บทที่ 6 บังเอิญ…อีกแล้ว!?

1583 Words
บทที่ 6 บังเอิญ…อีกแล้ว!? หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป งานเปิดตัวรถนำเข้าถูกจัดขึ้นที่ฮอลล์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง โดยมีแขกมาร่วมงานไม่ต่ำกว่าพันชีวิต เนื่องจากงานในวันนี้เป็นที่จับตามองของกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก รวมไปถึงวงการข่าวมากมายที่ต่างก็ให้ความสนใจไม่ต่างจากวันรวมตัวคนดังระดับประเทศ รถยนต์คันหรูราคาแปดหลักจอดเรียงรายอยู่ในพื้นที่ ซึ่งการจัดงานในวันนี้อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Triumph Auto Service โดยผู้บริหารผู้รังสรรค์และเนรมิตทุกอย่างนั่นก็คือไตรพัฒน์ ไตรพัฒน์เดินเข้ามาในงานพร้อมลูกน้องติดตามด้านหลังจำนวนสามคน หนึ่งในนั้นมีมารุตมือขวาคนสนิทที่คอยตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน เช่นเดียวกับความปลอดภัยของผู้เป็นนายจวบจนภารกิจในวันนี้จะจบสิ้นไปได้ด้วยดี การรวมตัวผู้คนมากมายภายในงานแห่งนี้ย่อมมีความเสี่ยงกับผู้ทรงอิทธิพลอย่างไตรพัฒน์มาก นอกจากจะไม่สามารถควบคุมแขกร่วมงานได้แล้ว ความเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายก็มีมากกว่าปกติหลายเท่าตัว หากแต่งานที่ถูกจัดขึ้นย่อมก็เป็นกิจกรรมสำคัญที่ทำให้ไตรพัฒน์หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะออกจากที่มืดและกลายเป็นจุดล่อเป้ากับศัตรูที่หวังพรากชีวิต “ตอนนี้ทุกอย่างปกติดีครับ ผมสั่งให้คนเฝ้าตามประตูทุกทางแล้ว แล้วก็มีสไนเปอร์อยู่บนตึกในกรณีฉุกเฉินด้วยครับ” มารุตรายงานต่อผู้เป็นนายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะไม่มีความผิดปกติใดเกิดขึ้น หากแต่คนที่อยู่ในวงการนี้ย่อมรู้ดีว่ามือสีเทามักจะอยู่ในเงามืดและเลือกวิธีลอบฆ่าลับหลัง นั่นจึงทำให้เขาอยู่เฉยหรือนิ่งนอนใจได้ “ตึกไหน” ไตรพัฒน์ถาม แต่สายตากลับทอดมองไปยังหนทางข้างหน้าเพื่อไม่ให้คนที่แอบเฝ้ามองเห็นถึงท่าทีใด ๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้มีผู้ไม่หวังดีปะปนอยู่ในงานด้วยหรือเปล่า แต่การกำหนดอากัปกิริยาย่อมควรอยู่ในความปกติและแนบเนียนมากที่สุด “ตึกวันทาวน์ สิบสี่นาฬิกาครับ” เมื่อได้คำตอบมาเฟียหนุ่มก็ใช้สายตาปรายมองไปยังตึกที่อยู่ฝั่งขวามือผ่านกระจกใส มันเป็นตึกสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ แม้ว่าจะไม่เห็นตัวมือปืนที่คอยดูสถานการณ์ แต่ก็มั่นใจได้ว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น ลูกน้องฝีมือดีที่คอยซุ่มยิงก็คงจัดการได้อย่างท่วงที “คุณไตรพัฒน์คะ อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาเปิดงานแล้ว ฉันขอรบกวนเวลาคุณไตรพัฒน์สักครู่นะคะ พอดีว่าต้องบรีฟจุดยืนและก็คำพูดเปิดตัวนิดหน่อย” ผู้จัดงานเดินเข้ามาโดยในมือก็ถือสมุดที่มีข้อมูลการจัดงานมากมายอยู่ในนั้น “อืม” เขารับคำสั้น ๆ ก่อนจะรับฟังรายละเอียดและกวาดสายตามองไปยังข้อมูลที่ทางผู้จัดงานตระเตรียมไว้ให้ ครั้นเมื่อเสร็จสิ้นก็เดินแยกมายังห้องพักรับรองสุดทางเดินที่มีความปลอดภัยทั้งคนคุ้มกันและอาวุธ แต่ทว่าในจังหวะนั้นกลับเป็นช่วงที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดิบพอดี “นี่ เดี๋ยวถ้าเดินออกไปแล้วพวกหล่อนก็ต้องยิ้มด้วยนะ ไม่ใช่ทำหน้าบูดหน้าบึ้ง ต้องฉีกยิ้มให้กว้าง ๆ” “ค่าเจ๊สวย!” คำขานของคนมากกว่าสิบชีวิตประสานเสียงพร้อมกันเพื่อตอบรับคำสั่ง “อย่าให้เสียชื่อเจ๊สวยนะยะชะนี เด็กของเจ๊สวยน่ะต้องทั้งสวยทั้งเก่ง แถมงานนี้เป็นงานใหญ่ มีแต่ลูกค้าระดับท็อป อย่าพลาดล่ะ! อ้อ นี่ยัยป่าน ตอนโฟนแกต้องยืนดี ๆ นะยะ ยิ้มสวย ๆ พูดสวย ๆ ตอนผายมือไปที่รถก็ต้องสง่างามแต่ก็ต้องทะมัดทะแมง” “รับทราบค่ะเจ๊ขา ป่านทั้งนั่งโฟน นอนโฟน เป๊ะยิ่งกว่าเป๊ะอีกบอกเลย!” มองผ่าน ๆ ก็ล่วงรู้ว่าคนกลุ่มนั้นคือพริตตี้สาวสวยที่จะเป็นหน้าเป็นตายืนเคียงคู่กับรถยนต์คันหรูในค่ำคืนนี้ หากแต่สายตาอันเฉียบคมกลับสามารถประมวลและขบคิดได้อย่างท่วงทีว่าหนึ่งในนั้นคือผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสายสืบ “นายครับ นั่นมัน...” มารุตรีบเอ่ยเรียกคนเป็นนายเมื่อสายตาเห็นผู้หญิงคนเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขาสงสัยว่าเธอทำงานเป็นสายสืบให้ศัตรู แต่ในตอนนี้เธอกลับอยู่ในชุดที่บ่งบอกว่าเป็นพีทีของงานเฉกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้าง “จับตาดูยัยนั่นให้ดี ถ้ากูเปิดงานเสร็จเมื่อไหร่ค่อยลากตัวยัยนั่นมา” ไตรพัฒน์สั่งการกับมือขวาก่อนจะสาวเท้าก้าวตรงปรี่ไปยังห้องรับรอง ความเรียบนิ่งปรากฏจนแทบไม่รับรู้ถึงความคิดและความรู้สึก แต่ในฐานะมือขวาคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมานาน ย่อมรู้ดีว่าคำสั่งราบเรียบเฉยเมยแบบนั้นล้วนเต็มไปด้วยไฟโทสะมากมายที่สาดสุมอยู่ด้านใน มาเฟียหนุ่มแค่นหัวเราะน้อย ๆ ภายในใจก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองว่าการพบเจอกันกับเธอคนนั้นคงไม่ใช่ความบังเอิญอีกต่อไปแน่ งานเปิดตัวรถยนต์นำเข้าเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ผู้บริหารกล่าวจบ เหล่าพีทีสาวสวยก็ได้เวลาเดินออกมา และกล่าวข้อมูลรายละเอียดของจุดขายบริเวณรอบตัวรถ จากเดิมที่ความประสงค์ของไตรพัฒน์นั้นต้องการให้คนจับตัวสาวเจ้ามาเค้นถามหลังเปิดงาน แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผิดไปจากที่คาดไว้ เพราะที่แห่งนี้มีผู้คนมากเกินกว่าจะทำการอุกอาจแบบนั้น แถมเธอยังเป็นที่สนใจกับผู้คนมากมาย นั่นจึงทำให้ไตรพัฒน์ตัดสินใจและสั่งการกับลูกน้องให้จับตามองเธออยู่ห่าง ๆ แล้วค่อยหาจังหวะจัดการในภายหลัง “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่อาณาจักรไทรอัมพ์ออโต้เซอร์วิส ครั้งที่สิบสอง ยนตรกรรมทรงสปอร์ตสี่ประตู ดีไซน์เฉี่ยวคมดุดัน ตอกย้ำความหรูหราด้วยไฟหน้าและไฟท้ายที่ออกแบบ...” เสียงหวานน่าฟังอธิบายถึงคุณสมบัติของตัวรถยนต์นำเข้าได้อย่างถูกต้องและไม่มีข้อบกพร่อง ด้วยโทนเสียงและอิริยาบถโดดเด่น ทำให้สายป่านกลายเป็นจุดเด่นของงานที่เกือบทุกสายตาจับจดมองเธอเป็นจุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการพูด จังหวะการผายมือ จังหวะการเดิน ทุกอิริยาบถล้วนสะกดให้ทุกคนต่างหยุดนิ่งและทอดสายตามองไปยังเธอราวกับต้องมนตร์ เฉกเช่นเดียวกับไตรพัฒน์ที่แน่นิ่งไปจากเดิม นอกจากเขาจะจับตามองการกระทำของเธออย่างไม่ไว้วางใจแล้ว คราวนี้เขาเองก็ต้องยอมรับว่าหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายนั้นเธอทำได้ดีเยี่ยมจริง ๆ “เธอเหมือนเป็นพริตตี้มืออาชีพมากกว่าสายสืบนะครับนาย” มารุตเอ่ยเสียงเบาเมื่อมองไปยังร่างเพรียวบางของหญิงสาวที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย “ยังไงของมึงแน่ ใจอ่อนเหรอวะ” “เปล่าครับ แค่คิดว่าเธอแสดงเก่ง” “ยังไงก็วางใจไม่ได้” ไตรพัฒน์พยักหน้ารับ คำพูดที่เอ่ยล้วนแต่ยังไม่เกิดความวางใจกับเหตุการณ์บังเอิญที่เกิดขึ้นถึงสามครั้ง “ผมเช็กสคริปต์มาแล้วครับนาย เธอต้องโชว์ตัวสามรอบ ผมว่าให้คนไปจับเธอที่ห้องแต่งตัวหลังจบงานดีไหมครับ” “อืม” เสียงเข้มตอบรับแต่สองเท้าหนักกลับก้าวอาด ๆ เดินตรงไปยังจุดโชว์ยานพาหนะ ที่ตอนนี้กำลังมีสื่อมากมายเก็บภาพและทำข่าวร่วมกับสาวสวยที่ยืนโพสท่าข้างตัวรถ “นาย! นั่นนายจะไปไหนครับ!” มือขวาร้อนรนรีบตามเข้ามาจับตัวนายไว้ เพราะหนทางที่เดินตรงไปนั้นเป็นตากล้องมากมายที่กำลังจับจด หากเข้าไปกระชากตัวเจ้าหล่อนตอนนี้มีหวังออกข่าวกันโครมใหญ่แน่ “กูเป็นเจ้าของงานก็ต้องไปถ่ายรูปสิวะ” ได้รับคำตอบอย่างชัดเจนแล้วแต่สีหน้าเป็นกังวลของมารุตยังไม่จางหาย เข้าใจดีว่าผู้บริหารจะต้องออกหน้าออกตาทางสังคม แต่การที่เจ้านายเดินก้าวฉับ ๆ ไปยังตัวพริตตี้สาวสวยที่แจกยิ้มให้กล้องแบบนี้ มันก็ดูจงใจมากไปหน่อย ไตรพัฒน์หยัดยิ้มที่มุมปาก ความเรียบตึงทรงอำนาจกองกลับไปอยู่จุดเดิม เพราะในตอนนี้เขาอยู่ในมาดนักธุรกิจที่เข้าถึงตัวได้ง่ายตามภาพเบื้องหน้าที่สร้างบดบัง เพียงการก้าวเดินก็ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหลบหลีกทางให้ยกใหญ่ พลันเดินเข้ามาประชิดที่ตัวรถเช่นเดียวกับตัวหญิงสาวก็สามารถเรียกแสงแฟลชจากนักข่าวได้ทั้งหมด จังหวะนั้นพริตตี้สาวสะดุ้งโหยง หันใบหน้าไปมองยังคนตัวโตที่เดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียง แต่ทว่าก็เป็นการกระทำเพียงเสี้ยววินาที เพราะต่อจากนั้นมันกลายเป็นการขยับตัวหนีพร้อมด้วยท่าทางหวาดกลัวกับการมาเยือนของเขา “อึก...คุณ...” “เจอกันครั้งที่สาม...บังเอิญอีกแล้วสินะ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD