“ในเมื่ออยากทำตัวเหลวแหลกนัก ต่อไปฉันจะไม่เห็นเธอเป็นน้องฉันอีก...”
“และต่อไปนี้ เธอก็อยู่ในฐานะที่ระบายของฉันซะ”
“ที่ระบายงั้นหรอ” ร่างบางของหทัยยานั่งกอดเข่าร้องไห้ออกมาอย่างหนักด้วยความเสียใจกับสถานะใหม่ที่กรฉัตรพึ่งให้เธอหลังจากเขาปลดปล่อยใส่เธอ เขาก็แต่งตัวก่อนจะออกจากห้องของเธอไปด้วยคำพูดที่บาดใจของเธออย่างแรงด้วยคำว่าที่ระบายนั่นเอง
แม้ว่าเธอจะทำปากเก่งที่พูดออกไปว่าจะไปเอง แต่จริงๆแล้วเธอยังไม่รู้เลยว่าจะไปไหน เธอยังไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตข้างนอกยังไงโดยไม่มีญาติผู้ใหญ่และเงินทอง แม้ว่าเธอจะทำปากดีบอกว่าไม่ได้ต้องการเขาแล้ว ไม่ได้อยากครอบครองเขาแล้ว แต่สุดท้ายเธอนั่นแหละที่ยังคิดให้เขาเป็นของเธอเพียงคนเดียวตลอดไป
แต่สิ่งที่เขาให้เธอนั้น...
“ฮือออ”
ส่วนกรฉัตรที่กลับห้องตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลายจากคำพูดของหทัยยา พร้อมกับความสับสนที่ไม่รู้ว่าเธอแค่ประชดหรือจะทำจริงๆ แต่ปกติหทัยยาก็ไม่เคยไปไหนได้ไม่ใช่หรอ ยังไงเธอก็คงจะแค่เรียกร้องความสนใจจากเขาเท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกผิด เพราะสิ่งที่หทัยยาพูดมันก็สะท้อนสิ่งที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ไม่น้อย เพียงแต่จะให้เขาทำยังไง เขาเองก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยเธอขนาดนั้น เธอโตแล้วก็ต้องเรียนรู้และใช้ชีวิตของตัวเองไม่ใช่หรอ เขาเองก็อายุป่านนี้แล้วก็ต้องสร้างครอบครัวของเขาอีกเช่นกันไม่ใช่หรือไง จะให้เขาตามใจเธอทุกอย่างจนยอมทิ้งผู้หญิงที่รักเขาก็คงให้เธอไม่ได้อีกเหมือนกัน
“เห้อ”
.....
“หทัยยาล่ะ” กรฉัตรที่ลงมาชั้นล่างของบ้านในเช้าวันต่อมาเอ่ยถามแม่บ้านขึ้นเมื่อไม่เห็นร่างเล็กของหญิงสาวที่เขาเอ่ยถึง ที่ตอนนี้คงจะโกรธแล้วกำลังประท้วงโดยการไม่ลงมากินข้าวอย่างเคย
“ยังไม่ลงมาค่ะ” ป้ากำไลตอบกลับผู้เป็นเจ้านายออกไป
แต่...
“คุณตัวเล็ก!” เสียงของบัวสายดังขึ้นจากกลางบ้านทำให้กรฉัตรรีบเดินออกจากห้องกินข้าวไปดูทันที และก้ได้เห็นหทัยยานอนอยู่ที่พื้นโดยมีบัวสายกำลังประคองอยู่
“เกิดอะไรขึ้น!”
“ไม่รู้ค่ะ คุณตัวเล็กเดินเซเหมือนจะเป็นลม แล้วสักพักก็เป็นลมไปแบบนี้เลยค่ะ” บัวสายตอบกลับอย่างที่เห็นออกไป นั่นทำให้กรฉัตรช้อนร่างบางขึ้นอุ้มตรงไปยังชั้นสองของบ้านอีกครั้งโดยไม่ลืมให้แม่บ้านชงยาหอมขึ้นไปให้
“ตัวก็ไม่ร้อน” กรฉัตรพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจกับอาการของหทัยยา จะบอกว่าอดข้าวเย็นมื้อเดียวแล้วเป็นลมหรอ เขาไม่อยากเชื่อเลย เพราะปกติเมื่อก่อนหทัยยาอดข้าวเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะตอนที่เธอโกรธเขาที่จะประท้วงโดยการไม่กินข้าวประจำ การอดข้าวของเธอไม่น่าจะทำให้เธอเป็นลมได้เลยสักนิด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นก่อนจะถูกเปิดออกมาด้วยฝีมือป้ากำไลที่ถือแก้วยาหอมเข้ามา
“คุณฉัตรคะ ป้าขอพูดอะไรหน่อยนะคะ”
“อะไรครับ”
“คุณฉัตรกับคุณตัวเล็ก มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้วใช่ไหมคะ”
“.....” กรฉัตรไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้จึงเงียบไป
“คุณฉัตรลองให้หมอมาดูอาการคุณตัวเล็กดูหน่อยก็ดีนะคะ เพราะช่วงนี้อาการของเธอ...”
“ทำไมครับ” กรฉัตรขมวดคิ้วแน่นอย่างรอฟังคำพูดของป้ากำไลที่เหมือนอยากบอกอะไรกับเขา และ...
“อาการของคุณตัวเล็ก คล้ายกับคนแพ้ท้องค่ะ”
จึก! แพ้ท้องอย่างนั้นหรอ เขาลืมคิดลืมสนใจเรื่องนี้ไปได้ยังไงว่าตอนนั้นตัวเองไม่ได้ป้องกันอะไรกับหทัยยาเลย และก็ไม่ได้ถามหทัยยาด้วยว่าเธอได้ป้องกันตัวเองหรือเปล่า
แล้วถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้ป้องกัน แล้วถ้าเกิดผลมันออกมาว่าเธอท้องล่ะ เขาต้องทำยังไง เขากำลังจะแต่งงาน เขามีผู้หญิงที่เขารักอยู่แล้ว แต่ถ้าหทัยยาท้อง เด็กในท้องก็เป็นลูกของเขาไม่ใช่หรอ เขาจะเอาเด็กไว้หรือว่าจะ...
สุดท้ายกรฉัตรก็ยังไม่อยากคิดอะไรไปไกลกว่านี้และเลือกจะโทรหาเพื่อนตัวเองที่เป็นหมอให้มาหาเขาที่บ้านแทน
“มึงมาหากูที่บ้าน แล้วก็เอาชุดตรวจท้องมาตรวจที่บ้านกูด้วย” กรฉัตรเอ่ยสั่งเพื่อนขึ้นด้วยใจที่เต้นระรัว
(ริชาท้องแล้วหรอวะ แล้วทำไมไม่พามาหากูที่คลินิคหรือโรงพยาบาลเลยล่ะ) นิธิเอ่ยถามเพื่อนขึ้น
“ไม่ใช่ริชา”
(ไม่ใช่ริชา หรือว่ามึงแอบไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องวะ!)
“มึงรีบมาบ้านกูก่อน” พูดจบกรฉัตรก็วางสายไปทันที เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผลที่จะออกมามันจะเป็นยังไง
...
