ข้าม

1892 Words
เสียงกัมปนาทที่ทำเอาอกสั่นขวัญแขวน มุจรินทร์รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังระหว่างคิ้ว ช่อกุหลาบมอญในมือของใครบางคนปลิวคว้างลอยขึ้นสู่อากาศตกลงมาราวกับมีใครมาโปรยกลีบกุหลาบสีม่วงอมชมพู มุจรินทร์ดวงตาพร่ามัวสติดับวูบไร้ความรู้สึกใดๆ "รีรีข้าวสารสองทนานข้าวเปลือกไปนู้นไปนี่ฉันจะตีตูดเธอ อิอิ ฮะฮะๆๆๆ" เสียงใสๆของเด็กที่ไหนมาดังอยู่ข้างหู “พอได้แล้วพวกเอ็งไปอาบน้ำอาบท่าเสียจวนเจียนจะมืดเต็มทีแล้ว เอาแต่เล่นสนุกส่งเสียงดังหวายจะลงหลังให้” เสียงขยับปากพูดพร้อมกับริมฝีปากที่เคี้ยวหมากจั๊บๆแล้วบ้วนน้ำหมากสีแดงลงบนพื้นดิน เด็กที่นุ่งโจงกระเบนบ้างก็ผมจุกบ้างก็เกล้าจุก น่าเอ็นดูพากันวิ่งหลบยายผิว ร่างผอมบางของหญิงรับใช้อีกคนที่ชื่อหอมก้าวมายืนตรงหน้า “ยายผิว นางจิกมันดีขึ้นหรือไม่ฉันเห็นว่ามันนอนซมด้วยพิษไข้มาหลายวันแล้วคุณหญิงเล็กให้ฉันมาถามเพราะจะหาใครดูแลและรู้ใจคุณหญิงเท่ามันหามีไม่” “ข้ารู้แล้ว นางจิกมันคนฉลาดเอาการเอางาน มันอยู่รับใช้ดูแลคุณหญิงตั้งกระแบเบาะโตมาพร้อมกับคุณหญิง รับใช้ก่อนจะที่คุณหญิงจะแต่งกับคุณหลวงเสียด้วยซ้ำไป” มุจรินทร์รู้สึกปวดหนึบที่หน้าผากร้าวไปทั้งหัว ลุกขึ้นนั่งห้อยขาสะบัดหัวไปมา “นั่นอย่างไรเล่านางจิกมันตื่นมาแล้ว เอ็งไปถามมันดูรึว่าพอจะฝืนสังขารไปรับใช้คุณหญิงได้หรือไม่" หอมเดินยิ้มเข้าไปหามุจรินทร์ “จิก คุณหญิงถามหาเอ็งแนะ ให้ข้ามาถามดูรึว่าอาการป่วยดีขึ้นบ้างหรือยัง” เดินมาเอามืออังที่หน้าผากของมุจรินทร์ที่ทำสีหน้างุนงง “คุณเป็นใคร" หอมเลิกคิ้วสูง “ผีเข้ามันหรือเปล่ายายผิวดูพูดไม่เป็นภาษาคน หรือว่าไปติดสำนวนอีรอบมาจากไหนเห็นว่าติดสอยห้อยตามคุณหญิงเล็กออกบ่อยไป” ยายผิว บ้วนน้ำหมากแล้วขยับมาใกล้ “เป็นอย่างไรนางจิก เอ็งดีขึ้นบ้างหรือยัง” น้ำเสียงห่วงใยจน มุจรินทร์จับสังเกตุได้ยายผิวที่รับติดสอยห้อยตามคุณหญิงประพาพรหรือคุณเล็ก มาจากฝั่งพระนครพร้อมกับกับจิกทำไมจะไม่เอ็นดูนางจิกเล่าในเมื่อนางจิกมันก็คือเด็กที่คุณพระ บิดาของคุณหญิงเล็กประพาพร นำมาชุบเลี้ยงจากหัวเมืองทางเหนือบอกว่าพ่อมันป่วยตายไปเหลือเพียงพี่ชายที่พากลับพระนครมาพร้อมกันกยายผิวจึงได้รับดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำตั้งแต่สี่ขวบ พร้อมกับเป็นเพื่อนเล่นคุณเล็กประพาพร ตั้งแต่นั้นมา อีกทั้งยังต้องคอยรับใช้ต่างมือต่างเท้ากันไม่ห่าง “ดูท่าทางจะไม่ดีเท่าไหร่ ข้าคงต้องไปขอเจียดยามาจากหมื่นโอสถให้อีกสักหม้อ” หอมถอนหายใจ เมื่อมุจรินทร์มองคนนู่นทีคนนี้ที “ที่นี่ที่ไหน” “เป็นเอามากเลยป้าฉันว่าแล้ว คุณหญิงใช้งานมันเกินไปจนมันจะเสียสติเสียกระมั้ง เมื่อเช้าก็บ่นว่าหาเสื้อไม่เห็นปาข้าวของไปทั่วห้อง บอกว่าไม่มีใครหาอะไรพบทั้งนั้นนอกจากนางจิก” “จะไปงานไหนอีก” “เสียงว่าจะไปงานเลี้ยงต้อนรับ ลูกของกับคุณหลวงกษิสินที่กลับจากอังกฤษค่ำนี้ อยากให้นางจิกไปแต่งหน้าแต่งตัวให้ด้วย แล้วยังอยากให้นางจิกม้วนผมทรงอะไรนะ ทรงซิงเกอ ซิงก้าอะไรนั่น จิกเอ็งก็ฝืนใจหน่อยสองสามวันมานี่ข้าโดนคุณหญิงฟาดงวงฟาดงา ไม่เว้นแต่ละวันหาว่าถ้าเอ็งตายไปเสียคนคงไม่มีใครทำอะไรได้" ยายผิวทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที “ซิงเก้อ เอ็งนี่เชยชะมัดนางหอม เขาเรียกทรงซิงเก้อ” มุจรินทร์หัวเราะ ผมทรงซิงเกิล ต่างหากเอะผมทรงนี้มันสมัยพุทธศักราช2468-2477 ร้อยปีแล้วนี่ “ปีอะไรปีนี้ปีอะไร”มุจรินทร์ถามขึ้นเบาๆ “ปี2473”มุจรินทร์อ้าปากค้าง “93ปี แค่93ปี” คนอื่นเขาย้อนอดีตไปเป็นพันเป็นร้อยปีแต่นี่มุจรินทร์ย้อนมาแค่93ปี เพื่ออะไรกัน “ตกลงเอ็งไปได้ไหมฝืนใจไปช่วยคุณหญิงแต่งตัวเสียหน่อยค่อยกลับมานอน ส่วนเรื่องในครัวข้าให้นางหอมมันช่วย เอ็งเสร็จธุระแล้วจะได้กลับมานอน” “ไม่นะยายผิว คุณหญิงเล็กจะให้มันไปงานเลี้ยงเสียด้วยกัน” มุจรินทร์ทำให้เจื่อนๆ มองจากแสงตะวันเพิ่งจะผ่านเวลาเที่ยงมาไม่เท่าไหร่ อุบัติเหตุทำให้มุจรินทร์ทะลุมิตไม่สิข้ามภพ ย้อนอดีต เฮ้อจะเรียกอะไรดี ช่างหัวมันจะต้องมาอยู่ในร่างของสาวใช้ที่ชื่อจิก จะว่าไปมุจรินทร์ก็คือต้นจิก หรือกระโดนน้ำบางทีอาจเป็นโชคชะตาจะบังเอิญก็คงไม่ใช่ “พอไหว” ยายผิวกับหอมถอนหายใจเกือบจะพร้อมกัน “ไปเหอะ ลองขอคุณหญิงกลับมาพักไปต้องไปงานเลี้ยงกับเขา เอ็งก็ไม่ควรไปไหน ไปก็ต้องไปช่วยงานช่วยยกของ ช่วยบริการคนอื่น คุณหญิงก็ไม่รู้จะพาเอ็งไปด้วยทำไมกัน” คันปากอยากจจะต่อคำมากกว่านั้น ว่าคุณเล็กไม่ค่อยหยิบจับอะไรเองแม้จะกินข้าวยังแทบจะเป็นนางจิกที่ตักมาจ่อที่ปากตั้งแต่ยังไม่ขึ้นสาวด้วยซ้ำ ครั้นพอแต่งงานก็ขอเอาจิกกับยายผิวมารับใช้ อ้างว่ายังไม่คุ้นเคยกับคนในบ้านของคุณหลวงธิตินันท์กลัวว่าจะเรียกใช้ใครก็ลำบาก คุณพระกับคุณหญิงประพิมท่านก็ตามใจรักอย่างกับไข่ในหิน ยายผิวส่ายหน้า คุณหลวงธิตินันท์เสียอีกที่คัดค้านบอกว่าหากคุณเล็กไม่กล้าใช้คนในบ้าน แล้วเมื่อไหร่จะกล้าใช้ “ไปกันเถอะป่านนี้ มิปาข้าวของหรือรื้อค้นจน เกลี้ยงตู้ใส่ผ้าแล้วรือ” หอมพูดด้วยรู้นิสัยคุณเล็กดีว่าไร้เหตุผลแค่ไหนจะหาของอย่างเดียวแต่รื้อมากองร้อยอย่าง “กินยาเสียหน่อยข้าต้มทิ้งไว้กว่าจะได้กลับมาไข้จะขึ้นเอาเสีย” ยายผิวส่งถ้วยยาให้มุจรินทร์ที่รับมาจิบเบาๆเกินคาดไม่ขมแต่หวานเย็นชื่นใจ “ใบเตยกับหญ้าดอกขาว ออกหวานๆหอมๆแก้ไข้ดีนักแล” มุจรินทร์ยิ้มรับวางถ้วยยาประนมมือไหว้ ยายผิว “ต๋ายตาย มันไหว้ข้าด้วยวะนางหอมท่าจะผีเข้าจริงๆแปลกๆปกติไม่แบบนี้จะดีหน่อยก็ต่อหน้าท่านขุนมูลนายมาวันนี้ไหว้ข้าเลยรึ”หอมหัวเราะเบาๆ “เอาน่าป้าดีขึ้นก็ว่า ไปกันเถอะจิก” มุจินทร์ก้มมอง ผ้าถุงสีมอมกับเสื้อแขนกุดคอกว้างสีครีมมุก ที่แม้จะไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่า ก็ไม่ได้แย่กว่าการนุ่งโจงกระเบนละเอ้า เดินตาม หอมไปติดๆ จากเรือนหลังเล็กที่ทอดยาวมีห้องเล็กๆแบ่งไว้สำหรับคนรับใช้ ใต้ถุนเตี้ยมีไก่วิ่งหลบไปมาแม่ไก่คุ้ยเขี่ยเศษอาหาร หลังคาจั่ว มุ่งด้วยหญ้าคาในพุ่มไม้หนาร่มรื่นจนมุจรินทร์อดที่จะสูดเอากลิ่นบริสุทธิ์ของอากาศจนเต็มปอด เดินมาไม่ไกลนักก็มาถึงสนามหญ้าสีเขียวขจีพร้อมกับซุ้มดอกกระดังงา ซุ้มกุหลาบมอญส่งกลิ่นหอมหวน การจัดสวนค่อนไปทางยุโรปผิดกับตัวเรือนที่เป็นแบบเรือนไทยเต็มรูปแบบ หญิงชราผมหงอกขาวแต่งตัวด้วยผ้าเนื้อดีมือข้างหนึ่งชี้บ้านสไตน์ยุโรปที่สีขาวสะอาดตา โบกพัดในมือ อีกมือยืนชี้ไปยังต้นดอกไม้หลากสีสันสองข้างทางทอดยาวเข้าสู่บ้าน “ถอนหญ้าออกให้หมดอีกไม่กี่วันคุณธราดลจะกลับมาแล้วถึงครานั้นฉันจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเสียใหญ่โตทีเดียว ทุกอย่างจะต้องเจริญหูเจริญตาคุณดลกลับมาจะได้ดีใจ” น้ำเสียงภูมิอกภูมิใจ แต่เมื่อหันมาเห็นมุจรินทร์กับหอมก็กวักมือเรียก “มาพอดีเลย ไปดูคุณหญิงเล็กนั่นหน่อยประไรส่งเสียง เอะอะ น่ารำคาญ” น้ำเสียงขุ่นมัว มุจรินทร์ได้แต่ก้มหน้าเสีย “ค่ะคุณท่าน”หอมตอบรับ “อืมมม นางจิกค่ำนี้มาอ่านหนังสือให้ฉันฟังก่อนนอนด้วยไปหยิบนิราศเมืองแกลงที่ห้องคุณหลวงติมาแล้วไปอ่านให้ฉันฟังที่ห้อง อย่าให้ดึก”มุจรินทร์ยังก้มหน้า “แน้ นางจิกพูดด้วยก็ไม่ว่าอย่างไร หายป่วยแล้วรึ”น้ำเสียงเจือความห่วงใย “ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะคุณท่าน ประเดี๋ยวยามค่ำหอมจะสำทับให้มันกินยาอีกที” “เอ่อ ดี เหมือนจะยังไม่หายดี แกหายูกหายาให้มันกินบ้างไหม อยู่กับยายผิวหูตาก็ไม่ค่อยดีจะเข้าใจหายาให้นางจิกมันไหม”มุจรินทร์ยิ้มเจื่อนๆ “เอาวะเป็นไงเป็นกัน”เงยหน้ายิ้มกว้างดวงตาสดใส “กินแล้วพ่ะย่ะค่ะ เอ๊ยเจ้าค่ะ”คิ้วขาวขมวดเข้าหากัน “แอบไปดูยี่เกมาหรือไร ไหนว่าป่วย”หอมเม้มปาก “มันตัวรุมๆเจ้าค่ะคุณหญิง” “อืมมมไปไปเสียป่านนี้คุณหญิงเล็กพังห้องไปแล้ว” มุจรินทร์ยกมือไหว้คุณหญิงละม้าย หอมรีบดึงมุจรินทร์ไปจากตรงนั้น “นางจิก มานี่เลยนะ” เสียงแหลมเล็กบาดหูเรียกดังลั่นบ้าน ที่ยืนอยู่ขั้นสุดท้ายของบันได มุจรินทร์พอจะเดาได้ทันทีว่านี่คือคุณเล็กหรือประพาพร ด้วยการแต่งกายที่เหมือนจะให้สวยอยู่เสมอตามสมัยนิยม ผมดัดลอนชะโลมน้ำมันวาววับ ครอบด้วยที่คาดผมสีม่วงอ่อน ปากเคลือบสีแดงจัดสร้อยมุกยาวสองทบที่ยาวลงมาเกือบถึงบั้นเอวกับ เสื้อสีชมพูอ่อนผูกโบว์ใหญ่ที่ชายเสื้อ รับกับผ้าถุงสำเร็จยาวแค่เข่าลายสีแดงคาดเด่นที่ชายผ้าถุงสวมถุงน่องยาวสีขาว แขนสองข้างสวมกำไลมุกและทองประดับด้วยทับทิมสีแดงสด “เจ้าค่ะสิจิก”หอมกระซิบเบาๆ “เจ้าค่ะ” “กว่าจะเสด็จได้ แม่นี่ลีลาเยอะเกินงามเห็นว่าเป็นคนสำคัญกระนั้นหรือ ฉันหรืออุตส่าห์ให้มาอยู่รับใช้ที่บ้านนี่แต่ก็ดันป่วยไข้ ไปเลยรีบมาม้วนผมให้ฉัน จะบ่ายแล้วอีกประเดี๋ยวคุณพี่จะขับรถมารับ ป่านนี้ยังหาเสื้อสีม่วงที่ชอบไม่เห็นแกเอาไปไว้ไหน ให้นางพวกนี้ช่วยหาก็ไม่เจอไม่ได้เรื่องสักคน” แผดเสียงก้อง คุณหญิงละม้ายส่ายหน้าไปมา รีบหลบไปเสียด้วยไม่ชอบกิริยาของสะใภ้คนโต มุจรินทร์รีบก้าวขึ้นไปบนบันได
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD