Rose 2

1127 Words
Rose 2 “เป็นไง? คิ้วขมวดอะไรขนาดนั้นอะ” พิมพ์ใจเอ่ยถามคล้ายจะแซวกัน แต่คงดูออกว่าฉันไม่สบายใจสักเท่าไหร่ถึงได้เอ่ยถามเพียงเท่านั้น “ไม่ฟังเลย ฉันบอกว่าจะไปเองก็ยังจะมารับอีก” บ่นให้เพื่อนสนิทฟังอย่างไม่สบายใจเท่าไหร่นัก “เอาน่า เขาอยากมาก็ให้เขามาสิ ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย” พิมพ์ใจพยายามปลอบ แต่ฟังยังไงก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่เหมือนเดิม “ใจฉันนี่ไงเสียหาย พูดแล้วเศร้าอะ เฮ้อ กินเหล้ากันไหม?” ฉันแกล้งเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลกับตัวเองไปมากกว่านี้ “เย็นนี้เป็นไง? เดี๋ยวพากลับเองเพราะฉันไม่ดื่ม” อีกฝ่ายหัวเราะอย่างขบขันยามได้ยินว่าฉันหาเรื่องดื่ม แน่นอนว่าคนอยากเมาอย่างฉันต้องยกนิ้วโป้งให้ แล้วหันกลับไปทำงานต่อ รอไม่นานไรเดอร์ก็มาส่งอาหาร เราผลัดกันไปกินข้าวเพื่อให้เหลือคนคอยดูแลร้าน ฉันรีบกินแล้วรีบมาเปลี่ยนตัวกับยัยพิมพ์ แต่ในระหว่างที่เริ่มจัดช่อดอกไม้ช่อใหม่ก็เห็นว่ามีข้อความส่งเข้ามาจากเพื่อนคนเดิมบนหน้าจอโทรศัพท์ เขาส่งมาย้ำว่าจะมารับให้รอเขามาก่อน ฉันเปิดอ่านแล้วตอบกลับไปสั้น ๆ ว่า โอเค จริง ๆ แล้วเมื่อก่อนเราคุยกันเยอะมาก เรียกว่าคุยทุกวันเลยก็ว่าได้ ทั้งส่งข้อความทั้งโทร. หากัน แต่เมื่อฉันเริ่มมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไรกับฉัน ทั้งยังแสดงออกชัดเจนว่าชอบยัยพิมพ์ใจ นั่นแหละ ฉันถึงค่อย ๆ เว้นระยะห่างจากอาทิตย์ไป เพราะหากวันไหนที่คนทั้งสองลงเอยกัน ฉันจะได้มองหน้าทั้งคู่ได้อย่างสบายใจ และไม่รู้สึกผิดที่เผลอคิดเกินเลยกับแฟนเพื่อนแบบนั้น มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่เราเริ่มรู้จักกันสมัยเรียนมหา’ ลัยปีหนึ่งด้วยซ้ำ อาทิตย์จะคอยดูแลและใส่ใจฉันอย่างดี นานวันเข้าหัวใจฉันก็เริ่มเอนเอียง และรู้สึกชอบเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนั้นฉันไม่ได้มองรอบข้างเลยว่าอาทิตย์เองก็ปฏิบัติกับพิมพ์ใจและคนอื่น ๆ เหมือนที่ปฏิบัติกับฉัน กว่าจะรู้ตัวเวลาก็ล่วงเลยไปสองสามปีแล้ว คนที่ไม่เคยได้รับความรักหรือความเอาใจใส่จากใครมาก่อน เมื่อได้รับสิ่งเหล่านั้นมา ก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ร่ำไป แต่พอคิดได้ว่ามันไม่ควร ฉันก็เริ่มคุยกับอาทิตย์น้อยลง เราไม่ได้หายจากกันไป เพราะลึก ๆ แล้วฉันก็ยังโหยหาอีกฝ่าย กระทั่งเรียนจบออกมาทำงานที่ร้านดอกไม้นี่ อาทิตย์ก็ยังปฏิบัติต่อฉันเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เรายังเรียนอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ฉันจะพยายามตีตัวออกหากเขาตลอดเวลาก็ตาม เหมือนคนโง่เลยใช่ไหมล่ะ ฉันยังยืนอยู่ในจุดเดิมที่มองเห็นเขามีความสุข ไม่แม้แต่จะคิดไขว่คว้าให้เขามาอยู่ข้างกายกัน แต่พอโตขึ้นฉันกลับรู้สึกขอบคุณเขาที่คอยช่วยดูแลกันในหลาย ๆ เรื่องเสมอ ถึงแม้ทุกครั้งตัวเองต้องมานั่งร้องไห้เสียใจ ที่เป็นฝ่ายคิดไปเองคนเดียวก็ตาม “อยากกินกาแฟจังเลย พี่มายด์สั่งให้หนูด้วยไหม” เสียงสดใสของผู้มาใหม่อย่างพิมพ์ขวัญดังขึ้น เสียงนั้นเรียกสติที่หลุดลอยของฉันให้กลับเข้าที่ แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเหม่อไปตั้งแต่เมื่อไหร่ “สั่งแล้วจ้า อเมริกาโน่เย็นของเด็กน้อย” แกล้งแซวน้องสาวคนสนิทที่ติดกาแฟดำเข้าเส้นและต้องกินทุกวัน “โห ไม่เด็กแล้วนะคะ โตแล้วนะคะ” พิมพ์ขวัญเถียงกลับมาด้วยน้ำเสียงงอแง จนฉันหลุดหัวเราะอย่างสบายใจที่น้องพยายามชวนคุย “มีส่งดอกไม้นะ กินข้าวหรือยัง?” ฉันรีบถามน้องสาวเพื่อนที่เดินไปเดินมาอยู่ในร้าน เด็กคนนี้คงจะสังเกตเห็นว่าฉันกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มั้ง? ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ บอกแล้วว่าทั้งพิมพ์ขวัญกับพิมพ์ใจน่ะน่ารักมาก ๆ คงเป็นเพราะเรารู้จักและสนิทกันมานาน ตอนนี้ก็เลยเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว “ยังค่ะ อีกสักพักก่อน หนูเพิ่งตื่นเอง” พิมพ์ขวัญตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ้อน ๆ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ร้านที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ สักพักเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ อยู่ในร้านก็เปลี่ยนไป จากเพลงทำนองพอสซิทิฟแจ๊ซ กลายเป็นเพลงโจ๊ะ ๆ จังหวะสนุก ๆ ที่เปิดในร้านเหล้าแทน ฉันหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี เมื่อเข้าใจความหมายที่น้องจะสื่อ ยัยเด็กคงไม่อยากให้ฉันเศร้า ก็เลยเลือกเปิดเพลงสนุก ๆ ให้ฉันฟังแทน พอหันไปมองน้องก็รีบส่งยิ้มตาหยีมาให้ “ขอบคุณนะเด็กแสบ” เอ่ยขอบคุณขำ ๆ อย่างอารมณ์ดี “โอ๊ะ! อารมณ์ไหนอะ? นึกว่าอยู่ร้านเหล้า” พิมพ์ใจที่เปิดประตูร้านเข้ามาถึงกับอุทานตกใจ ส่วนคนเปิดเพลงน่ะกำลังหัวเราะอย่างสนุก ก่อนจะเดินออกไปกินข้าวคนเดียว เตรียมท้องให้พร้อมก่อนเอาดอกไม้ไปส่ง “ซนมากเลยทุกวันนี้น่ะ” พิมพ์ใจบ่นตามหลังน้องสาว สองขาเรียวเดินไปลดเสียงเพลงในคอมฯ ลงให้เป็นเสียงคลอเบา ๆ ภายในร้าน แต่ไม่เปลี่ยนเพลย์ลิสต์ที่พิมพ์ขวัญได้เลือกไว้ ปากบ่นน้องแต่ก็ไม่กล้าเปลี่ยนเพลงอยู่ดีนั่นแหละ “เศร้าเหรอ? ยัยเด็กถึงได้เปิดเพลงบิวต์น่ะ” เมื่อจัดการลดเสียงเพลงลงแล้ว พิมพ์ใจก็เดินมาประจำตำแหน่งตามเดิมเพื่อจัดแจกันดอกไม้ต่อ แต่ก็ไม่วายหันมาถามฉันด้วยความเป็นห่วง “ไม่หรอก คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ แล้วน้องมาเห็นพอดี” “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจมาคุยกับฉันได้นะมายด์ แล้วก็เรื่องอาทิตย์น่ะ ฉันบอกแกไปแล้วว่าฉันไม่ได้คิดอะไร ฉันคิดกับเขาแค่เพื่อนจริง ๆ” พิมพ์ใจรีบอธิบาย “ฉันรู้น่า ตอนนี้แค่คิดว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกทำแบบนี้สักที” ...ที่ชอบทำดีกับฉันแบบนี้น่ะ “นั่นสินะ ทำแบบนี้กับแกนิสัยไม่ดีเลยเนอะ” เพื่อนสนิทหันมาทำหน้าบูดบ่นอีกคนอย่างจริงจัง ก่อนจะพาฉันคุยเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย คงไม่อยากให้ฉันเศร้ากับเรื่องนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD