ตอนที่ 3 ยัยชีทเรียน
หลังจากเสร็จภารกิจ เทรย์ก็ไล่แชมเปญกลับทันทีพร้อมกับให้เงินไปก้อนหนึ่ง เพราะขืนอยู่มีหวังได้จับยัยนี่กระแทกทั้งคืนแน่ๆ บ้าชิบเป็นแค่ยัยเด็กเอ็นฯ แท้ๆ กลับมาทำให้เขาแข็งตลอดเวลาได้ขนาดนี้
พอแชมเปญกลับไป เขาก็โทรตามเด็กที่คลับของเขามาปรนเปรอแทน
วันต่อมาที่มหาวิทยาลัย
เทรย์กับทรอยเข้าเรียนวิชาเลือก (วิชาเรียนรวมพื้นฐานของปี 1 เป็นวิชาจิตวิทยา) เทรย์หลับตลอด ส่วนทรอยก็แฮงค์เพราะเมื่อคืนเมามาก
ใกล้หมดคาบอาจารย์บอกว่าครั้งหน้ามีสอบเก็บคะแนน
“เชี่ย จะสอบแล้วยังเรียนไม่ถึงไหนเลย เอาไงดีว่ะ”
ถามพี่ชายก็เหมือนคุยคนเดียว เพราะเจ้าแว่นคนพี่ดูท่าจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร เขาไม่สนใจอะไรเลย และพอถึงวันใกล้สอบก็จะมาวุ่นวายกันอีก
ถึงแม้จะรวยแต่ที่บ้านของพวกเขาค่อนข้างเข้มงวด ถ้าเกิดทำตัวเหลวไหลเกินไปมีหวังถูกส่งไปอยู่มาเก๊าแหง แค่คิดทรอยก็ขนลุกแล้ว เขามองหาทางหนีทีไล่และรีบรุดถามเพื่อนว่า จะขอซีร็อกซ์เลกเชอร์จากใครได้บ้าง
เพื่อนชี้ไปที่แชมเปญที่นั่งอยู่ใกล้ทางออก ช่างโชคร้ายที่เธอดันมาเรียนวิชาเลือกปีหนึ่งวิชาเดียวกับเจ้าสองแฝดนรกนี่ จริงๆ แล้วแชมเปญสาวน้อยของเราเรียนอยู่ คณะวิทยาศาสตร์ (Food Technology)
เธอมักอยู่กับเพื่อนสนิทอีกคนที่ชื่อว่า ขนม เป็นเพื่อนที่คบกันตั้งแต่เปิดเทอม
เลิกเรียนแล้วทรอยก็วิ่งตามสาวน้อยสองคนนั้นไป
“เดี๋ยว เธอน่ะ”
น้ำเสียงแสนคุ้นเคยทำเอาใจของแชมเปญกระตุกวูบ เธอหันไปตามเสียงนั้นแล้วเพ่งมองหน้าเขาอย่างพินิจ ใช่จริงๆ ด้วยนี่มันหมอนั่น คนเมื่อคืน คนที่เธอ…
“อะ เอ่อ คือว่า…”
สาวน้อยตะกุกตะกักแล้วหลุบตาลงมองต่ำแถมดันตัวเองไปหลบหลังเพื่อนอย่างสั่นเทา หมอนี่จะมาเอาเงินคืนงั้นหรอ ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่ใส่แว่นตาละ
“นี่ ฉันอยากได้เลกเชอร์ของเธอ เห็นเพื่อนบอกว่าเธอเรียนเก่ง”
แชมเปญมองหน้าเขาด้วยความงุนงง เขาไม่มีอาการที่แสดงออกมาว่ารู้จักเธอมาก่อน ทั้งที่เมื่อคืน เอ่อ แตกออกมาเยอะขนาดนั้นแท้ๆ เฮ้ยไม่ได้ดิแชม แกจะมาคิดเรื่องแบบนั้นเวลานี้ไม่ได้นะ
หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ขนมเพื่อนของเธอรู้จักพวก จตุร อย่างดีและรู้ว่าพวกนี้เป็นคนดังต่างจากแชมเปญที่ไม่ได้เคยรู้เรื่องของชาวบ้านเลย เธอรีบรุดตอบแทนเพื่อนสนิท แชมเปญเรียนเก่งสอบย่อยได้คะแนนเกือบเต็มทุกครั้ง แถมใจดีด้วย
“ไอ้แชม มึงก็ให้เขายืมไปสิ”
ขนมคะยั้นคะยอ แล้วหันมามองสีหน้าลำบากใจของเพื่อน แชมเปญทั้งสับสนอีกทั้งงง กับท่าทีของผู้ชายคนนี้ที่ทำเหมือนจำเธอไม่ได้ (ก็แน่ละสิมันคนละคนกันอีหนูเอ๊ย)
เมื่อทรอยเห็นว่าอีกคนทำท่าทีอึกอักและไม่อยากรู้จักเขา เขาจึงได้แต่เอาวิธีแก้ปัญหาที่ตระกูลเขาส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นคำสอนที่สืบต่อมาหลายชั่วคน และมักจะใช้ได้ผลกับสถานการณ์แบบนี้
“อ่ะ สองหมื่น เอาไปแล้วเอาชีทมา”
เขาพูดพร้อมกับยื่นเงินให้เธอ และใช่ คำสอนของตระกูลเขาคือ เงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้ เมื่อคืนคนพี่ให้มาก็หลายหมื่น วันนี้คนน้องมาให้อีก แชมเปญสาวน้อยผู้ร้อนเงินกลืนน้ำลายลงคอแล้วหยิบเงินนั่นมาพร้อมกับยื่นสมุดให้เขา
“เงินมันทำให้คนสนิทกันเร็วขึ้นนะ ขอบใจยัยชีทเรียน เดี๋ยวเอามาคืนให้”
เขาพูดแล้วเดินจากไปทิ้งแชมเปญยืนทำหน้าเอ๋ออยู่ตรงนั้น เมื่อคืนก็ว่าเป็นยัยเด็กเอ็นฯ วันนี้มาบอกว่าเป็นยัยชีทเรียนอีก เจ้าหมอนี่
แต่จะว่าไป ทำไมบรรยากาศมันดูไม่เหมือนกันนะ
หมอนี่ยิ้มเก่งกว่าเมื่อคืน แถมยังไม่ออกคำสั่งกับเธอ จริงๆ แล้วแค่สั่งเธอ เธอก็ยอมให้อย่างว่าง่ายแล้วแต่หมอนี่กลับไม่ทำแบบนั้น ผีเข้าผีออกหรอ พิลึกจัง เธอได้แต่คิดว่าทำไม
แต่คำตอบของทุกคำถามก็ถูกไขกระจ่างเมื่อเพื่อนเธอบอกว่า
“คนนั้นแฝดน้องชื่อทรอย พี่เขาชื่อเทรย์คนที่ใส่แว่น พวกเขาอยู่ในแก๊ง จตุร แก๊งลูกคนรวยน่ะ”
ถึงบางอ้อทันที ที่แท้ก็คนละคนกัน แชมเปญเข้าใจแต่ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าสองพี่น้องนั่นจะไม่ได้สำคัญกับชีวิตเธอมากเท่ากับหนี้สินที่เธอต้องแบกรับ ณ เวลานี้
ถ้าถามว่าเพราะอะไรสาวน้อยวัยกำลังเรียนมหาลัยต้องมาทำงานใช้หนี้นะเหรอ นั่นก็เพราะแม่เธอ ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวได้กู้เงินมาลงทุนทำธุรกิจแล้วถูกโกง จนต้องไปทำงานเก็บผลไม้ที่ต่างประเทศแล้วส่งเงินมาให้
แต่ก็อย่างที่รู้ๆ ดอกเบี้ยมันงอกออกมาตลอดเวลา แชมเปญเข้าใจแม่ดีเพราะท่านก็ไม่ได้อยากให้ถูกโกง เธอไม่โกรธท่านแต่โกรธคนที่โกงท่านมากกว่า ซึ่งมาถึงตรงนี้ก็ยังจับไม่ได้ เธอถึงต้องมานั่งใช้หนี้ก้อนโตกว่าสองล้านบาท แถมยังต้องส่งดอกเบี้ยรายอาทิตย์ที่แพงมหาศาลอีกด้วย
หลังจากนั้น 2-3 วัน นายหน้าที่จ้างเธอไปทำงานเพิ่งโอนเงินมาให้ เธอส่งดอกเบี้ยเงินกู้ไม่ทัน เมื่อกลับถึงบ้านตอนค่ำ เธอเห็นข้าวของเสียหาย พวกแก๊งทวงหนี้ยกเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่างออกไป เธอจึงรีบโอนเงินให้พวกมัน
แชมเปญกลัวมาก เธอเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็ก แล้วรีบออกจากบ้าน พลางนิ้วมือก็กดเลื่อนโทรหาเพื่อนสนิท
“ขนม กูขอไปนอนห้องมึงได้มั้ย”
“ได้สิมึง แต่แฟนกูจะมาหา เดี๋ยวกูไล่มันกลับดึกๆ มึงเข้ามาเลย”
ขนมเอ่ยอย่างจริงใจ และไม่มีท่าทีรังเกียจเพื่อนสักนิด แต่แชมเปญรู้สึกเกรงใจมาก สาวน้อยที่ทั้งขี้กลัว ขี้เกรงใจกำลังตกที่นั่งลำบากสุด
เธอจึงตัดสินไปพึ่งคนที่เธออยากจะรับความช่วยเหลือจากเขาเป็นคนสุดท้ายของโลกใบนี้ นั่นคือพ่อของเธอที่ทำงานเป็นผู้จัดการไนต์คลับหรู ซึ่งพ่อเลิกกับแม่เธอนานแล้ว และแต่งงานใหม่
และอย่างที่คิด พ่อบอกว่าให้ไปอยู่ที่บ้านไม่ได้
“ออสการ์ ไม่สะดวก น้องขึ้น ม. ปลายแล้ว และมีโลกส่วนตัวสูง”
เขาตอบสาวน้อยทันทีที่เธอร้องขอความช่วยเหลือ ให้ตายเถอะ เธอไม่น่ามาที่คลับแห่งนี้เลย แชมเปญกลอกตามองบนกับท่าทีเรียบเฉยของผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินหันหลังไปอย่างสุดเศร้า
ทว่าพ่อเรียกเธอไว้ก่อน
“แชม เอาเงินนี่ไปลูกแล้วไปหาห้องเช่าอยู่ก่อน”
แชมเปญรับเงินมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็คงทำได้เท่านี้แหละ อีกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดของพ่อเสียทั้งหมด เธอพยายามคิดเข้าข้างพ่อตัวเอง พลางยื่นมือรับเงินและแหงนมองป้ายคลับที่ชื่อว่า Hell Twins คลับที่พ่อของเธอทำงานอยู่