโลกที่ถูกสมมุติขึ้นมาเท่านั้น มันจบแล้วแพรไหมเจ้าจงกลับบ้านเถิด ฮ่าๆๆๆ”
เสียงในแสงสีขาวนั้นหัวเราะออกมาด้วยความน่าสะพรึง
“เดี๋ยวก่อน…เดี๋ยวก่อน ท่านข้าขอเวลาหน่อยได้หรือไม่!!”
เงียบกริบเช่นเดิม แสงสีขาวนั้นหายวับไปกับตา เหลือเพียงความมืดมิด หญิงสาวทรุดลงนั่งร้องไห้…
“ซอจุน….ท่านอยู่ที่ใด…ฝ่าบาทเพคะ….ได้ยินเสียงข้าหรือไม่!”
ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา น้ำตาแห่งความเสียใจที่ต้องพลัดพรากจากคนรักโดยไม่ได้ตั้งตัว ความเจ็บปวดราวถูกมีดเป็นพันๆเล่มพุ่งเข้ามาหาร่างของเธอตอนนี้ หัวใจของแพรไหมเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ความรู้สึกโหวงเหวงอ้างว้างเริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจของเธออีกครั้ง เมื่อมองไปรอบๆมีแต่ความมืดมิดไร้ผู้ใด…..แม้แต่องค์รัชทายาทซอจุน…ความคิดถึงโหยหาไขว่คว้าไปรอบๆไม่เจอแม่แต่เงาของชายผู้เป็นที่รัก…
สวัสดีค่ะรีททุกคนที่อ่านเรื่องนี้อยู่ เป็นอย่างไรบ้างคะ ไรท์แทบจะหมดกำลังใจ ที่จะเขียนเรื่องนี้แล้วคนอ่านน้อยมาก แต่ก็ยังมีคนอ่านอยู่ เพราะฉะนั้นไรท์จะพยายามไปให้จบเรื่องนะคะ ขอกำลังใจคอมเมนท์กันมาหน่อยนะคะ❤️❤️❤️