“ซือ...จื่อ”
ดวงตาคมกระตุกแล้วหรี่มองหญิงสาว เขามั่นใจว่าไม่เคยพบนางมาก่อน บางทีนางอาจคิดว่าเขาเป็นคนอื่นที่ชื่อเดียวกันนี้
“ซือจื่อ” แม้น้ำเสียงจะแหบแห้ง แต่เต็มไปด้วยความดีใจ นางเป็นฝ่ายกุมมือที่กำลังจับชีพจรอยู่แล้วบีบแน่น “เป็นซือจื่อจริงๆ”
“แม่นาง...เจ้าจำคนผิดแล้ว” เซียวเหรินจ้องมองใบหน้าอ่อนหวาน ดวงตาของนางเป็นประกาย นางส่ายหน้าไปมาแล้วส่งยิ้มกว้าง
“ท่านเคยช่วยข้า ข้าอยู่กับคุณหนูกงเสวี่ยหลิง”
กงเสวี่ยหลิง ชื่อที่ไม่ควรเอ่ยถึง เซียวเหรินผงะไปเล็กน้อยแต่ฝืนทำเป็นไม่เคยได้ยินชื่อนี้
“ขออภัยด้วย ข้าจำเจ้าไม่ได้จริงๆ ”
สีหน้าผิดหวังของนางชวนให้คนรู้สึกสงสารนัก “ท่านจำไม่ได้หรือ ข้าถูกแมวไล่กวดถูกกดจนปีกฉีก ท่านเป็นคนรักษาแล้วส่งข้าให้คุณหนูดูแลอย่างไรเล่า”
แมวไล่กวด? ปีกฉีก? มีเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วยหรือ?
เซียวเหรินยังมีสีหน้างุนงง นางไม่พูดเปล่าแต่ยังกางแขนออก ชี้ให้เขาดูที่แขนของนาง
“นี่อย่างไร ถ้าไม่ได้ท่านรักษา ข้าคงไม่ได้โบยบินบนท้องฟ้าอีกแล้ว...อ๊า!” หญิงสาวกรีดร้อง “ปะ..ปีก...ปีกของข้าไปไหน แล้วนี่อะไร...นี่”
นางหวีดร้องสีหน้าตื่นตระหนก สะบัดแขนเรียวไปมาแรงๆ ราวกับจะให้มันหลุดออกไป ติงชุ่ยที่รับมือกับบรรดาหญิงสาวที่ ‘เข้าหา’เซียน เหริน ใช้ลูกไม้สารพัดรูปแบบ นางจึงคิดไปว่าหญิงสาวคนนี้อาจมาหลอกลวงเซียนเหรินอีกคน
“จะอะไร! มันก็แขนอย่างไรเล่า ข้าก็มีแขนเหมือนเจ้านั่นแหละ”
ติงชุ่ยรีบเข้าไปหมายจะกระชากหญิงสาวแปลกหน้าออก แต่นางชะงักมือกลางอากาศไม่ทันได้จับแขนของหญิงผู้นั้นก็ถูกสายตาดุดันจ้องมอง ทำให้นางชักมือกลับแล้วถอยไปยืนข้างหลัววั่ง
“แขน? เหตุใดข้ามีแขน” นางส่ายหน้าไปมา ผมยาวสยายพลิ้วไหวชวนมอง
“หากไม่ใช่แขน เจ้าคิดเป็นสิ่งใด” เซียวเหรินถามอย่างใจเย็น ดูว่าหญิงผู้นี้จะเล่นลูกไม้ใด หากไม่เพราะว่าเขาตรวจพบว่านางบาดเจ็บจริง เขาคงปล่อยนางออกไปแล้ว
“ปีก! ข้าเป็นนก! ข้าต้องมีปีกสิ!”
“นก!” หลัววั่งหลุดปากพูดเสียงดัง แล้วนึกได้จึงรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเอง
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นนก? ” เซียนเหรินถาม
นางพยักหน้าหงึกๆ “แน่นอน ข้าเป็นนก ข้าเป็นนกหงส์หยกของคุณหนูกงเสวี่ยหลิง ท่านจำข้าไม่ได้หรือ?”
หญิงสาวยื่นมือมาจับแขนสองข้างของเซียวเหรินแน่น จ้องดวงตาของเขาเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง เพราะเห็นเงาที่สะท้อนในดวงตาของเขา นางจึงหวีดร้องออกมาอีกหน รีบชักมือกลับมาลูบคลำใบหน้าตน
“นี่...นี่...นี่ไม่ใช่ใบหน้าของข้า” นางกวาดตามองหากระจก “กระจกอยู่ไหน ข้าขอส่องกระจกหน่อยเถิด”
ติงชุ่ยหงุดหงิดกับการแสดงของหญิงสาวคนนี้จึงสะบัดหน้าเดินไปหยิบกระจกให้ เพราะนางเป็นคนทำความสะอาดดูแลความเป็นอยู่ของเซียวเหรินจึงรู้ว่าข้าวของอยู่ตรงไหน นางหยิบกระจกแล้วส่งให้ มือสั่นระริกยื่นมาหยิบแล้วส่องดูใบหน้าตนเอง แม้กระจกนี้ไม่ดีเท่าที่นางเคยใช้
แต่มันก็พอจะมองเห็นว่าใบหน้านี้เป็นของ...
“เป็นไปไม่ได้” นางส่ายหน้าไปมา เหตุใดเป็นเช่นนี้ นางควรเป็นนกหงส์หยกตัวน้อยที่คอยรับฟังเรื่องราวต่างๆ ของคุณหนู เหตุใดดวงจิตของนางจึงมาอยู่ในร่างของคุณหนูเช่นนี้
แล้วคุณหนูของนางเล่า คุณหนูกงเสวี่ยหลิงที่แสนดีของนางไปอยู่ที่ใดแล้ว
ร่างกายทั้งหมดไร้เรี่ยวแรงโงนเงนเหมือนกิ่งหลิวต้องลม มือที่จับกระจกอยู่ค่อยๆ ร่วงลงดุจใบไม้ปลิดจากขั้ว มือใหญ่ยื่นมาประคองร่างนางใช้แผ่นอกของเขาเป็นที่พักพิง
“เจ้าพบเรื่องสะเทือนใจอย่างหนักหน่วง เวลานี้พักผ่อนเสียก่อนเถิด”
น้ำเสียงราบเรียบแต่ชวนให้ใจสงบทำให้ดวงตาคู่งามปิดลงช้าๆ เซียวเหรินช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้มไปนอนที่ตั่งนุ่มที่เขายกให้นางนอนมาสองวันแล้ว เขาวางร่างนางให้นอนลงอีกครั้ง คลี่ผ้าห่มคลุมกายให้นางแล้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าอ่อนหวาน
“ท่านเซียว” ติงชุ่ยเรียกเบาๆ ด้วยเกรงจะถูกดุเอาอีก
“จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจนคิดเพ้อไปว่าตนเองเป็นผู้อื่น พวกเจ้าติดตามข้ามาหลายปี ย่อมเคยเห็นมาบ้างแล้ว จะตื่นตกใจไปไยกัน”
เป็นหลัววั่งที่พยักหน้าแรงๆ “ใช่แล้วๆ เคยมีคนป่วยที่บอกว่าตัวเองเป็นเทพเจ้าอาละวาดบ้าคลั่งถูกมัดมือมัดเท้ามา ท่านเซียวก็ฝังเข็มรักษาจนหายดี”
“ติงชุ่ย ถ้าเจ้าลำบากใจก็ออกไปให้พ้นหน้าข้า”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางฝืนยิ้มออกมา หากยอมห่างกายเซียวเหรินก็มิรู้ว่าหญิงคนนี้สติไม่ดีจริงหรือมาหลอกลวงเซียวเหรินกันแน่
“ออกไปได้แล้ว”
เซียวเหรินรอจนในห้องไม่มีใครแล้ว เขาก้มมองหญิงสาวที่หลับใหลไปอีกครั้ง เขามั่นใจว่าไม่เคยพบนางมาก่อน แต่เขารู้จัก ‘กงเสวี่ยหลิง’ เป็นการรู้จักที่ไม่เคยพบหน้ากันสักครา แต่คนแซ่กงนั้นมีคนที่เขารู้จักสนิทสนมด้วย ซึ่งบัดนี้มีตำแหน่งเป็นรัชทายาท
เขาเผลอระบายลมหายใจหนักหน่วง แม้ตนเองจะใช้ชีวิตปลีกตัวจากโลกภายนอกมานานสี่ปี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องใดเลย เขาไม่ได้สนใจที่นางยืนยันว่าเป็นนกหงส์หยก แต่เป็นเพราะชุดเจ้าสาวที่นางสวมและรอยบอบช้ำตามร่างกายต่างหาก ยังไม่นับรวมที่เขาตรวจพบว่านางต้องพิษมายาวนาน
“เจ้าจะเป็นนกหรือเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าจะรักษาเจ้าจนหายดี”