สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
ร่างระหงที่กำลังลากกระเป๋าเดินออกมาจากประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้าเรียกสายตาคนมองอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตาของเธอก็ล้วนแต่เป็นที่สะดุดตาจนเหล่าแฟนคลับที่มารอต้อนรับดารานักร้องที่ตนชื่นชอบแอบเก็บภาพของเธอเอาไว้ด้วย หญิงสาวไม่ได้สนใจต่อสายตาของผู้คนที่จับจ้องมองมาที่เธอ เธอเยื้องย่างไปที่เคาน์เตอร์ของบริการซิมการ์ดบริษัทดัง แล้วยื่นเอกสารให้พนักงานเพื่อลงทะเบียนซิมการ์ดให้แก่เธอ
หลังจากเปลี่ยนมาใช้ซิมการ์ดของประเทศไทยแล้วหญิงสาวจึงมุ่งตรงไปยังชั้นใต้ดินเพื่อแลกเงินดอลลาร์จำนวนหนึ่งที่พกมาให้เป็นเงินไทย ดีที่มารดาเปิดบัญชีธนาคารไทยให้เธอ เธอจึงมีเงินไทยที่อยู่ในบัญชีไทยมากพอที่จะใช้ชีวิตอยู่ลำพังในประเทศที่แสนอบอุ่นนี้ได้สบายๆ ไปจนแก่ ไหนจะบัตรเครดิตสีดำของสามีในนามนี้อีก ริมฝีปากอิ่มฉีกยิ้มออกมา
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นดารานางแบบหรือเปล่าครับ”
ผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยสูทหรูที่เพิ่งจะแลกเงินเยนคืนหลังจากไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นมาตัดสินใจเอ่ยถามสาวสวยตรงหน้าด้วยความสนใจ
“อ่า..ไม่ใช่ค่ะ”
เธอไม่ได้ตอบเขาเป็นภาษาไทย แต่ทว่าเลือกตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษแทน ชายหนุ่มยิ้มเก้อเขินก่อนที่จะขอโทษเธอแล้วเดินจากไป หญิงสาวส่ายหน้าไปมาก่อนที่เดินเข้าไปที่จุดแลกเงิน
เมื่อได้เงินไทยแล้วร่างระหงจึงเยื้องย่างไปยังบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปชั้นหนึ่งที่มีบริการรถรับส่งอยู่ ทุกย่างก้าวของเธออยู่ในสายตาของชายหนุ่มสองคนที่ได้รับคำสั่งมาให้แอบดูแลเธออยู่ห่างๆ โดยที่ไม่ให้เธอรู้ตัว
“เพิ่งมาเที่ยวไทยเหรอครับ” ลุงที่ขับรถแท็กซี่เอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงไทย
“ใช่ค่ะ”
หญิงสาวจึงตอบเขากลับเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน ลุงคนขับแท็กซี่พยายามชวนผู้โดยสารคนสวยคุยเพื่อไม่ให้เธอเบื่อระหว่างเดินทางไปยังโรงแรมหรูในใจกลางเมืองกรุง ที่รถติดมากจนผู้โดยสารที่เคยมาไทยบ่อยๆ หลีกเลี่ยงที่จะไปพักที่นั่นกัน
กว่าจะเดินทางไปถึงโรงแรมห้าดาวใจกลางกรุงก็ถึงกับเย็นย่ำ หญิงสาวที่มีใบหน้าสวยคม ผมสั้นประบ่าสีน้ำตาลธรรมชาติ จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มก้าวเท้าลงจากรถแท็กซี่ก่อนที่จะยืนตรงมองดูโรงแรมตรงหน้า พนักงานยกกระเป๋าของโรงแรมเข้ามาต้อนรับและรับกระเป๋าเดินทางของแขกที่มาเข้าพักแล้วเชิญเธอไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานต้อนรับรอคอยอยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ความสวยของหญิงสาวทำให้ทั้งพนักงานและแขกที่มาเช็กอินเข้าพักมองมาเป็นตาเดียวกัน
“ยินดีต้อนรับสู่กรุงเทพฯ ค่ะคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงได้สำรองห้องพักไว้แล้วใช่ไหมคะ”
พนักงานต้อนรับยกมือไหว้ทักทายพร้อมกับเอ่ยออกมาเป็นภาษาอังกฤษ สาวสวยลูกครึ่งที่ไม่เคยลืมความเป็นไทยยกมือรับไหว้อย่างน่ามอง
“สวัสดีค่ะ ใช่ค่ะ... ฉันชื่อ อลินา อารอน อ่า...ขอโทษค่ะ อลินา วินเทอร์ค่ะ”
เธอทักทายกลับพร้อมกับเอ่ยชื่อและนามสกุลของเธอเองออกมา แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอเปลี่ยนนามสกุลไปแล้วจึงรีบพูดแก้ไขชื่อและนามสกุลของเธอกับพนักงานต้อนรับในทันที จากนั้นเธอจึงยื่นพาสปอตให้พนักงานต้อนรับตรงหน้าที่ส่งยิ้มกว้างมาให้เธอ
“คุณผู้หญิงจองห้องสวีตเตียงคิงไซซ์เอาไว้ทั้งหมดสามคืนนะคะ” พนักงานต้อนรับสาวเอ่ยถามเพื่อยืนยัน
“ใช่ค่ะ”
พนักงานตรวจสอบข้อมูลและบันทึกการเข้าพักของแขก จากนั้นจึงแนะนำกฎระเบียบของการเข้าพักอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอให้มีความสุขในวันพักผ่อนค่ะ หากมีปัญหาเกี่ยวกับห้องพักหรือต้องการรูมเซอร์วิส คุณผู้หญิงสามารถติดต่อเข้ามาทางแผนกต้อนรับได้เลยค่ะ”
พนักงานส่งพาสปอตคืนให้กับหญิงสาวตรงหน้า พนักงานต้อนรับสาวอีกคนเป็นผู้นำทางอลินาขึ้นไปยังห้องพักของเธอที่อยู่ชั้นสิบห้าของโรงแรมหรูใจกลางกรุงแห่งนี้
“ดารานางแบบจากต่างประเทศเหรอ... สวยจัง สวยจนเราเป็นผู้หญิงยังมองได้แบบไม่อยากละสายตาเลย” พนักงานต้อนรับอีก คนที่รับแขกอีกคนอยู่เอ่ยถามเพื่อนที่เพิ่งจะต้อนรับแขกสาวสวย
“ไม่ใช่หรอก ดูเหมือนจะเป็นลูกครึ่งไทยแต่คงไปโตที่ต่างประเทศแหละ ตอนแรกเธอบอกนามสกุลอารอน แต่ในพาสปอตคือวินเทอร์ไง แล้วดูเหมือนเธอจะนึกขึ้นได้เลยรีบบอกฉันว่าวินเทอร์ ฉันว่าเธอคงแต่งงานแล้วล่ะ”
“สวยขนาดนี้โสดก็คงแปลก” และสองสาวพนักงานต้อนรับก็ต้องหยุดบทสนทนาเอาไว้เพียงแค่นั้นเพราะมีแขกที่เดินทางเข้ามาเช็กอินเข้าพักใหม่ถึงสามราย
พนักงานต้อนรับที่พาแขกสาวขึ้นมาส่งแนะนำการใช้งานอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ภายในห้องเสร็จจึงออกจากห้องไปทิ้งให้แขกของโรงแรมอย่างเธอได้พักผ่อน อลินาจึงเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง
ห้องพักห้องนี้มีระเบียงพอให้ได้ออกไปสูดอากาศ หญิงสาวจึงเดินออกไปนั่งที่เก้าอี้ด้านนอกแล้วชื่นชมบรรยากาศในยามเย็นของกรุงเทพฯ จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่หญิงสาวเหม่อมองออกไปโดยไร้จุดหมายอยู่อย่างนั้น รถราที่วิ่งสวนทางกันอยู่บนท้องถนนในยามนี้นั้นไม่ได้มากมายเช่นเดียวกับตอนที่เธอเดินทางมาแล้ว
มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนที่เธอจะยกมันขึ้นมาเพื่อใช้ถ่ายภาพเมืองหลวงของประเทศไทย ในค่ำคืนแรกของการได้มาเยือนในรอบสิบกว่าปีที่ได้มาเยือน เมื่อเก็บภาพจนเป็นที่น่าพอใจหญิงสาวจึงเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อนที่จะออกไปหาอะไรรับประทานในมื้อเย็น
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกร่างระหงของลูกครึ่งสาวที่มีส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรก็ก้าวออกจากลิฟต์และเดินออกไปจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว อลินาเดินไปตามทางเดินที่มีร้านค้าอยู่สองข้างทาง หญิงสาวมองเห็นจากระเบียงห้องพักของเธอว่ามีตลาดนัดกลางคืนอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากจึงตัดสินใจไปหาอะไรกินที่นั่น
“คุณผู้หญิงจะไปที่ไหนครับ ใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ได้นะครับ รับประกันว่าสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย” หนุ่มวินทักทายหญิงสาวลูกครึ่งเป็นภาษาไทย เธอเข้าใจทุกประโยคที่เขาพูดมาแต่เธอกลับตอบเขาไปเป็นภาษาอังกฤษแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชอบเดิน”
แล้วร่างระหงในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนสีซีด สวมรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดังก็เดินจากไป ด้านหลังของเธอมีชายไทยสองคนที่สวมชุดคล้ายกับพวกบอดี้การ์ดเดินตามห่างๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“ต่างชาตินี่หว่า....ก็นึกว่าคนไทย” หนุ่มวินเอ่ยตามหลังไป และเมื่อเห็นชายชุดดำสองคนเดินตามหญิงสาวเขาก็ถึงกับตกใจ
“มีบอดี้การ์ดด้วยเหรอวะ ไม่น่าถึงดูไม่ธรรมดาเลย”
หนุ่มวินเลิกสนใจสาวสวยที่ดูเหมือนลูกครึ่งและชายสองคนที่เขาเองก็คิดว่าบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังเธอไปห่างๆ ที่ไม่คิดว่าเป็นคนร้ายเพราะหนึ่งในสองของชายชุดดำนั้นหันมาจ้องหน้าเขาจนเขาต้องหลบสายตา ราวกับว่าเขาได้ทำผิดอะไรต่อผู้หญิงคนนั้นไป
อลินาเพลิดเพลินกับการซื้อของกินเล่นและอาหารที่หนักท้องพอที่จะทำให้เธอไม่รู้สึกหิวไปจนถึงวันพรุ่งนี้ ทุกย่างก้าวของสาวสวยลูกครึ่งถูกสายตาของหนุ่มๆ และสาวๆ มองมาไม่ขาดสาย เธอสวยจนคนมองอดที่จะคิดว่าเธอเป็นดาราหรือนางแบบไม่ได้ หญิงสาวที่อยู่ต่างประเทศดูหน้าตาธรรมดาอย่างเธอ แต่พอกลับมาไทยเธอดูดีมีออร่าขึ้นมาในทันที และเธอถูกแมวมองพบเจอโดยบังเอิญ
“ขอโทษนะคะ คนไทยหรือเปล่าคะ” ลูซี่ สาวประเภทสองที่มีหน้าที่จัดหานายแบบนางแบบหน้าใหม่ให้แก่โมเดลลิ่งชื่อดังในไทยรีบเข้ามาทักทาย อลินามองคนที่เข้ามาทักตรงหน้า รอยยิ้มที่จริงใจของอีกฝ่ายทำให้เธอตอบกลับตามความจริง
“อ่า...เป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันค่ะ” ลูซี่ถึงกับยกมือขึ้นมาป้องปากตามจริตของตนเอง ก่อนที่จะรีบเอ่ยถามเพชรน้ำงามตรงหน้าออกไป
“หนูพักอยู่ที่ไทยหรือแค่มาเที่ยวที่ไทยคะ”
“อ่อ...กะว่าจะมาอยู่ที่ไทยระยะสั้นน่ะค่ะ”
อลินาตอบไปตามตรง เธอยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน หรือไปที่ใดในไทย ยังไม่มีแพลนในชีวิตมากมาย ความคิดแรกที่ทำเรื่องมาไทยก็เพียงอยากหลีกหนีสามีในนาม
“แสดงว่ายังไม่มีอะไรทำใช่ไหมเอ่ย” คนฟังพยักหน้าขึ้นลงแม้จะรู้สึกงุนงง
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอแนะนำตัวเองก่อนเลยแล้วกันค่ะ พี่ชื่อลูซี่ เป็นคนที่จัดหานายแบบนางแบบหน้าใหม่ให้โมเดลลิ่งอเดลซึ่งเป็นโมเดลลิ่งของชาวอเมริกันที่มาลงทุนในไทยเมื่อสามปีก่อน แต่ตอนนี้ดังมากเลยนะคะ นายแบบนางแบบในสังกัดเราได้ดีกันทุกคน ถ้าหนูสนใจสามารถติดต่อพี่กลับมาได้ตามเบอร์โทรในนามบัตรนี้ได้เลยนะคะ” ลูซี่ไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้เจียระไนเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ให้เปล่งประกายออกมาในอนาคตเธอส่งนามบัตรของตัวเองให้หญิงสาวตรงหน้าทันทีเมื่อพูดจบ
“อ่า...ขอบคุณค่ะ แล้วจะติดต่อไปนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” อลินารับมาก่อนที่จะขอตัวแล้วเดินกลับออกจากตลาดกลางคืนมุ่งหน้ากลับโรงแรมที่เธอพักทันที
เมื่อไปถึงบนห้องพักหญิงสาวก็ล้มตัวลงนอนราบบนเตียงขนาดคิงไซซ์และล้วงเอากระดาษนามบัตรของคนที่เข้ามาทักทายเธอ อลินาไม่ปล่อยให้ความสงสัยของเธออยู่นานเธอหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเข้าเว็บไซด์แล้วค้นชื่อโมเดลลิ่งอเดล ทันทีที่กรอกตัวหนังสือจนครบเว็บไซด์ของบริษัทก็แสดงขึ้นมาให้เธอได้อ่าน
“เจ้าของมีสองคนเหรอ อืม... ถ้าเป็นโมเดลลิ่งที่น่าเชื่อถือได้ก็น่าสนใจอยู่หรอก ตอนนี้ไม่มีอะไรทำลองไปเดินแบบดูก่อนดีไหมนะ”
เสียงหวานพึมพำออกมา ประวัติของโมเดลลิ่งมีชื่อเจ้าของเพียงหนึ่งคนซึ่งเป็นคนไทย ส่วนต่างชาติที่มีหุ้นน้อยกว่าคงจะไม่อยากเปิดเผยชื่อถึงไม่ได้ให้ประวัติเอาไว้ อลินาไม่ได้คิดมากเรื่องเจ้าของ แต่ที่เธอค้นหาโมเดลลิ่งนี้ในเว็บไซด์เป็นเพราะเธออยากมั่นใจว่าไม่ได้ถูกคนที่ให้นามบัตรมาหลอกมากกว่า