EPISODE 2

2305 Words
เช้าวันต่อมา ฉันนั่งหัวโงนเงนไปมาอยู่บนรถเมล์คนเดียว วันนี้ป๊าไม่ว่างฉันก็เลยต้องนั่งรถมาเอง อันที่จริงป๊าก็อยากจะถอยรถให้แต่ฉันไม่อยากได้ การเดินทางมันไม่สะดวกเท่ารถโดยสารเท่าไหร่ อีกอย่างฉันกลัวความเร็วน่ะ การเต้นของหัวใจไม่ค่อยปกติเวลาปะทะความแรงสักเท่าไหร่ นั่งรถเมล์เพื่อนเยอะดี ไม่กลัวหลงด้วย ดวงตาตอนนี้บวมปริบ ฉันเลยจำเป็นต้องใส่แมสปิดปากมาด้วย เชื่อเลยเถอะอีกไม่นานหวัดมันก็จะกิน ให้ตายสินี่ฉันจะอ่อนแอทั้งร่างกาย จิตใจแล้วก็สภาพอากาศเลยหรือไงกัน "ขิม"ฉันเอ่ยทักพร้อมกับโบกมือให้เจ้าตัวที่ยืนรอฉันอยู่ที่ป้ายรถเมล์พอดิบพอดี "ช้าจังวะแก เดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอกแล้วนี่ใส่แมสมาเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายเหรอวะ" "ไม่มีอะไรหรอก โทษที พอดีป๊าไม่ว่างมาส่งอะ นั่งรถมาเองมันเลยช้าหน่อย"ฉันว่าพลางหลบสายตาของขิม ฉันแค่ไม่อยากให้ขิมต้องมาไม่สบายใจเพราะความอ่อนแอของฉัน แค่นี้ฉันก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว คำพูดในหัวจากพี่เสือยังวนอยู่ในหัวฉันทั้งคืน เขาพูดโดยไม่รักษาน้ำใจฉันเลยสักนิด ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนในสายตาเขา หรือเพราะฉันไม่สวยเหมือนคนอื่นกัน.. "ไม่เป็นไรๆ แกกินอะไรมายัง ไปกินข้าวกันก่อนไหม ยังทันนะ" "ยังเลย เดี๋ยวซื้อของในเซเว่นเอาก็ได้" "เออๆ เอาของมาช่วยถือ" "ขอบใจนะ"ฉันว่าพลางส่งกระดานวาดภาพให้ขิมไป เราสองคนเดินเข้ามาซื้อข้าวกินในตอนเช้าที่เซเว่นหน้ามหาวิทยาลัย ถือว่าใหญ่มากเลยทีเดียวมีครบเครื่องทุกอย่างขายในนี้หมด เพราะมันติดกับหอพักด้วยแหละมั้งถึงต้องมีพร้อมเอาไว้ก่อน "แกพี่เสือชวนฉันไปกินข้าวด้วยอะ" เสียงผู้หญิงคนนึงเอ่ยขึ้น เธอยืนอยู่ข้างๆ ฉันในโซนของเวฟ แค่ได้ยินประโยคที่พวกเธอกำลังจะพูดกัน ใจฉันมันก็สั่นแปลกๆ แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจแล้วเลือกอาหารต่อไป ฉันยังไม่ชินหรอกแต่ก็ต้องทำใจให้ชินให้ได้เร็วๆ มันอาจจะยากหน่อย แต่เดี๋ยวไม่นานฉันก็คงจะดีขึ้นเอง "จริงเหรอ เขาว่าไงมั่ง ไหนมาเม้ามอยหน่อยซิ" "บ้าเหรอ เดี๋ยวคนแถวนี้ก็อกแตกตายพอดี" เสียงของเธอพูดในทำนองที่แขวะ ซึ่งมีแค่ฉันยืนอยู่ในโซนนี้ ถ้าจำไม่ผิดเธอคงเป็นผู้หญิงเมื่อวานที่ยืนคุยกับพี่เสือ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงชวนกันไปกินข้าวแบบนี้ สรุปฉันยังมีตัวตนในสายตาเขาอยู่ไหม "ใครวะ อ๋อ ยัยเฉิ่มอะหรอ เดี๋ยวพี่เสือเขาก็ทิ้ง ลีลาไม่มี แถมหัวโบราณขนาดนี้ เดี๋ยวเขาก็เบื่อ" "นี่! ถ้าจะยืนนินทาเขาขนาดนี้ไม่เอ่ยชื่อเลยวะ นึกว่าเป็นบ้า ด่าตัวเอง" "ขิมอย่า.."ฉันห้าม เพราะไม่ทันได้เห็นว่าขิมมายืนข้างหลังฉันแล้ว ฉันขยับแมสเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหลบข้างหลังเพื่อนตัวเอง ทำไมเวลาแบบนี้ฉันถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักอย่าง เวลาแบบนี้ทำไมฉันถึงต้องขี้ขลาดตาขาวด้วย ฉันเกลียดตัวเองจัง! "ทำไม รับความจริงไม่ได้หรือไง จะคบพี่เสือทั้งทีไม่มีอะไรดีสักอย่าง เดี๋ยวเขาก็เบื่อเชื่อสิยะ" ผู้หญิงที่พี่เสือชวนไปกินข้าวหันมาแขวะฉันด้วยหางตา ซึ่งฉันเองก็เถียงไม่ออกเหมือนกัน เพราะตัวเองก็ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักนิด ฉันไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้หรือยังไงกัน เขาถึงต้องไปหาคนอื่นแบบนี้ "เเล้วพี่เสือของพวกเธอมันมีอะไรดีวะ พวกเธอนอกจากปากก็ไม่มีอะไรดี เดี๋ยวมันก็ทิ้งมาเหมือนกัน จะแขวะคนอื่นเขาทำไม เอาไว้ได้เป็นแฟนมันเมื่อไหร่ ค่อยมาโอ้อวด ไปเสนอตัวให้เขายังมีหน้ามาแซะชาวบ้านเขาอีก เออแปลกคน" "ขิมพอได้แล้ว เราไม่อยากกินแล้วอะ เข้าเรียนกันเถอะ"ฉันพูดพลางกระตุกมือของขิมเบาๆ ก่อนจะเดินเอาแฮมเบอร์เกอร์ไปวางไว้ที่เดิมของมัน ขืนอยู่นานกว่านี้เราสองคนได้เข้าฝ่ายปกครองแน่ ฉันไม่อยากให้ป๊ากับม๊าต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน "เธอมันก็แค่ขยะ.." นั่นคือเสียงสุดท้ายจากพวกเธอที่ฉันได้ยิน ก่อนที่ฉันจะเลือกเดินออกมาจากจุดตรงนั้นพร้อมขิมด้วย ฉันพยายามเงยหน้ามองท้องฟ้าวันนี้ มันหม่นหมองเหมือนตัวฉันไม่มีผิด ความจริงที่เงยหน้ามองท้องฟ้าเพราะน้ำตากำลังจะไหลต่างหาก ฉันยังไม่อยากเป็นคนอ่อนแอตอนนี้ ทำยังไงดี "ริน แกโอเคนะ" "อื้อ โอเค"ฉันขานรับในลำคอ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชีวิตฉันจะต้องมาเจอคนประเภทแบบนี้ ฉันรักในส่วนของฉัน ฉันไม่เคยทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำไมพวกเธอถึงจ้องแต่จะเกลียดฉันกัน ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ฉันกัดริมฝีปากแน่น มองร่างของพี่เสือเดินลงมาเปิดประตูรถให้ผู้หญิงคนนึงลงจากรถ เธอดูสวยแล้วก็เด่นกว่าในหมู่นักศึกษา แต่ฉันไม่รู้จักเธอ หรืออาจจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องอย่างที่เขาแก้ตัวอีกกัน ฉันคาดเดาผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย พี่เสือหันมามองเห็นฉันพอดีเป็นจังหวะเดียวกันกับน้ำตาเม็ดใสที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เขามองฉันนิ่งๆ เหมือนจะไม่สบอารมณ์ ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นรถแล้วออกตัวเข้ามหาวิทยาลัยไปเลยโดยที่ไม่มีท่าทีสนใจว่าฉันจะเป็นยังไงบ้าง "ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน ฉันจะทำเป็นไม่รู้ก็แล้วกันว่าแกเสียใจ" ขิมเป็นเพื่อนที่รู้ดีเกี่ยวกับฉันมากที่สุด ฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นด้านอ่อนแอของฉันตอนนี้ เพราะงั้นช่วยทำเป็นไม่เห็นเถอะนะ พัก 15 นาที ฉันเดินออกมาสูดอากาศด้านนอกอาคาร ตอนนี้อาจารย์ให้ออกมาพักเพื่อผ่อนคลายร่างกายแล้วก็หาแรงบันดาลใจก่อนเข้าเรียนจริงๆ ก่อนหน้านี้ขิมเอาช้อนไปแช่ตู้เย็นไว้ที่ห้องพักของอาจารย์ พอพักตอนนี้ขิมก็เลยเอามันมาให้ฉันประคบที่ตาเพื่อลดอาการบวมของมัน เดี๋ยวเวลาทำงานจะลำบาก ฉันลืมตาจะไม่ขึ้นอยู่แล้ว "รินเดี๋ยวเราขอดินสอหน่อย