วาโยลงจากเครื่องก็มองหาคนมารับ บิดาบอกว่าพี่ชายของเธอจะมารับ หญิงสาวมองหาพี่ชาย แต่ไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่าย
“น้องวาย” วายุเรียกน้องสาวคนเดียว เมื่อเห็นเธอกำลังมองหาเขาอยู่
“พี่วา...คิดถึงจังเลยค่ะ” วาโยกอดพี่ชายอย่างคิดถึง
“คิดถึง...แต่เห็นไม่กลับมาสักที นี่คุณพ่อคงโทรไปตามให้กลับมาใช่ไหม” วายุกอดรัดน้องสาวอย่างคิดถึงไม่แพ้กัน
“ค่ะ คุณพ่อยื่นคำขาดว่าให้กลับมา ถ้าไม่กลับมาเดี๋ยวจะยกสมบัติให้พี่วาหมด ใครจะยอมกันล่ะคะ” พูดจบแล้วหัวเราะเสียงใส เลยโดนพี่ชายโยกศีรษะไปมาอย่างมันเขี้ยว
“ไปกันเถอะ รถจอดอยู่ด้านโน้น” ชายหนุ่มบอกน้องสาวก่อนพาเธอเดินไปที่รถ
วาโยกลับมาจากต่างประเทศก็อยู่ไม่ติดบ้าน เธอออกไปหาเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันหลายปี คุณวีรยุทธ์เห็นพฤติกรรมลูกสาวคนเล็กแล้วหนักใจ ออกไปเที่ยวนอกบ้านแข่งกันกับลูกชายคนโตทุกวัน นอกจากจะไม่ช่วยทำงานทำการแล้ว ยังไม่ได้ไปสานความสัมพันธ์กับคู่หมั้นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย คุณวีรยุทธ์กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี ให้ลูกชายกับลูกสาวได้สานสัมพันธ์กับลูกของเพื่อนรัก เพราะถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้ ทุกอย่างคงเหลวหมด จึงตัดสินใจไปหาราเมธ เพื่อขอร้องให้เขาช่วยรับวาโยไปทำงานด้วย และขอให้รามาวดีมาช่วยงานวายุ เมื่อคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ลูกๆ ได้ใกล้ชิดกับคู่หมั้นของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้เรียนรู้กันและกันสักที
“สวัสดีครับคุณลุง” ราเมธไหว้คุณวีรยุทธ์ ซึ่งเป็นเพื่อนรักของบิดาอย่างเคารพและนับถือ เพราะหลังจากบิดาเสียชีวิตก็ได้คุณวีรยุทธ์นี่แหละคอยช่วยเหลือเขามาตลอด ถ้าไม่มีคุณวีรยุทธ์เขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะดูแลรักษากิจการที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้ก่อนตายได้อย่างไรกัน เขาทั้งไม่มีประสบการณ์และอายุยังน้อยนัก
“ไหว้พระเถอะพ่อราม พักนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ”
“งานผมยุ่งๆ น่ะครับ คุณลุงมีอะไรหรือเปล่าครับ ความจริงไม่ต้องมาเองก็ได้ เรียกผมไปพบน่าจะสะดวกกว่า”
ราเมธพูดอย่างเกรงใจคุณวีรยุทธ์อยู่มาก
“พ่อรามงานยุ่ง ลุงมาหาเองดีกว่า พอดีลุงมีเรื่องจะคุยกับเรา เรื่องวาโยลูกสาวของลุง รามคงจำน้องได้นะ” คุณ
วีรยุทธ์ถามว่าที่ลูกเขยอย่างเป็นกันเอง
“ครับคุณลุง” ชายหนุ่มรับคำ ทำไมเขาจะจำหญิงสาวคู่หมั้นที่ไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ได้ คุณวีรยุทธ์จึงพูดวัตถุประสงค์ของการมาให้ราเมธฟัง ชายหนุ่มนั่งฟังอย่างสงบ เขารับรู้ว่าวาโยกลับมาจากต่างประเทศนานแล้ว แต่ด้วยงานที่ล้นมือ เลยยังไม่ได้ไปหาเธอเลยสักครั้ง และเธอเองก็ไม่สนใจจะมาพบปะเขาด้วยเช่นกัน
เขาได้ข่าวของเธอเสมอ เธอค่อนข้างจะเจ้าชู้และเป็นสาวสังคมเหมือนพี่ชายของเธอเอง เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย จึงมักเป็นข่าวอยู่เสมอๆ ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน และข่าวคราวว่ามีผู้ชายมากหน้าหลายตาอยากผูกสมัครรักใคร่กับเธอมากมาย
ราเมธรับคำปากคุณวีรยุทธ์เรื่องที่จะให้วาโยมาทำงานกับเขา แต่ในใจกลับนึกเป็นห่วงรามาวดีน้องสาวคนรองของตัวเองมากกว่า ถ้าให้ไปทำงานกับวายุเพื่อนรักที่แสนจะเจ้าชู้ถึงเพียงนั้น น้องสาวของเขาจะเอาตัวรอดได้ไหมยังไม่รู้ แต่เพราะไม่อาจขัดคุณวีรยุทธ์ได้ เนื่องจากท่านอุตส่าห์มาขอร้องด้วยตนเอง
ราเมธโทรศัพท์หาเพื่อนรักข้างบ้าน เพราะวันนี้เขาต้องไปพบลูกค้าคนสำคัญกับน้องสาวคนรอง จึงไม่สามารถไปรับน้องสาวคนเล็กได้ จึงต้องโทรไปวานให้ณภัทรช่วยไปรับน้องสาวคนเล็กแทน
ณภัทรจึงไปรับน้องสาวคนเล็กแทนเขาและรามาวดีอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นเมื่อสมัยก่อนที่รามาวดีและรตียังเด็กกว่านี้ เขาต้องไปทำงานหรือไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดหลายวัน ก็ได้คุณฤทัยมารดาของณภัทรเป็นคนดูแล เขาเอาน้องสาวสองคนไปฝากฝังเอาไว้เป็นประจำ รามาวดีน้องสาวคนรอง จึงได้รับการถ่ายทอดความเป็นแม่บ้านแม่เรือนจากคุณฤทัยมาอย่างเต็มเปี่ยม
ส่วนน้องรตี...สาวคนเล็กของเขาจะสนิทกับณภัทรมาก เพราะณภัทรคอยช่วยสอนการบ้านให้ตลอด เขาจึงเบาใจเรื่องการเรียนของน้องสาวคนเล็ก และรู้สึกเกรงใจณภัทรเพื่อนรักอยู่มาก แต่ณภัทรก็เต็มใจช่วยสอนการบ้านให้น้องสาวของเขามาโดยตลอด และช่วยดูแลกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ณ บ้านนิธิไพศาล เสียงลูกชายกับลูกสาวเถียงบิดาเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เมื่อบิดาจะให้ไปทำงาน โดยเฉพาะต้องไปทำงานกับคู่หมั้นข้างบ้าน
“คุณพ่อ!!!” วาโยตกใจไม่น้อยที่บิดาเอ่ยเรื่องที่เธอต้องไปช่วยราเมธคู่หมั้นของเธอทำงาน เพื่อดูแลกิจการของครอบครัว
“หนูไม่ชอบทำงาน คุณพ่อก็รู้นี่คะ วายพึ่งกลับมาขอพักผ่อนอีกสักหน่อยไม่ได้หรือไง” หญิงสาวเอ่ยอย่างขัดใจที่จะต้องไปทำงานกับคนหน้าเคร่งขรึมอย่างราเมธ ตั้งแต่กลับมาเขาเองก็ไม่เคยไปมาหาสู่หรือสนใจไยดีอะไรเธอเลยสักครั้ง แล้วเรื่องอะไร เธอจะต้องไปสนใจเขาด้วย เขาเฉยเมยกับเธอก่อน ทั้งๆ ที่มีผู้ชายอยากสานสัมพันธ์กับเธอมากมาย
“คนเราเกิดมาก็ต้องทำงานนะลูก เรียนจบกลับมาตั้งนานแล้วจะพักผ่อนอะไรนักหนา” คุณวีรยุทธ์ค่อยๆ พูดอย่างใจเย็นและสั่งสอนลูกชายและลูกสาวทั้งสองคนไปพร้อมๆ กัน
“เรารวยอยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำด้วยล่ะคะ อีกอย่างถ้าจะทำงานจริงๆ ทำไมต้องไปทำงานกับบริษัทของคนอื่นด้วย วายทำที่บริษัทของเราก็ได้” หญิงสาวกล่าวกับบิดาอย่างขุ่นเคืองและขัดใจ
“ที่พ่อรวยได้ก็เพราะทำงาน แล้วหนูจะปล่อยให้กิจการที่พ่อสร้างมาไม่มีคนดูแลได้อย่างไรกัน อย่างไรเสียหนูก็ต้องไปศึกษาดูงานกับพี่เขา ราเมธไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เขาเป็นคู่หมั้นของหนู อีกอย่างบริษัทของเรากับเขาก็เป็นหุ้นส่วนกัน ไม่ใช่บริษัทของคนอื่นอย่างที่ลูกพูดสักหน่อย ต่อไปหนูจะต้องช่วยเขาดูแลกิจการของเราสองครอบครัวให้เป็นปึกแผ่น” คุณวีรยุทธ์พูดเหตุผลให้ลูกสาวคนเดียวฟังอย่างตั้งใจ
“แล้วทีพี่วาล่ะคะ คุณพ่อไม่เห็นว่าอะไรเลย กลับมาก่อนหนูเป็นปีๆ ไม่เห็นทำงานทำการอะไร” หญิงสาวโยนไปให้พี่ชายที่นั่งฟังการสนทนาอยู่ใกล้ๆ
“อะไรกันน้องวาย เราคุยกับคุณพ่อแล้วมายุ่งอะไรกับพี่” วายุโวยวาย เมื่อน้องสาวโยนเรื่องงานที่เขาพยายาม
บ่ายเบี่ยงบิดามาตลอดมาที่เขาด้วย
“เหมือนกัน...” คุณวีรยุทธ์พูดประโยคสั้นๆ แต่หนักแน่น เหลียวไปมองลูกชายตัวดีที่กำลังโวยวายอยู่อีกด้าน คุณวีรยุทธ์ปวดหัวจริงๆ ไม่ทราบว่าตัวเองเลี้ยงลูกแบบไหนตั้งแต่ภรรยาเสียไป ลูกของเขาเลยไม่เอาอ่าวเลยสักคนเดียว ผิดกับราเมธและรามาวดีที่ขยันทำงาน จนธุรกิจเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่น เขาจะต้องจัดการแต่งงานระหว่าง 2 ครอบครัวให้เร็วที่สุด นี่ถ้าเขาไม่อยู่ เด็กๆก็คงไม่ทำตามสัญญาแน่นอน เขาอุตส่าห์ขอร้องราเมธเอาไว้แล้ว ยังไงก็จะต้องจัดการส่งลูกชายกับลูกสาวตัวดีสองคนนี้ไปทำงานให้ได้
“อะไรนะครับ” วายุเสียงดังทันที
“เราได้ยินไม่ผิดหรอก” บิดากล่าวอย่างใจเย็น
“แกก็ต้องไปทำงานที่บริษัท เดี๋ยวพ่อจะให้หนูรินคู่หมั้นเราไปช่วยอีกแรง พ่อคุยกับราเมธแล้วว่าจะให้หนูรินไปเป็นเลขาแก”
“ยายชืดนั่นเหรอครับ” วายุพูดฉุนๆ เขานึกถึงรามาวดีที่วันๆ เอาแต่ทำงานงกๆ เหมือนพี่ชายของเธอก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา เพราะเธอคงจะน่าเบื่อสิ้นดี ตั้งแต่เขากลับมาจากเมืองนอก เขาก็ลืมเลือนเธอไปเสียสนิทว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขา และเขาก็ไม่เคยไปหาเธอหรือคิดจะสนใจเธอเลยแม้จะอยู่บ้านใกล้กัน