Rose 4
“คิดถึงว่ะ กอดหน่อย” อดัมเอ่ยบอกทั้งฉันกับพิมพ์ใจ ทั้งคู่ขยับเข้าไปกอดพิมพ์ใจหลวม ๆ ก่อนจะขยับมากอดฉันเช่นเดียวกัน
“เยอะเกินไปแล้ว” แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยปราม เมื่อทั้งสองคนกำลังจะเข้ามากอดทักทายฉัน เป็นอาทิตย์ที่ปรายตามองสองหนุ่มดุ ๆ ทั้งคู่ก็ทำเพียงหัวเราะขำ ๆ ออกมาเท่านั้น แต่พอเห็นว่าเจ้าของเสียงดุ ๆ กำลังจะหันมาดุกัน ฉันก็เลือกที่จะมองเมิน แล้วหันกลับไปคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ แทน
“มานานยัง?” ฉันถามสองหนุ่มที่ส่งแก้วเครื่องดื่มมาให้ทั้งฉันกับพิมพ์ใจ แต่รายนั้นบอกเพื่อนแล้วว่าไม่ดื่ม ต่างจากฉันที่ไม่ว่าใครส่งอะไรให้ก็รับหมดแหละค่ะนาทีนี้
“สักพักแล้ว ไป ๆ ไปนั่งกัน นี่ฉันเลือกโต๊ะให้พวกเราแล้วเนี่ย” บูมเป็นฝ่ายเอ่ยชวน เราทุกคนถึงได้เดินไปนั่งที่โต๊ะนั้นพร้อมกัน แอบสังเกตรอบ ๆ ร้านก็เห็นว่าโต๊ะหลายตัวที่จองไว้ มีเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนนั่งคุยนั่งดื่มกันอยู่อย่างสนุกสนาน กว่าจะเดินถึงโต๊ะของยัยบูมฉันก็แวะทักทายเพื่อนร่วมรุ่นที่รู้จักกันเกือบจะทุกโต๊ะ แล้วแน่นอนว่าแวะโต๊ะไหนเป็นได้ดื่มกับเพื่อน ๆ วนไป
“โห สวยว่ะ ชนหน่อยไอ้มายด์” เพื่อนเอ่ยชมทั้งยังชวนชนแก้ว พอเครื่องดื่มในแก้วหมดก็เติมให้เสร็จสรรพ
“แกก็หล่อมาก ชนหน่อยสุดหล่อ” แซวเพื่อนด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปอีกโต๊ะ
“รู้ตัวว่ะว่าหล่อ แต่เมียมาด้วยและรักเมียมาก มาๆ จะแนะนำให้รู้จักเว้ย” เพื่อนคนเดิมรีบบอกก่อนจะขยับเข้าไปยืนซ้อนหลังผู้หญิงคนหนึ่งและแนะนำให้รู้จักกัน
“น่ารักมากเลย สุดยอดมากค่ะปราบไอ้ชัยได้อยู่หมัดเลยอะ” เอ่ยชมอย่างจริงใจ ทั้งยังยกนิ้วให้คนน่ารักตรงหน้าจนอีกฝ่ายหลุดหัวเราะเบา ๆ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายไปหาเพื่อนคนอื่น
“ยัยต้น! เธอจะสวยเกินไปแล้วนะ” ฉันรีบทักทายเพื่อนอีกคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน คนนี้น่ะเห็นหน้าผ่านหน้าฟีดเฟซบุ๊กตลอดแต่ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ มีเพียงแค่กดหัวใจและคอมเมนต์ให้เท่านั้น
“แกสิสวยวันสวยคืน แต่ว่านะ...” ต้นรีบทักกลับมาด้วยความตื่นเต้น แล้วรั้งต้นคอฉันเข้าใกล้ พลางแอบกระซิบกระซาบข้างหูให้ได้ยินเบา ๆ
“ฉันไปทำนมมาแหละ เป็นไงข่าวใหม่บอกแกคนเดียว” กระซิบเสร็จก็ถอยออกห่าง แล้วมองฉันด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น จนอดหัวเราะกับความแสบซนเหมือนเคยนั้นไม่ได้
