“ท่านแม่” หม่าหย่งเต๋อหันไปตามเสียง เห็นเด็กน้อยยืนยิ้มร่า ใบหน้าแดงและชื้นเหงื่อ หัวใจเขาเต้นแรงอย่างหยุดไม่อยู่
“กลับมาแล้วหรือเจ้าซาลาเปาน้อย” ถงอวี้ตักผัดผักใส่ชามแล้วหันไปเช็ดมือก่อนย่อกายซับเหงื่อที่ผุดตามกรอบหน้าให้เด็กน้อย
“วันนี้แม่ทำไข่ม้วนให้เจ้าด้วยนะ” เด็กน้อยยิ้มแป้นเมื่อได้ยินเรื่องของกิน มืออวบยื่นห่อผ้าส่งให้ถงอวี้รับมาคลี่ออกเห็นหนอนไหมยั้วเยี้ย ถงอวี้ยิ้มหวานและหอมไปแก้มตึงแดงฟอดใหญ่
“ซาลาเปาของแม่เก่งมากเลย เดี๋ยวแม่จะคั่วให้กิน” นางปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งรักทั้งหลงลูกชายคนนี้ ถงอวี้เจ้าของร่างตั้งครรภ์โดยที่ตนเองไม่รู้ตัว ส่วนนางมีหน้าที่ประคบประหงมแบกก้อนกลมๆ ไว้กับตัว ฝ่าฟันตนเองให้พ้นภาวะแท้งอย่างทุลักทุเล จนสุดท้ายนางตั้งครรภ์ได้อย่างสมบูรณ์แม้จะยากลำบากตอนคลอดเขาออกมาในวัยเพียงสิบสี่ปี เด็กสิบสี่ย่างสิบห้าก็เป็นแม่ลูกอ่อนเสียแล้ว อวัยวะภายในเจ็บสึกหรอจนต้องหาทางบริหารเอาเอง
อาจเป็นเพราะเด็กผู้นี้อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่นางต้องดูแล นั่นคือท่านตาของเจ้าของร่างที่ดันละม้ายคล้ายกับลุงของตนที่ล่วงลับไปแล้วจากอาการป่วย นางจึงมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไม่หาวิธีกลับไป ถือเสียว่านางมาเพื่อตอบแทนบุญคุณหรือต่อให้กลับไปได้คงไม่มีร่างดีๆ ให้อยู่เพราะนางก็ตายจากภพนั้นมาอยู่ภพนี้
คำเรียกขาน ข้า 'แม่' เจ้า 'ลูก' ทำให้ให้หม่าหย่งเต๋อหูตาสว่างกระจ่างในใจว่าบัดนี้เขามีบุตรชายที่เกิดจากสตรีหน้าตายคนนี้ ไม่ได้การแล้ว บุตรชายของเขาต้องไปอยู่กับเขาที่จวนหลังใหญ่ มีแม่นมคอยดูแล เขาต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีและได้รับการศึกษาไม่น้อยหน้าสกุลอื่น ไม่ต้องกินหนอนเป็นอาหาร และที่สำคัญบุตรชายของเขาไม่สมควรอยู่กับสตรีร้อยเล่ห์เหลี่ยม จับบุรุษทั้งที่เขามีคนรักอยู่แล้ว มิหนำซ้ำนางยังทำร้ายสตรีของเขาจนแท้ง จังหวะที่เขากำลังสืบเท้าหมายจะดึงบุตรชายมาไว้ข้างกายเพื่อเรียกร้องสิทธิความเป็นเจ้าของ เขากลับชะงักฝีเท้าแววตาครุ่นคิดด้วยความสับสน
‘เด็กคนนี้ใช่ลูกข้าหรือ? ข้ามีอะไรกับนางไม่กี่ครั้ง หากเทียบกับ
ฟางเอ๋อร์ นางต้องเป็นสตรีแพศยาสวมหมวกเขียวให้ข้าแน่ๆ เพราะตอนที่ข้าขับไล่นางออกจากจวน ไม่ได้ยินว่านางตั้งครรภ์ ต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เด็กผู้นี้ต้องเป็นลูกชู้! แต่เดี๋ยวนะ...ดูจากอายุ...’ ในหัวเขาตีกันวุ่นว่าเด็กคนนี้จะใช้ลูกของเขาหรือไม่
“ท่านตาไปไหนเสียเล่า ถึงกล้าปล่อยตัวน้อยเข้ามาในครัวเสียได้?” ถงอวี้เอ่ยปากถามเด็กน้อยที่รู้ความแล้วชี้ไปทาง’ ซุ่ยกวน’ ผู้เฒ่าซุ่ยที่เดินตามเข้ามา
“ทำไมถึงได้ซนอย่างนี้นะ เผลอแวบเดียวหายตัวไปเสียได้” ถงอวี้ยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรหรอกท่านตา แต่ห้องนี้ล้วนมีอันตราย ไหนจะมีด ไหนจะฟืนไฟ การมีเด็กเล็กเราจะประมาทไม่ได้ ดีนะที่ข้าอยู่ แต่จะว่าไปชินจิงของเราฉลาดอยู่แล้ว” คำพูดของนางทำให้ชายไร้ร่างถึงกับมองร่างงามด้วยแววตาเยือกเย็น
‘คนรักข้ามิได้ประมาทแต่เป็นเจ้าที่ผลักนางตกน้ำจนแท้งบุตร’ เขาประท้วงออกมาเพราะคิดว่านางไม่ได้ยิน
“ให้ตาทำแทนไหม” ถงอวี้ส่ายหน้าปฏิเสธ
“เหลือน้ำแกงอย่างเดียว ท่านพาเขาออกไปด้านนอกเถอะเจ้าค่ะ” ซุ่ยกวนมองหลานสาวก่อนจะจูงเด็กน้อยอายุสี่ขวบกว่าเหลียวกายหันหลังออกไป
ถงอวี้ได้แต่มองเด็กน้อยด้วยแววตาเปี่ยมสุข นางเผลอนึกถึงฝันตื่นหนึ่ง ยามที่ตนเองพยายามตะเกียกตะกายออกจากรถยนต์ที่ดิ่งตกเหวล่วงหล่นลงใต้ทะเลสาบ เสียงเรียกกังวานใสว่าเรียกชื่อ ‘ถงอวี้...ถงอวี้’ พร้อมกับเงามือเอื้อมส่งให้ ถงอวี้คว้าเพื่อหมายคืนสู่ผิวน้ำทว่าลืมตาตื่นกลับเจอภาพที่แตกต่างจากโลกปัจจุบันของตนเอง นางได้ตายจากโลกนั้นและฟื้นคืนสู่โลกใหม่อย่างไม่คาดฝัน