ไม่ได้เอามาอะ" "อื้ม หยิบเอาเลย"ฉันหันไปบอกเพื่อนในห้อง อันที่จริงก็เจ้าประจำของการลืมดินสอมาเรียนน่ะนะ แต่ฉันว่าเขาก็น่ารักดี เป็นเพื่อนผู้ชายในห้องที่เรียนเก่งที่สุด แต่ก็ติสก์ที่สุดเช่นกัน เขาชื่อ 'รถถัง' อัธยาศัยดีกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรกตั้งเยอะเลยล่ะ "ดีขึ้นยัง" "อื้ม ไม่คิดว่าจะบวมขนาดนี้" ร้องไห้แค่แปปเดียว ตื่นมาบวมเป็นมะนาวเลย "เลิกร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้นสักทีเถอะว่ะริน แกร้องไห้แทบเป็นแทบตายมันรับรู้ด้วยไหมล่ะ" "ขอโทษนะ.. แต่เรายังไม่พร้อมจะเลิกรักเขา" ฉันรู้ทุกความเจ็บปวดของตัวเอง แต่ฉันก็เลือกที่จะรักเขา ถึงแม้พี่เสือเขาจะไม่เคยบอกว่ารักฉันจากใจริง แต่ถ้าคนอย่างฉันบอกรักใคร ก็คือรักคนนั้นมากจริงๆ เพียงแค่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมเดินออกมาจากชีวิตเขา ฉันยังอยากให้เขาอยู่ในชีวิตฉันอยู่ ถ้าฉันให้ใจไป เขาก็ควรรับมันไว้บ้างสิ.. "อืม แกรักเขาแต่แกอย่าลืมรักตัวเองบ้าง"ขิมพูดพลางลูบหัวฉันเบาๆ "ขอบใจนะ" "แล้วนี่เขาติดต่อมาบ้างหรือเปล่า" "ไม่เลย.."ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาไล่ พี่เสือก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ฉันโทรหา ไลน์ไปหาก็ไม่ตอบ ไม่รับ ไม่มีการตอบกลับเลยสักอย่าง เมื่อคืนเขาอาจจะแค่เมาแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ล่ะมั้ง อืม.. ฉันคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้บ่อยน่ะ จนมันการเป็นปกติไปแล้ว "เย็นนี้เดี๋ยวฉันพาไปคุยให้รู้เรื่อง ไม่ต้องกลัว" "ขอบใจนะขิม" "ไม่ไหวก็ถอยออกมานะริน ฉันเป็นห่วง" "อื้ม ถ้าไม่ไหวเราจะถอยออกมาเอง ขอบคุณนะ.." รอยยิ้มบางๆ ที่กำลังแสดงอยู่บนใบหน้าฉันล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรแท้จริงสักอย่าง ฉันไม่เคยยิ้มรับได้อย่างจริงใจ ได้แต่เพียงยิ้มตอบให้เพื่อนเพื่อให้ขิมสบายใจแล้วบอกกับทุกคนว่าฉันไม่เป็นอะไร ฉันยังสบายดี ทั้งที่ความจริง ..ฉันจะแบกรับความรู้สึกพวกนี้ไม่ไหวอยู่แล้ว ตกเย็น เลิกคลาส ฉันมายืนรอพี่เสือที่หน้าตึกคณะวิศวะกรรมศาสตร์ มีผู้คนเดินเข้าออกกันพลุกพล่าน มันเป็นช่วงเวลาเลิกเรียนของเหล่านักศึกษา คนก็เลยเยอะเป็นธรรมดา อันที่จริงฉันตื่นเต้นมากต่างหาก แต่โชคดีที่มีขิมมาด้วย ฉันเลยรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง อย่างน้อยๆ ฉันก็ไม่ได้ตัวคนเดียวบนโลกนี้ "โอเคนะริน" "อื้ม โอเค"ฉันตอบกลับพลางเม้มริมฝีปากแน่น "นั่นไงพี่เสือ"ขิมว่าพลางชี้นิ้วไปที่ร่างสูงของใครสักคน เขากำลังจะเดินไปที่รถหรูของเขา เท่านั้นแหละเท้าของฉันมันก็วิ่งแจ่นไปหาเขาอัตโนมัติ "พี่เสือ! "ฉันเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะขึ้นรถ พี่เสือหันมามองฉันนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร ขิมตามฉันมาทีหลัง เราสองคนยืนจ้องหน้ากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ จนพี่เสือเอวที่เป็นคนทำลายกำแพงความเงียบนี่ก่อน "มีอะไร"เขาถามออกมาเสียงฉุนๆ ซึ่งขิมทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาเรื่องแต่ฉันห้ามเอาไว้ก่อน เพราะก่อนหน้านี้ขิมสัญญากับฉันเองว่าจะให้ฉันทำความเข้าใจกับเขาเอง ฉันก็กำลังทำมันอยู่ แต่ไม่รู้จะดีหรือถูกใจในสายตาพี่เสือบ้างหรือเปล่า "รินอยากมาขอโทษเรื่องเมื่อวานน่ะค่ะ.. ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น" "เราเลิกกันแล้วไม่ใช่หรอไง"เขาว่า สายตามองมาที่ฉันนิ่งๆ "ไม่ใช่อย่างงั้นนะคะ รินแค่.." ร่างกายของฉันมันชาดิก พยายามจะหาคำพูดมากมายมารั้งเขาเอาไว้ แต่สมองก็ช้าเกินกว่าที่จะสรรหาคำอะไรมาเปลี่ยนใจเขา พี่เสือกำลังจะบอกเลิกฉัน.. สายตาของเขามันบอกชัดเจน "..."พี่เสือเงียบเพื่อฟังฉันพูดประโยคต่อไป "รินรักพี่นะ.. เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม ขอโทษถ้านิสัยไม่ดีใส่ แต่อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม.."ฉันพูดเสียงสั่น พยายามที่จะรั้งมือของเขาเอาไว้ แต่พี่เสือก็ชักมือกลับไปอยู่ดี "พอเถอะ พี่ไม่อยากฝืนแล้ว" "ฝืน พี่หมายความว่าอะไร" "พี่ไม่อยากอธิบายว่ะริน" "พี่เสือ.. รินแค่อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม อะไรที่ไม่ดี อะไรที่พี่ไม่ชอบใจ บอกรินมา รินจะได้ปรับได้" "ไม่ต้อง" "ไหนพี่บอกว่ารักริน ทำไมพี่ถึงไปกับคนอื่น"ฉันถามออกไป ผู้หญิงคนเมื่อเช้าดันมายืนรอเขาที่รถอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ทำไมเขายังบอกว่ารักฉัน รัก.. แต่ก็ไปกับคนอื่น แบบนี้เรียกว่ารักงั้นเหรอ? "เสร็จน้ำเดียวไม่เรียกว่าผัวนะคนเก่ง" "พี่เสือ.. ฮึ่ก รินขอโทษ.." เข่าฉันแทบจะทรุดลงกับพื้นดิน โชคดีที่มีขิมคอยประคองเอาไว้ ไม่อย่างงั้นฉันคงหมดแรงตรงนี้แน่นอน ทำไมไม่รักษาน้ำใจกันบ้างเลย ฉันทำอะไรผิดนักหนา "พอเถอะริน แกเสียใจเพราะผู้ชายคนนี้มามากแล้ว พอเถอะ" "ถ้านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้รั้งเขา ฉันก็จะพยายามให้ดีที่สุด เผื่อเขาอาจจะเปลี่ยนใจ.." "เลิกกันไปแหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเพราะพี่อีก"พี่เสือตอบกลับโดยที่ไม่มองหน้าฉัน เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ราวกับว่ารำคาญฉันเต็มที แต่ฉันตั้งหลักไม่ทัน ฉันยังไม่พร้อมจะเสียใจเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้.. "พี่เสือ.." "..." "ไม่เลิกได้ไหม.."ฉันพูดยังไม่ทันขาดคำ น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ไหลออกมาต่อหน้าเขาอีกครั้ง ฉันรู้ว่าน้ำตาไม่ได้ช่วยรั้งใจใครเอาไว้ ฉันแค่อยากบอกเขาว่าฉันเสียใจ นี่อาจจะเป็นคำร้องขอสุดท้ายของฉันก็ได้ ฉันอยากจะรั้งเขาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด แต่นี่ก็คงจะเป็นจุดจบของความรักที่สวยงามของฉัน ฉันจะรับมันไหวได้ยังไงกัน ฉันทำไม่ได้.. "เลิกกันเถอะริน ..พี่มีคนอื่นแล้ว"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD