หูย ปากคอเราะราย พูดมาแต่ละคำ เจ็บจี๊ดไปถึงทรวงใน

1260 Words
“คุยเรื่องแต่งงานน่ะใช่ แต่หาได้คุยเรื่องแต่งงานของเอ็งไม่” “เอ๊ะ พ่อพูดกำกวม หนูไม่เข้าใจ” บอกตามตรงว่าเข้าใจ แต่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ลูกไม้นี้ ทองอินกับไอ้แผนมองก็อ่านออกแล้ว และก็เป็นไอ้แผนที่ต้องออกปากเพื่อให้เรื่องมันจบๆ “ข้ามาคุยกับพ่อเอ็งว่าข้าไม่อยากได้เอ็งเป็นเมีย” เท่านั้นบรรยากาศรอบข้างก็เงียบกริบ มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ไอ้แผนเอ่ยประโยคนี้ ซึ่งถูกต้อง เขาไม่ได้เพิ่งเอ่ยประโยคนี้เป็นครั้งแรก แต่เอ่ยมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และมันก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะหลังจากนั้นมะลิก็สวนขึ้นมา “แต่หนูอยากแต่งกับคุณพี่นี่” มันเลยทำให้การพูดคุยในหัวข้อนี้หาข้อยุติไม่ได้สักที ไอ้แผนระอาใจเป็นยิ่งนัก พอๆ กับที่เกรงใจพ่อครูด้วย ขณะที่ทองอินก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ถึงช่วงนี้จะพูดจาไม่ดีกับบุตรสาว กระนั้นก็ตามใจมะลิมากและอดสงสารลูกไม่ได้เมื่อรู้ว่าลูกตนมีจิตปฏิพัทธ์ต่อลูกศิษย์คนโปรด “เถอะน่าไอ้แผน เอ็งเอากลับไปคิดดูให้ถ้วนถี่อีกคราเถอะ ข้าเองก็อยากให้มันได้แต่งกับเอ็งเหมือนกันนะ” “แต่ข้าคิดถ้วนถี่แล้วขอรับพ่อครู ข้าคงแต่งกับมันไม่ได้ อีกอย่าง ตัวข้าเองก็หาใช่ว่าอยากมีเมีย” “ไม่อยากมีเมีย แล้วเอ็งไม่ปฏิเสธข้าแต่หะแรกที่ข้าออกปากยกมันให้เอ็งวะ” “ก็ครานั้นข้าเกรงใจพ่อครู เลยไม่ได้ปฏิเสธไป” ไอ้แผนบอกเหตุผลไม่หมด เขาไม่อยากให้ล่วงรู้ว่าตอนแรกตนก็คิดที่จะมีเมียเหมือนกัน ด้วยรู้ว่าหากพูดออกไป สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างเขาต้องระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำแน่ เขาดูท่าทางอาการหล่อนออกหมดแล้ว ไม่พลาดให้หล่อนได้รวบหัวรวบหางหรอก ทองอินได้ยินก็ถอนหายใจออกมาเต็มแรง ใช่ว่าเขาอยากจะฝืนใจลูกศิษย์ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ “เอ็งรังเกียจเดียดฉันท์อะไรนังมะลิมันหนักหนาวะ” เป็นคำถามละม้ายคล้ายตัดพ้อ มะลิได้ยินก็พยักหน้าเป็นการใหญ่ “ใช่ๆ คุณพี่รังเกียจอะไรหนูงั้นเหรอ” ไม่ได้รังเกียจ แต่ว่า... แต่ว่าอะไรก็ช่างมันเถอะโว้ย! รู้แต่ว่าไม่อยากแต่งด้วยก็เท่านั้น! “ตอนที่พ่อครูเอ่ยปากยกมันให้ข้า ตอนมันรู้ก็โวยวาย หนีไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย เป็นอย่างนี้แล้วจะให้ข้าแต่งมันเป็นเมียได้เช่นไร ข้าไม่อยากหักหาญน้ำใจมันดอกนะ” “แต่ตอนนี้มันอยากเป็นเมียเอ็งแล้วนี่ คงจะไม่เรียกว่าหักหาญน้ำใจแล้วกระมัง” ก็ใช่อยู่ แต่คนไม่อยากแต่งก็คือไม่อยากแต่ง ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรให้มากความด้วย ทว่าถ้าไม่มีเหตุผล ทั้งพ่อครูและบุตรสาวก็คงจะส่งสายตาเค้นเอาคำตอบจากเขาไม่เลิก เช่นนั้นบอกก็ได้ “ว่ากันตรงๆ เลยนะพ่อครู ข้ายังอยากอยู่ตัวคนเดียว เรื่องมีเมียอะไรนี่ ข้ายังไม่อยากเท่าไรนัก ไม่อยากมีชนัก ผูกติดหลังให้มีห่วง อย่าลืมสิว่าข้าเป็นผู้นำหมู่บ้านนะ ต้องออกไปปราบกองโจรอยู่บ่อยครั้ง หากตายห่าขึ้นมา เมียข้า มิต้องตกพุ่มหม้ายรึ” เหตุผลนั้นมีน้ำหนักพอ ยิ่งไอ้แผนถามย้ำ “พ่อครูคงไม่อยากให้ลูกตนตกพุ่มหม้ายดอกกระมัง” แน่ล่ะว่าไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกตัวเองเป็นเช่นนั้น ทองอินจึงยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ การเจรจาวันนี้ ไม่ประสบผลสำเร็จอีกวันแล้ว “เออ ข้าก็ไม่อยากจะบีบคั้นเอ็งเช่นกัน เอาเป็นว่าไว้เอ็งอยากมีเมียเมื่อไรก็ค่อยว่ากันแล้วกัน” “พ่อ!” แทนที่เรื่องจะจบแล้ว แต่มะลิกลับร้องออกมาเสียงดังให้ทองอินได้โวยวายถาม “กระไรของเอ็งวะ!” “พ่อยอมจบง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงเจ้าคะ หนูไม่ได้แต่งกับคุณพี่นะ” “แล้วจะให้ข้าไปบีบคอมันมาแต่งกับเอ็งเรอะ! ไปๆ จะไปไหนก็ไป อย่ามาอยู่เกะกะหูตาข้า!” ตัดบทรวบรัดด้วยการไล่เสียเลย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับลูกสาวช่างตื๊อ ไม่รู้ว่ามะลิเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อก่อนไม่เป็นเช่นนี้ รักนวลสงวนตัว หยิ่งยโสจองหอง ไม่ได้รี่ตามผู้ชาย อย่างที่เห็นอยู่ และพอมะลิถูกไล่ ไอ้แผนก็สบโอกาสบอกลาทันที “ข้าขอตัวก่อนแล้วกันพ่อครู ลาขอรับ” “เออๆ ไปดีมาดี ข้าก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว รำคาญ!” พูดจบก็หุนหันลุกจากแคร่ออกไปทั้งคู่ ทิ้งให้มะลิมองแผ่นหลังกว้างของไอ้แผนสลับกับบิดา พลันก็ผุดลุกขึ้นมา แหม ลูกกตัญญูอย่างนี้ก็ต้องเลือกวิ่งตามหลังผู้ชายสิ ประเดี๋ยวไม่ได้แต่งงานตามที่พ่ออยากให้แต่งกันพอดี! แล้วก็ทำตามอย่างที่คิด ร่างบางวิ่งปรื๋อไปดักหน้าไอ้แผน ก่อนจะเรียกสีหน้ายับย่นจากชายหนุ่มมาได้ “อะไรของเอ็งอีก” น้ำเสียงบ่งบอกเลยว่าไม่พอใจอย่างชัดเจน รำคาญด้วย แต่ทำได้เพียงถ่ายทอดทางสีหน้าเท่านั้น ขณะที่มะลิ ทำหน้าง้ำ “หนูขอถามคุณพี่จริงๆ ได้ไหมเจ้าคะ” “อะไร” “เพราะอะไรถึงไม่อยากแต่งงานกับหนู” ก็มึงวิปลาสอย่างนี้ไงนังมะลิ! อยากจะขึ้นมึงขึ้นกู แต่ยับยั้งชั่งใจได้ทัน ทำให้ไอ้แผนได้ตอบกลับไปเสียงเรียบแทน “เพราะข้าไม่อยากแต่ง” “แค่นี้รึ” “แค่นี้” แล้วไอ้แผนก็ออกเดินไปข้างหน้า ไม่สนใจมะลิที่มองไล่หลังมา อะไรวะ ไม่อยากแต่งงานเพราะเหตุผลกำปั้นทุบดินอย่างนี้เนี่ยนะ!? คิดหรือว่ามะลิในร่างอวตารเวอร์ชั่นสองจะยอม ถ้าไม่อยากแต่งก็ต้องมีเหตุผลมากกว่านี้สิ วิ่งตึกๆ ไปดักหน้าไว้อีกทันที ทำให้ไอ้แผนต้องชักสีหน้าใส่ “อะไรของเอ็งอีกวะ” ขึ้นวะขึ้นโว้ยแล้ว แต่มะลิไม่สนใจหรอก ระบายยิ้มแล้วถามออกไปอีกครั้ง “คุณพี่แผนต้องมีเหตุผลมากกว่านี้แน่ๆ เจ้าค่ะถึงไม่อยากแต่งกับหนู บอกหนูมาตามตรงได้ไหมเจ้าคะว่า เหตุผลอะไร หนูจะได้ปรับตัว” เท่านั้นไอ้แผนก็ปราดมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นี่มันยังไม่รู้ตัวอีกงั้นรึ? ก็ได้ เขาจะบอกให้! “ข้ามิชอบหญิงที่เร่เสนอตัวให้ชายเช่นเอ็ง ชัดหรือยัง” ตอกหน้าหงายไปเลย ไม่มีความเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น มะลิทำตาโตทันควัน “เร่เสนอตัวให้ชายอย่างนั้นหรือ?” “เออ หญิงเช่นเอ็ง ข้าไม่ชอบ กิริยามารยาทเยี่ยงหญิงที่โรงรับชำเราบุรุษในพระนคร น่าไม่อาย ข้าไม่อยาก ได้เป็นเมีย” เมื่อลับหลังทองอินก็ไม่มีผู้ใดต้องเกรงใจ ว่าไปตามตรง ว่าแรงๆ ด้วย จะได้สำนึกตัวสักที ซึ่งมันก็ทำให้มะลิอึ้งงันไปได้เหมือนกันด้วยเพิ่งเคยถูกเขาพูดจาร้ายกาจใส่ครั้งแรก หูย ปากคอเราะราย พูดมาแต่ละคำ เจ็บจี๊ดไปถึงทรวงใน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD