หมอจำเป็น/2

2307 Words
ท่ามกลางความเงียบงันที่แผ่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ มีเพียงแสงจันทราลอดผ่านมาทางประตูระเบียงของห้องพักมองเห็นแค่สลัวๆ ชั่วเวลาเพียงกะพริบตาประตูระเบียงห้องพักค่อยๆ เลือนหายไปกลับกลายเป็นทางเข้ากระโจมที่ประทับซึ่งใช้ผ้าดิบผืนขนาดมหึมาปิดบังทางเข้า ด้านนอกมีทหารอารักขายืนรักษาการณ์ซ้ายขวา แสงจากคบไฟพวยพุ่งส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา บนเตียงนอนขนาดใหญ่ของยุคอนาคตปรากฏเงาบางอย่างสะท้อนวูบวาบ เผยให้เห็นแท่นพระบรรทมขององค์ชายในโลกอดีตซ้อนทาบทับเข้ามา ก่อนจะค่อยๆ ปรากฏเงาเลือนรางของบุรุษร่างสูงใหญ่นอนเหยียดยาวในท่านอนหงายเคียงคู่กับจางเพ่ยอัน จากเพียงเงาวูบวาบกลับกลายเป็นตัวคนอย่างสมบูรณ์ ลมหายใจรวยรินที่เต็มไปด้วยพิษไข้ร้อนผ่าว ทั่วกายร้อนประดุจไฟบรรลัยกัลป์แผ่ออกมาจนสามารถสัมผัสได้ ท่อนบนของร่างกายสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีดำทะมึน สาบเสื้อแยกออกจากกัน เผยแผ่นอกกว้างใหญ่เปลือยเปล่า เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออัดแน่น หากแต่มีผ้าพันแผลสีขาวพันเอาไว้โดยรอบ และมีโลหิตไหลซึมออกจากบาดแผลอยู่ตลอดเวลา บริเวณช่วงล่างลงไปสวมกางเกงผ้าสีขาวและถุงเท้าผ้าสีขาวเช่นเดียวกันราวเครื่องแต่งกายของคนจากยุคอดีต ความร้อนจากพิษไข้เพราะบาดแผลแผ่ขยายออกมา จนร่างอรชรที่นอนอยู่เคียงคู่ซึ่งกำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนั้นค่อยๆ เริ่มรู้สึกตัว ก่อนจะพลิกตัวหันตะแคงข้างไปทางด้านร่างใหญ่ที่กำลังนอนหมดสติอยู่ในขณะนั้น มือเรียวสวยคว้าท่อนแขนกำยำด้วยเข้าใจว่าเป็นหมอนข้างดึงเข้ามากอดเอาไว้แนบอกทันที และทันใดที่มือสัมผัสถูกไอร้อนจากท่อนแขนใหญ่ที่กำลังกกกอดเอาไว้แนบอกอยู่ในขณะนั้น เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ จวบจนกระทั่งเห็นร่างใหญ่ของบุรุษนอนหายใจรวยริน ใบหน้าสวมหน้ากากสีเงินปิดทับอยู่ในขณะนั้น เหวออออ!!! หญิงสาวส่งเสียงร้องออกมาทันทีด้วยความตกใจสุดขีด ร่างอรชรลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว พลางกระเถิบถอยหนีไม่เป็นกระบวน ก่อนจะรีบพลิกตัวกระโดดลงจากเตียงนอนทันใด ตุบ! ร่างแน่งน้อยนอนหลบอยู่ข้างเตียงนานกว่าห้านาที เอื๊อก! เสียงกลืนน้ำลายลงคอได้ยินอย่างชัดเจนดังออกมาจากร่างของหญิงสาว ใบหน้าค่อยๆ เงยขึ้นช้าๆ มองตรงไปที่โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียง ฝั่งทิศทางที่เธอนอนก่อนจะรีบเอื้อมมือกดสวิตช์เพื่อเปิดไฟภายในห้องให้มีแสงสว่าง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน พรึบ! ทั่วทั้งห้องสว่างจ้าขึ้นมาทันใด “ไฟก็เปิดแล้ว ห้องก็สว่างซะขนาดนี้ ถ้าไม่เงยหน้าโผล่ออกไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอด เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าไอ้ที่เห็นเมื่อกี้มันคืออะไรกันแน่จางเพ่ยอัน ท่าทางคงจะคิดเรื่องอีตาผีแม่ทัพมาทวงของมากเกินไป ก็เลยเก็บเอาไปมโนเห็นภาพหลอนลวงตาไปทั่ว” หญิงสาวพูดปลอบใจตัวเองก่อนจะตัดสินใจไม่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างเตียงอีกต่อไป เธอโผล่หน้าขึ้นมองบนเตียงนอนทันที “หา!... อุบ!” จางเพ่ยอันอุทานออกมา ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนจะรีบกระเถิบถอยหลังจนไปนั่งชิดกำแพงห้องพัก “ทะ... ทำไมยังอยู่อี๊ก!!!” หญิงสาวกล่าวออกมาเบาๆ ดวงตาจับจ้องร่างบุรุษที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเขม็ง บัดนี้องค์ชายอิ๋งหยางแห่งแคว้นฉิน ทรงมาปรากฏพระวรกายอยู่บนเตียงนอนของจางเพ่ยอันภายในโฮมสเตย์ที่พักในเขตเมืองซีอาน ด้วยเพราะสถานที่ดังกล่าวในยุคอนาคตถูกสร้างขึ้นตรงกับบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งค่ายกองทัพของแคว้นฉินในยุคโบราณ กระโจมที่ประทับของแม่ทัพใหญ่องค์ชายอิ๋งหยาง ก็ตั้งตรงกับห้องพักของจางเพ่ยอัน รวมไปถึงเตียงนอนในห้องพักก็ตั้งตรงกับแท่นพระบรรทมขององค์ชายหนุ่มในยุคอดีตเข้าให้พอดีอย่างไม่คาดคิด และสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์ชายแห่งแคว้นฉินในอดีตกาลสามารถปรากฏพระวรกายในยุคอนาคตได้ นั่นก็เพราะวันประสูติของพระองค์เป็นดาวพิฆาต ซึ่งสามพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ในขณะที่จางเพ่ยอันก็มีวันเดือนปีเกิดตกดาวพิฆาตเช่นเดียวกัน ซึ่งทิ้งช่วงระยะเวลาครบสามพันปีเข้าให้พอดี หากแต่แตกต่างตรงที่ดาวพิฆาตจะเกิดขึ้นกับบุรุษเท่านั้น ครั้นกาลเวลาเวียนมาบรรจบครบสามพันปีในครานี้ดวงพิฆาตกลับกลายเป็นอิสตรีนั่นก็คือจางเพ่ยอันนั่นเอง อย่างที่มิเคยปรากฏมาก่อนตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ครั้นหญิงสาวเดินทางมาถึงพื้นที่ ซึ่งโลกอดีตเป็นค่ายที่ตั้งกองทัพของแคว้นฉินอันเกรียงไกร ดวงพิฆาตทั้งสองจากยุคอดีตและยุคปัจจุบันโคจรมาพบกันโดยมิได้นัดหมาย ทำให้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นมาโดยพลัน เป็นเวลานานที่ร่างระหงของหญิงสาวซึ่งนั่งกอดเข่าตัวลีบตัวงออยู่ชิดกำแพงมุมห้อง ดวงตาจับอยู่ที่ร่างของผู้ชายตัวโตมหึมาที่กำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนของเธออยู่ในขณะนี้ “ทำไมไม่หายไป! ยังนอนอยู่อีกเหรอเนี่ย” หญิงสาวนั่งกอดเข่าพึมพำ ก่อนจะคอยืดคอยาวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงของเธอกำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา “อันอัน! อันอัน!” เสียงเพ้อเพรียกหาชื่อสตรี “เฮ้ย! ผีละเมอได้ด้วยแฮะ” จางเพ่ยอันเอ่ยออกมาทันที พร้อมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เมื่อความกลัวเริ่มเลือนหายไป ร่างอรชรค่อยๆ เดินอ้อมเตียงก่อนจะไปหยุดยืนมองบุรุษปริศนาในเครื่องแต่งกายโบราณ ซึ่งจู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ในห้องพักของเธอ “ใส่หน้ากากแบบนี้... ใช่ผีตัวเดียวกันกับอีตาแม่ทัพเจ้าของปิ่นหยกหรือเปล่านะ” กล่าวพลางใช้สายตาสำรวจหน้ากากสีเงินที่ปิดใบหน้าอย่างละเอียด “แต่จะว่าไปหน้ากากที่ใส่ก็เหมือนกันมากเลยหรือว่าจะเป็นตัวเดียวกัน” หญิงสาวยืนบ่นพึมพำพร้อมใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่างที่กำลังนอนอยู่ ก่อนจะมาสะดุดหยุดลงเมื่อเห็นผ้าพันแผลสีขาวเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉานไหลซึมออกมาจนชุ่มโชกเนืองนอง “ผีอะไรบาดเจ็บ... มีด้วยหรือนี่... มันใช่เหรอที่จะมีเลือดไหลซึมออกมาซะขนาดนี้” เธอกล่าวพร้อมยื่นมือออกไปอย่างช้าๆ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ร่างตรงหน้าเขม็งเพื่อทดสอบอะไรบางอย่างเพื่อความแน่ใจ นิ้วชี้และนิ้วนางแตะลงบนหลังพระหัตถ์ขององค์ชายหนุ่มจากยุคอดีตก่อนจะแน่นิ่งอยู่เช่นนั้นมิชักมือกลับแต่อย่างใด หากแต่ดวงตากลับเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนสงสัยในคราเดียวกัน เมื่อเธอล่วงรู้แล้วว่าผู้ชายที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่ในขณะนี้มีเลือดเนื้อและชีวิต มิใช่ดวงวิญญาณดั่งคราแรกที่คาดเดา “คนหรือนี่! เป็นไปได้ยังไง” หญิงสาวยืนรำพึง สมองเต็มไปด้วยความสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก “ช่างเถอะ! ช่างเถอะ! อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้ ว่าเขาเป็นใครและมาจากไหน สภาพแบบนี้ท่าทางอาการไม่ธรรมดาซะแล้ว จะเริ่มยังไงก่อนดีล่ะทีนี้” จางเพ่ยอันกล่าวพลางยกมือขึ้นจับขมับทั้งสองข้างของเธอพร้อมหลับตาลงทันใดเพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด พรึบ! เปลือกตาเปิดขึ้นทันใด ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเตียงนอน มือเรียวแยกสาบเสื้อคลุมสีดำทะมึนที่ปกปิดร่างใหญ่เอาไว้เพียงหลวมๆ เผยให้เห็นผ้าพันแผลสีขาวซึ่งทำมาจากผ้าฝ้ายเปียกชุ่มไปด้วยเลือด ทั่วกายเต็มไปด้วยไอร้อนดั่งไฟเผาผลาญ “โอ้โฮ! ไข้สูงมากๆ เลย ตัวร้อนอย่างกับไฟ ไม่ใช่ผีแล้วละนี่มันคนชัดๆ อาการแย่ขนาดนี้ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล แล้วนี่ก็ไม่รู้ไปโดนอะไรมา ทำไมถึงมีแต่เลือดไหลออกมาไม่ยอมหยุดเลย” หญิงสาวกล่าวพร้อมลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปห้องน้ำ อ่างน้ำใบขนาดย่อมทำมาจากกระเบื้องดินเผา ซึ่งทางโฮมสเตย์มีไว้ให้ลูกค้าสำหรับใช้ล้างหน้าถูกจางเพ่ยอันใช้น้ำแข็งที่อยู่ในช่องฟรีซของตู้เย็นนำมาเทใส่จนหมด ก่อนจะนำผ้าขนหนูส่วนตัวของเธอ ลงไปจุ่มจนเปียก บิดเพียงแค่หมาดๆ รีบหันกลับเพื่อนำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวคนเจ็บ แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักเมื่อมองไปที่หน้ากากสีเงินซึ่งปิดบังใบหน้าอยู่ในขณะนี้ “อาการหนักจะตายอยู่มะรอมมะร่อยังอุตส่าห์ใส่หน้ากากปิดหน้าเอาไว้อีกเหรอ ท่าทางคงจะกลัวใครเห็นใบหน้า ถ้าไม่ขี้เหร่จนตัวเองรับไม่ได้ ก็คงมีแผลน่าเกลียดน่ากลัวหรือไม่ก็คงจะปิดเอาไว้เท่ๆ” หญิงสาวยืนบ่นพึมพำพลางทรุดกายลงนั่งข้างๆ พร้อมโน้มตัวลงกระซิบแนบชิดริมหูคนตัวโต “ฉันขออนุญาตถอดหน้ากากออกก่อนนะท่านแม่ทัพ จะรีบเช็ดตัวให้ ไข้จะได้ลด” หญิงสาวกระซิบบอกพร้อมเอื้อมมือค่อยๆ ดึงหน้ากากสีเงินที่ปิดบังพระพักตร์ขององค์ชายจากยุคอดีต พรึบ! หน้ากากสีเงินถูกดึงออกพร้อมพระพักตร์ที่แท้จริงปรากฏอยู่ตรงหน้าสตรีสาวจากโลกอนาคต ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากดังกล่าวนิ่งงันไปชั่วขณะเลยทีเดียว “ว้าว! ผิดคาดแฮะ หล่อเป็นบ้าเลยวุ้ย!” แม่สาวน้อยเอ่ยออกมาทันใดเมื่อเห็นใบหน้าบุรุษเจ้าของหน้ากากสีเงิน หญิงสาวค่อยๆ วางหน้ากากลงบนโต๊ะข้างเตียง พร้อมหันกลับมาพิศมองใบหน้าคมคร้าม หล่อเหลา จนอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองรูปโฉมของคนเจ็บชวนหลงใหลในขณะที่เช็ดตัวไปด้วย ก่อนจะแช่ผ้าลงในน้ำเย็นจัดที่มีแต่น้ำแข็งอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด นำมาวางไว้บนหน้าผากเมื่อเช็ดตัวเสร็จเรียบร้อย “อยากรู้จังว่าไปโดนอะไรมาเลือดถึงไหลไม่หยุดแบบนี้ ขอดูหน่อยเถอะนะ ไหนๆ ก็ทำถึงขนาดนี้แล้ว” หญิงสาวไม่รอช้ารีบหันหลังกลับเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้ากระเป๋าเดินทางควานหากรรไกร ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่ถือติดมือมาด้วย “ใช้กรรไกรตัดผ้าพันแผลออกเลยแล้วกัน รวดเร็วทันใจดีเพราะถึงยังไงก็ต้องส่งโรงพยาบาลอยู่แล้ว” หญิงสาวยืนพึมพำมองกรรไกรคมกริบที่ถืออยู่ในมือขณะนี้ จางเพ่ยอันค่อยๆ โน้มกายของเธอพร้อมใช้กรรไกรตัดผ้าพันแผลออกจากร่างใหญ่ตรงหน้า ให้ขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้มือค่อยๆ ดึงผ้าดังกล่าวออกจากร่างนั้นอย่างเบามือ “คุณพระช่วย!” แม่สาวน้อยอุทานออกมาทันที บาดแผลกระสุนปืนจากยุคอนาคตซึ่งฝังในอยู่บริเวณหน้าอก เป็นรูขนาดเท่าหัวกระสุน ปากแผลบวมเป่งมีเลือดไหลซึมตลอดเวลา และมีน้ำหนองไหลนองออกมาด้วยพร้อมกัน ทั่วบริเวณแผ่นอกเต็มไปด้วยสีช้ำเลือดช้ำหนอง “นี่มันแผลถูกยิงชัดๆ” หญิงสาวกล่าวพร้อมยื่นปลายนิ้วเรียวตรงเข้าสัมผัสปากแผลที่กำลังบวมเป่ง ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสถูกบาดแผล พรึบ! ภาพเหตุการณ์ในวันที่เธอถูกลูกหลงโดนยิงเข้ากลางหลังในเทศกาลดอกโบตั๋นปรากฏขึ้นให้เห็นทันใด ร่างของหญิงสาววิ่งหนีตายมาอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะวิ่งตรงดิ่งเข้ามาหาผู้ชายสวมชุดเกราะเพื่อขอความช่วยเหลือ และมีอันต้องล้มลงทันทีเมื่อถูกปืนยิงเข้าที่กลางหลัง โดยมีบุรุษในชุดเกราะโผเข้ารับร่างของเธอเอาไว้ในอ้อมกอดของเขา ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไป “เป็นไปไม่ได้! นี่ฉันไม่ได้ฝันอย่างนั้นหรอกเหรอ เหตุการณ์ในวันนั้นที่แท้มันคือเรื่องจริง เป็นไปได้ยังไงกัน” หญิงสาวกล่าวพร้อมยกมือขึ้นปิดปากของเธอทันที ในเวลานี้สมองเต็มไปด้วยความสับสนจนแยกไม่ออกแล้วว่า เหตุการณ์ในวันนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่ “เอาไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้ชีวิตคนสำคัญที่สุด ท่าทางกระสุนจะฝังในอักเสบรุนแรงถึงขนาดนี้ ไม่รู้อยู่มาได้ยังไงจนถึงป่านนี้ได้ น่าจะตายตั้งแต่วันแรกที่โดนยิงไปตั้งนานแล้ว” หญิงสาวกล่าวพร้อมสะบัดศีรษะของเธอไปมาอย่างแรง ร่างระหงรีบหันกลับไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แป้นโทรศัพท์แบบทัชสกรีนถูกปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอพร้อมกดเรียกรถพยาบาลฉุกเฉินซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด นำร่างของบุรุษเจ้าของหน้ากากสีเงินส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD