บทที่ 19
หมายหัว
เอี๊ยด!
ทันทีที่ตัวรถจอดสนิทมารุตก็รีบลงจากรถแล้วจัดการเปิดประตูโกดังเหล็ก รวมถึงสาวเท้าเข้าไปด้านในเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง สายป่านที่เห็นแบบนั้นก็เอาแต่ชะเง้อหน้ามองด้วยความอยากรู้ ครั้นเห็นคนข้างกายอย่างไตรพัฒน์เดินตามลงไป นั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจเปิดประตูรถและสาวเท้าก้าวตามเขาไปติด ๆ เนื่องจากนาทีนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้
“โชคดีมากครับนายที่ผมเพิ่งให้แม่บ้านมาทำความสะอาด นายเข้าไปพักก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะโทรให้หมอรินมาทำแผล” มารุตเดินกลับออกมาโดยที่ในมือก็ถือพวงกุญแจพวงใหญ่ คล้ายว่าเขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่ง แต่พอลองมองลึกเข้าไปก็เห็นเพียงแผ่นสังกะสีเก่าคร่ำครึที่ปิดทาบบดบังเอาไว้
“ไม่ต้อง จะให้หมอมาที่นี่ได้ยังไง มึงก็รู้ว่ากูไม่อยากให้ใครรู้ว่าโกดังนี้มีอะไร” ไตรพัฒน์บอกเสียงขรึม สายตากดมองด้วยความเรียบตึงเพื่อยืนยันในคำพูดว่าเขาไม่มีทางให้ใครหน้าไหนมาเหยียบในที่โกดังแห่งนี้แน่นอน
“แต่นายบาดเจ็บนะครับ” มารุตขมวดคิ้วมองผู้เป็นนาย เห็นหยาดเลือดที่ซึมผ่านเนื้อผ้ามาตั้งแต่อยู่บนรถแล้วแต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา คิดไว้แล้วว่าหากขับมาถึงจุดหมายเมื่อไหร่ก็คงจะโทรให้คุณหมอสาวเพื่อมาทำแผลให้อย่างเช่นทุกครั้ง
สายป่านเบิกตากว้าง หันหน้าไปมองตามระดับสายตาของมารุตถึงได้เห็นว่าที่ต้นแขนข้างขวาของไตรพัฒน์นั้นมีหยาดเลือดไหลออกมาจริง ๆ พอลองคิดย้อนกลับไปตามเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วก็คาดเดาได้ว่าเขาน่าจะถูกกระสุนจากการยิงสู้กับอีกฝ่าย เพราะมันเป็นข้างเดียวกันกับที่เขาถือปืน
“กูทำเองได้ แค่ถาก ๆ ไม่เป็นไรมากหรอก” บอกปัด ๆ อย่างไม่ใส่ใจ มือข้างที่ไม่บาดเจ็บก็จัดการพับแขนเสื้อขึ้นลวก ๆ เผยให้เห็นบาดแผลที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดง จนคนที่มองถึงกับเบิกตากว้างออกมา
“เข้าใจว่านายยังไม่ไว้ใจหมอริน แต่กับเธอคนนี้...” มือขวาคนสนิทพูดขึ้นพลางเสสายตามองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในอาการตกตะลึงกับบาดแผล
เขาเข้าใจดีว่าเจ้านายตัวเองไว้ใจใครยาก กับหมอรินที่รู้จักกันมาเกือบสิบปีก็ยังไม่ไว้ใจให้รับรู้ถึงเบื้องลึก หากแต่หญิงสาวที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยคนนี้กลับพามาเหยียบถึงตัวโกดังเก็บสินค้าผิดกฎหมาย แม้ว่าจะเพิ่งผ่านสถานการณ์เฉียดตายด้วยกันมาหมาด ๆ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเจ้านายจะสั่งการให้พาตัวเธอติดรถมาด้วยแบบนี้
“แล้วนี่จะยืนอ้าปากค้างอีกนานไหม เข้าไปข้างใน!” ไตรพัฒน์มุ่นคิ้วมองหน้าคนสนิทอย่างนึกหงุดหงิด ได้ยินคำพูดแบบนั้นก็เหมือนกำลังถูกจับผิดอยู่นัย ๆ แต่ก็ไม่ได้แย้งคำใด พอหันไปมองคนข้างกายก็เป็นต้องออกเสียงเข้มคำรามอีกครั้ง
สายป่านหันมองมารุตราวกับขอความเห็น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงต้องทำตามที่เขาบอก แต่คำตอบที่ได้รับก็คือมือใหญ่ที่ผายไปยังด้านในโกดังมืดมิด
หญิงสาวจำใจเดินตามไตรพัฒน์เข้าไป เห็นเขาดันแผ่นสังกะสีออกและมุดตัวให้ต่ำลง แต่ระดับส่วนสูงของเธอกลับเป็นเพียงการย่อขาลงเล็กน้อยเท่านั้น กระทั่งเดินตามเขาเข้ามาถึงได้พบว่าช่องทางเข้าสังกะสีเมื่อครู่นี้สามารถเดินทะลุผ่านมายังอีกโกดัง ซึ่งเบื้องหน้านั้นมีห้องเล็ก ๆ ที่เปิดไฟสว่างโร่ไว้ตั้งแต่ต้น
ครั้นมือใหญ่เปิดประตูและเดินเข้าไป ความเย็นของลมแอร์ก็ปะทะผิวกาย นั่นจึงทำให้สายป่านเข้าใจได้ทันทีว่ามันน่าจะเป็นห้องทำงานลับ ๆ ของเขา เพราะนอกจากมันจะเหมือนห้องพักแล้ว มันยังมีโต๊ะทำงานและชั้นวางเอกสารที่ตั้งอยู่ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน
“ผมไม่แน่ใจว่าพวกมันเห็นหน้าเธอด้วยหรือเปล่า ถ้าโชคร้ายมันเห็นหน้าเธอเข้าจริง ๆ ป่านนี้มันคงสืบประวัติตามตัวเธอจนหมดแล้ว” มารุตเอ่ยบอกกับคนเป็นนายด้วยท่าทีเคร่งเครียด
“เห็นหน้าฉันแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย” สายป่านแทรกขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อตัวเธอเกี่ยวข้องกับบทสนทนาของเขาเธอก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้ด้วยเช่นกัน
“คนที่อยู่รอบตัวคุณไตรจะต้องถูกหมายหัวตามไปด้วยครับ แล้วตอนนี้ผมเองก็คิดว่าคุณน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น”
“วะ...ว่าไงนะ!” คำตอบที่ได้รับทำเอาสายป่านถึงกับลมแทบจับ แข้งขาอ่อนกำลังจนทำให้เธอทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ใกล้ ๆ
นอกจากจะโชคร้ายพบเจอประสบการณ์เฉียดตายเพราะเขาคนนี้แล้ว เธอยังต้องถูกหมายหัวตามฆ่าจากศัตรูของเขาอีกด้วยหรอกหรือ!?
พระอาทิตย์ดวงใหญ่ตกดินและถูกแทนที่ด้วยดวงจันทร์แล้ว หากแต่อิริยาบถของสายป่านก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมตั้งแต่ต้น
หญิงสาวนั่งกอดอกอยู่บนโซฟาตัวยาว เธอกำลังขบคิดและนึกน้อยใจในโชคชะตาที่นำพาให้เจอแต่เรื่องร้าย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด
กระทั่งความคิดสะดุดกึกไปกับเสียงเปิดประตู เป็นไตรพัฒน์ที่เดินเข้ามาด้วยสภาพที่สวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำแหวกอกเห็นไปถึงไหนต่อไหน ซึ่งเขาเองก็มองเธอด้วยความเรียบนิ่งก่อนจะเดินผ่านไป แล้วหยัดกายนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
“นี่คุณ! ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้มันดี ๆ ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันก็อยู่ด้วยนะ!” อาการเหม่อเมื่อครู่หายลับไปและถูกแทนที่ด้วยความวีนเหวี่ยง เมื่อเห็นคนตัวโตเดินเปิดอกโทง ๆ ไม่เกรงใจคนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันอย่างเธอเลยสักนิด
“ไปอาบน้ำสิ หรือจะนอนทั้งสภาพแบบนี้”
“ฉันอยากกลับบ้าน!”
“รู้ แต่ตอนนี้ยังกลับไม่ได้ เกิดมันดักซุ่มรออยู่หน้าบ้านเธอจะทำยังไง” ไตรพัฒน์ถอนหายใจเป็นรอบที่ล้าน พอต้องมาอยู่ร่วมกับหญิงสาวที่เสี่ยงชีวิตด้วยกันหลายครั้ง เขาเองก็มองว่ามันทั้งน่าขำและน่าเวทนาอยู่ไม่น้อย
“แล้วถ้าพวกนั้นมันไม่เห็นหน้าฉันล่ะ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะคะคุณไตร หรือถ้ามีจริง ๆ คุณก็ปล่อยให้ฉันตายไปเถอะ แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน” สายป่านบอกเสียงสั่นเครือ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอคิดว่าความตายน่าจะเหมาะสมกว่าการต้องอยู่อย่างหวาดระแวงแบบนี้
มือใหญ่หยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา พลางลอบสังเกตท่าทางของสายป่านที่ตอนนี้กำลังนั่งนิ่ง หากแต่นัยน์ตาหวาน ๆ ของเธอกลับเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่พร้อมไหลหลั่งได้ทุกเมื่อ ครั้นเห็นแบบนั้นก็ได้แต่นึกอ่อนใจ เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่การเชื่อฟังคำสั่งของเขาย่อมถือว่าเป็นทางออกและการตัดสินใจที่ดีที่สุด
“ฉิบ!” เสียงเข้มสบถออกมาเมื่อเผลอทำขวดแอลกอฮอล์หกไปเกือบครึ่ง ความเจ็บปวดและมือที่เหลือเพียงข้างเดียวทำให้เขาไม่สะดวกต่อการหยิบจับ โดยปกติแล้วแผลเล็ก ๆ แค่นี้ไม่ได้ทำให้เขาระคายผิวเลยสักนิด แต่เวลาปกติเขามักจะมีคนคอยทำให้อยู่เสมอ พอต้องมาทำเองเขาก็ถึงได้รู้ว่ามันต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลยเหมือนกัน
สายป่านที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ใจร้ายที่จะเมินเฉย เธอผ่อนลมหายใจและปล่อยวางความคิดอันหนักอึ้ง แล้วตัดสินใจหยัดตัวก่อนจะเดินไปคว้าสำลีและขวดแอลกอฮอล์จากมือใหญ่
“มาค่ะ ขืนปล่อยให้ทำเองชาตินี้คงไม่เสร็จ!”