“ปังมากแม่” เอ่ยแซวแล้วยกนิ้วให้กับความปังที่ว่า
“แน่นอน” อีกฝ่ายก็ไหวไหล่น้อย ๆ น้อมรับคำชม
“ไปแล้วนะ อยากนั่งแล้ว” บอกลาเพื่อน ๆ ตรงนั้นแล้วเดินลัดเลาะไปเรื่อย จนกลับมาถึงโต๊ะที่ยัยบูมจองเอาไว้ แต่ในจังหวะที่กำลังจะนั่งลง เก้าอี้ตัวที่ฉันจับอยู่ก็ดันมีคนแทรกตัวนั่งลงเสียก่อน ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมามองหน้าฉันด้วยรอยยิ้มแสนจะใสซื่อ
“เพื่อนเราไม่มาสักคนเลยขอนั่งด้วยนะ” เอ่ยจบก็ยิ้มตบท้ายอย่างน่ารัก ฉันจึงพยักหน้าส่ง ๆ ให้อย่างไม่คิดอะไร
“แต่เก้าอี้มันพอดีกับที่เราจอง...” เคลวินรีบร้องท้วง เสียงมันคงดังพอให้อาทิตย์ได้ยิน เขาถึงได้เงยหน้าขึ้นมองฉัน
“อ้อ ไม่เป็นไร ๆ นั่งเลย เดี๋ยวฉันมา” ฉันว่าแบบนั้น แล้วหันรีหันขวางมองหาเก้าอี้ว่างจากโต๊ะอื่น
“ชล ๆ เก้าอี้ตัวนี้ว่างไหม? จะมีใครมานั่งอีกเปล่าอะ” ฉันถามเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะนั้น
“ไม่มี ๆ ว่าง ๆ จะเอาไปเหรอ?” เจ้าของชื่อรีบตอบกลับ แต่ก็ไม่วายเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ใช่ เก้าอี้เต็มน่ะ”
“เอาไปเลย ๆ แต่หนักนะ เดี๋ยวยกให้” เอ่ยจบชลก็ยกเก้าอี้มาวางให้ที่โต๊ะอย่างมีน้ำใจ ฉันเลยบอกให้เขาช่วยวางข้างกับเก้าอี้ของเคลวินกับบูม ซึ่งมุมก็ดีเหลือเกิน เพราะจุดที่ฉันนั่งนั้นอยู่ตรงข้ามกับอาทิตย์พอดีเลยนี่สิ
อาทิตย์นั่งอยู่ตรงนั้นและเก้าอี้ที่ฉันเคยจะนั่งก็มีโรสนั่งอยู่ ถัดจากโรสเป็นพิมพ์ใจที่ตอนนี้มองฉันอย่างเป็นห่วง อ่า ยัยนั่นคงเป็นห่วงฉันไม่น้อยเลย ฉันจึงเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความหาเธอ พิมพ์บอกไปด้วยว่าสบายมาก และขอให้เพื่อนสนุกกับงานเลี้ยงได้แล้ว เพราะตอนนี้ฉันก็กำลังสนุกอยู่เหมือนกัน
“เอาไหม?” เคลวินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กระซิบถามเมื่อเรานั่งกินข้าวกันไปได้สักพัก และโรสก็ดูเอาอกเอาใจอาทิตย์อย่างออกนอกหน้า จนเพื่อนคนอื่น ๆ ในโต๊ะส่ายหน้ากันอย่างเอือมระอา
“อะไรน่ะ?” ฉันถามกลับไป จากนั้นไม่นานก็มีแก้วเครื่องดื่มสีสวยส่งมาจากเคลวินที่เจ้าตัวรับมาจากอดัมอีกที
“พวกแกจะมอมเหล้าฉันเหรอ?” ทวนถามเพื่อนทั้งยังหรี่ตามองอย่างจับผิด จนพวกมันหัวเราะลั่น
“จะบ้าเหรอ นี่เหล้าสูตรใหม่ ไอ้อดัมมันคิดมา” เคลวินอธิบาย ฉันจึงรับแก้วช็อตมาก่อนจะกระดกดื่มรวดเดียว กลิ่นหอมหวานของเครื่องดื่มค่อย ๆ หายไปเหลือเพียงความขมปร่าของแอลกอฮอล์ที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งลำคอ
“เป็นไง?”
“อร่อยนะ เลเยอร์รสชาติชัดมาก แต่เราว่าเมาง่ายแน่นอน” บอกเพื่อนอย่างที่คิด
“จริง เมาง่าย สูตรนี้เพื่อแกคนเดียว ฮ่า ๆ” อีกฝ่ายหัวเราะลั่นที่หลอกให้ฉันดื่มได้สำเร็จ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็หัวเราะขำขันกัน เหมือนวางแผนกันไว้เลยให้ตายสิ
“ฉันจำนะ” แอบขู่เพื่อนเบา ๆ แล้วหันไปสนใจสิ่งรอบข้างแทน อาหารอร่อยนะ แต่มันคงอร่อยกว่านี้หากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันไม่เอาแต่จ้องมองกันอย่างดุ ๆ แบบนั้นน่ะ ไหนจะแจ้งเตือนโทรศัพท์ที่สั่นรัว ๆ เพราะมีข้อความของถูกส่งเข้ามา แต่แน่นอนว่าฉันไม่คิดที่จะเปิดอ่านในตอนนี้หรอก แล้วก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองด้วยว่า ข้อความเหล่านั้นมาจากคนที่นั่งก้มหน้าพิมพ์อะไรสักอย่างในโทรศัพท์ตัวเองอยู่ตรงข้ามกันน่ะ
“อันนี้อร่อยนะ” ใบหม่อนบอก มือก็ตักอาหารมาใส่จานให้พิมพ์ใจไปด้วย
“สั่งเพิ่มไหม?” บูมเอ่ยถาม
“เอาสิ มายด์จะเอากุ้งกระเทียมเพิ่มไหม?” ครั้งนี้อาทิตย์เอ่ยถามฉันอย่างชัดเจนโดยการเรียกชื่อ เพราะก่อนหน้านี้เขาจะถามอะไรก็ไม่ได้เรียกชื่อ และจะเป็นโรสที่ตอบประโยคคำถามเหล่านั้นทุกคำถาม
“หือ? อ๋อ ไม่เอา ๆ ไม่อยากกินแล้ว”
“แต่โรสอยากกินอะ อาทิตย์สั่งเพิ่มให้โรสหน่อยนะ”
“...ครับ” เจ้าของเสียงทุ้มรับปาก กระทั่งเรียกพนักงานมาสั่งอาหารเพิ่มเสร็จสรรพ เคลวินเลยขอเมนูอาหารมาดูบ้าง แถมยังชวนฉันดูเมนูที่อยากกินไปด้วย
“อยากกินอันนี้อะ” ฉันจิ้มนิ้วลงบนเมนู เมื่อเห็นรูปยำคอหมูย่างน่ากิน
“เออได้ เอายำคอหมูย่างอีกสองที่ครับ” เคลวินเอ่ยบอกพนักงานหลังจากที่คนอื่น ๆ สั่งเสร็จแล้ว
“อันนี้ลองไหม?”
“เอา ๆ เอามาเลย” ฉันพยักหน้าตอบเคลวิน มือก็ยกแก้วเครื่องดื่มจิบไปด้วยพลาง ๆ
“เริ่มหนาวแล้วแฮะ” บูมที่นั่งอยู่ข้างฉันพึมพำออกมาเบา ๆ นั่นจึงทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ก็เข้าใจได้ในทันทีเพราะเรานั่งอยู่กลางลานโล่ง ๆ ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วด้วย ทั้งดื่มทั้งนั่งตากน้ำค้างแบบนี้ไม่หนาวน่ะสิแปลก ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ก็มีบ้างที่ขึ้นไปร้องเพลงหรือไปเต้นเฮฮา ฉันมองแล้วก็หัวเราะกับความตลกนั้นไม่น้อย แต่มือก็ไม่ค่อยว่างเพราะเพื่อน ๆ ต่างขยันมาชนแก้วกันเหลือเกิน
“อาทิตย์ไปไหนคะ?” จู่ ๆ อาทิตย์ที่ลุกขึ้นยืนก็โดนหญิงสาวข้างกายเอ่ยถามทันที
“เข้าห้องน้ำครับ” คนตัวสูงตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ ฉันไม่ได้สนใจทั้งคู่มากนัก แต่ในจังหวะที่กำลังโน้มตัวไปตักอาหารบนโต๊ะก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสื้อคลุมตัวหนึ่งคลุมลงบนไหล่เบา ๆ ทั้งเจ้าของมันยังช่วยจัดแจงให้เรียบร้อยอีก
“เดี๋ยวเป็นหวัด” เขาบอกเพียงเท่านั้นแล้วเดินหายไปเลย