“ตกลงเป็นไง” กรฉัตรเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่เป็นหมอหนุ่มออกมาทันทีหลังจากจัดการตรวจหทัยยาเสร็จ
“.....” นิธิเพื่อนที่พ่วงตำแหน่งหมอหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรและเอาแต่มองหน้ากรฉัตรนิ่ง
“ไอ้นิธิ ตอบกูมา” กรฉัตรที่เห็นสายตาของเพื่อนเหมือนมีบางอย่างไม่ดี ทำให้เขารีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจและใจจดใจจ่ออยู่กบการรอฟังคำตอบของนิธิที่เอาแต่นิ่ง และหวังว่าคำตอบที่ได้จะไม่ใช่อย่างที่เขากลัว
“ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่เป็นเรื่องร้ายแรง” นิธิเอ่ยขึ้น เพราะเขาเองก็รู้ว่ากรฉัตรเองก็ห่วงหทัยยาไม่น้อยและเห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวมาตลอด แน่นอนว่าถ้ารู้เรื่องนี้กรฉัตรอาจจะมีสิทธิ์ฆ่าคนตายก็ได้ แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครก็ตาม
“.....” และคำพูดนี้ของนิธิทำให้กรฉัตรเข้าใจแล้ว เขาคงหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้วสินะ
“อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ ตัวเล็กท้อง” นิธิเอ่ยตอบเพื่อนออกไปหลังจากรู้ว่าเพื่อนพอรู้คำตอบแล้วนั่นเอง
“.....” และเมื่อได้คำยืนยันอีกครั้ง มันก็ยิ่งทำให้กรฉัตรเงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“ตัวเล็กไม่มีแฟนไม่ใช่หรอวะ แล้วทำไม...” นิธิเอ่ยขึ้นอย่างที่รู้ว่าหทัยยาไม่มีแฟนที่ไหน
เพราะกรฉัตรนั้นหวงน้องมากไม่เคยอนุญาตให้หทัยยาคบกับผู้ชายด้วยซ้ำ ถ้ามีผู้ชายที่ไหนมาตอแยหรือเข้ามาวุ่นวายกับหทัยยา แน่นอนว่ากรฉัตรจะสวมบทเป็นพี่ชายขี้หวงขาโหดทันที และแบบนั้นก็ทำให้ผู้ชายหลายๆคนไม่กล้าเข้าใกล้หทัยยานั่นเอง แต่ทำไมผลที่เขาตรวจถึงได้...
และไม่เพียงแค่นิธิเท่านั้นที่ตกใจกับผลที่ตรวจได้ แต่หทัยยาที่พึ่งรู้สึกตัวมาพอดีกับคำตอบของนิธินั้น ก็ไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเธอเช่นกัน มันเป็นทั้งความดีใจและตกใจไปพร้อมๆกัน เพียงแต่ตอนนี้เธอกำลังสับสน
“.....” กรฉัตรยังคงเงียบเหมือนเดิมไม่มีผิด เงียบจนผิดสังเกต ปกติถ้ากรฉัตรรู้ว่าหทัยยาเป็นแบบนี้ต้องโกรธและโมโหอย่างเห็นได้ชัดแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้กลับนิ่งเหมือนกับนักใจอะไรสักอย่าง หรือว่า...
“มันไม่ใช่อย่างที่กูคิดใช่ไหม” นิธิเอ่ยถามออกมาหลังจากลองทบทวนหลายๆอย่างดู กรฉัตรเหมือนรู้มาก่อนแล้วว่าหทัยยาอาจจะท้อง แต่กรฉัตรก็ยังใจเย็นให้เขามาตรวจที่นี่โดยไม่ลากหทัยยาไปหาเขา และพอรู้ผลกลับนิ่ง ไม่โวยวายอย่างที่ควรจะเป็น แบบนี้มันหมายความว่ายังไง มันคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกใช่ไหม
“อืม” กรฉัตรไม่มีอะไรปิดบังเพื่อนสนิทตัวเองอยู่แล้ว จึงยอมรับออกไปตรงๆ
“ไอ้กร! ตัวเล็กก็น้องมึงนะเว้ย!”
“มึงก็รู้ว่าไม่ใช่น้องแท้ๆ” เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงไม่บ้าทำอะไรแบบนี้ลงไป
“ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่มึงก็เลี้ยงตัวเล็กมาตั้งแต่เด็กๆ ยังไงมึงก็เห็นตัวเล็กเป็นน้องมาตลอดไม่ใช่หรอวะ!”
“มันไม่ได้เกิดเพราะความตั้งใจ” แต่เขาก็ไม่อยากบอกออกไปว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร แม้จะสนิทกับนิธิมาก แต่หทัยยาก็เป็นผู้หญิง เขาไม่อยากพูดอะไรให้คนอื่นมองเธอแย่หรอกนะ
“แล้วมึงจะทำยังไงต่อ มึงกำลังจะแต่งงานนะ!”
“จากครั้งแรกจนถึงตอนี้ เธอคงท้องได้ไม่เกินสองเดือน”
“ไอ้กร” นิธิเรียกเพื่อนขึ้นอย่างพอจะเดาความคิดของเพื่อนตัวเองได้ แต่มันก็ไม่ทันแล้ว สุดท้ายกรฉัตรก็พูดมันออกมา
“ถ้าเอาเด็กออกตอนนี้ก็คงไม่อันตรายใช่ไหม”