พอเขียนใบลาออกเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็กลับบ้านในทันทีโดยที่ไม่ได้แวะไปที่ไหนต่อ ถึงแม้จะเสียดายเรื่องการเรียนของตัวเองมากแค่ไหนแต่เธอก็ขัดคำสั่งของพ่อกับแม่ไม่ได้
"กลับมาแล้วค่ะ..." เธอพูดขึ้นเมื่อก้าวขาเดินเข้าไปในบ้าน ทว่าภายในบ้านกลับเงียบกริบราวกับว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
เธอเดินเข้าไปดูในครัวก็ไม่เจอใครเลยบนห้องนอนที่พ่อกับแม่ของเธอควรจะอยู่ก็ไม่มี
ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกไปหาผู้เป็นแม่ ทว่าไม่มีใครรับสายเลยแม้แต่คนเดียว ก่อนที่เธอจะเหลือบไปเห็นบางอย่าง เป็นซองจดหมายสีขาวถูกทับไว้ด้วยแจกัน
ถึงลูกตาล...
ถ้าหนูกลับมาได้เห็นจดหมายนี้แล้ว แม่อยากจะให้หนูเอาเงินในซองนี้ไปเช่าห้องอยู่ก่อนนะ พ่อกับแม่ต้องออกไปหางานทำหาเงินมาใช้หนี้เขา ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก
พออ่านจดหมายจบมือของเธอทั้งสองข้างมันก็สั่นไปหมดเลย เพราะเธอไม่คิดว่าเธอจะมาถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่ลำพังเพียงคนเดียว ถึงพ่อกับแม่ของเธอจะบอกว่าต้องออกไปหางานทำ แต่เธอก็ไม่คิดว่าตัวเธอจะถูกทิ้งเอาไว้ตามลำพังแบบนี้
ตึก ตึก ตึก
"ฮึก...พวกคุณเป็นใครหรอคะ" ลูกตาลรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันกลับไปพูดกับคนที่เดินเข้ามาใหม่ในทันที เขาแต่งตัวดูดีเหมือนกับพวกพนักงานบริษัทสูงๆ มากกว่าที่จะเป็นคนไม่ดี
"พวกเราเป็นคนจากธนาคารครับ บ้านหลังนี้ไม่ส่งให้เราตามกำหนดน่ะครับทางเราก็เลยต้องทำการยึดตามสัญญา"
"ขอขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าแล้วก็ของก่อนได้หรือเปล่าคะ บ้านหลังนี้อยู่มานานข้าวของก็เลยเยอะน่ะค่ะ"
"ได้ครับ"
เธอรีบขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองในทันที แต่ก็เก็บได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเธอตัวคนเดียวไม่ได้มีรถมาขน ครั้นจะแบกไปหลายอย่างมันก็คงจะไม่ไหว เพราะเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอจะได้ที่พักที่ไหน
"ไม่ทราบว่าบ้านหลังนี้ ทางธนาคารจะเอาไปทำอะไรต่อหรอคะ?"
"ก็คงจะปรับปรุงใหม่แล้วก็ขายอีกทีครับ"
"เอ่อ...ของที่ฉันขนไปไม่หมด ถ้าคุณจะเอาไปทิ้ง รบกวนโทรมาบอกฉันนะคะฉันจะไปเอามาไว้ ยังไงเอาไปบริจาคก็ดีกว่าทิ้งให้มันเสียเปล่า"
"ครับ ได้ครับ"
หญิงสาวหิ้วกระเป๋าสะพายที่เก็บเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นเดินออกมาจากบ้านที่ตัวเองเกิดและเติบโตที่นี่ แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้ว
ในหัวของเธอตอนนี้มันได้แต่คิดว่าจะทำยังไงต่อดี จะไปหาที่พักได้ที่ไหนแล้วจะทำยังไงให้ตัวเองอยู่รอดได้ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่ไปอยู่ที่ไหน และจะกลับมาหาเธอเมื่อไหร่
ครืน~
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังไงไม่รู้ ขณะที่เธอกำลังเดินไปตามถนนทางออกซอยบ้านของเธอเอง จู่ๆ ฟ้าก็ร้องเสียงดัง พร้อมกับมีลมกรรโชกแรงเหมือนพายุเข้า ที่สำคัญแถวนี้ก็ใช่ว่าจะมีศาลาหรือว่าร่มไม้ให้เธอยืนหลบฝนได้เลย
ซ่า!! ครืนน!! ซ่า!!"
"ฮึก..." ในขณะที่ฝนโหมกระหน่ำลงมาเปียกปอนไปบนร่างกายของเธอนั้น เธอก็นึกตัดพ้อน้อยใจในชะตากรรมชีวิตของตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นคุณหนูมีรถนั่งให้ไปเรียนอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้ต้องมาเดินหิ้วกระเป๋าตากฝนโดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน กลายเป็นว่าเธอถูกทิ้งไแล้ว
เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ประสบปัญหาทางการเงินเมื่อไหร่ เพราะทั้งสองไม่เคยบอกให้เธอรับรู้เลย
ซ่า!!
ฝนยังคงโหมกระหน่ำลงมาอยู่เรื่อยๆ โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงเลย เธอเร่งเท้าเดินให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้หาที่หลบฝนถึงแม้ตอนนี้จะเปียกตอนไปทั้งตัวแล้วก็ตามแต่มันก็ดีกว่าเธอต้องเดินตากฝนไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไร้จุดหมายปลายทาง
บรืน~
จู่ๆ ก็มีรถขับมาสวนทางกันกับเธอ ไฟหน้ารถคันนั้นสาดส่องมาโดนหน้าเธอจนต้องรีบก้มหน้าหลบ ทว่ารถคันนั้นกลับจอดนิ่งสนิททำเอาเธอที่รู้สึกกลัวอยู่แล้วรีบเดินออกไปให้เร็วที่สุด
"เดี๋ยวสิเธอ เธอ...นี่ฉันเอง"
"ฮึก...อย่าทำอะไรหนูเลย หนูแค่กำลังไปหาที่หลบฝนอยู่"
"หันกลับมามองก่อนสินี่ฉันเอง"
"....." เธอค่อยๆ หันกลับไปทั้งที่ตัวก็ยังสั่นเทาอยู่ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะยื่นร่มมากางให้กับเธอด้วย "คุณเองหรอ"
"ทำไมถึงมาตากฝนแบบนี้"
"กำลังจะออกไปหาที่พักค่ะ"
"เดี๋ยว แล้วบ้านของเธอล่ะ"
"โดนธนาคารยึดแล้วค่ะ"
"....."
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วคุณปล่อยหนูเถอะค่ะ หนูจะได้รีบไปหาที่พัก"
"ไปกับฉัน"
"คะ?"
"ฉันบอกให้ไปกับฉันบ้านฉันอยู่ใกล้ๆ ตรงนี้เอง"
"....."
"ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอหรอกที่บ้านฉันมีแม่บ้านอยู่ฉันจะให้พวกเขาเอาเสื้อผ้ามาให้เธอเปลี่ยน"
"แต่ว่า..."
"ถ้าเธอเดินไปแบบนี้ เดี๋ยวก็ป่วยเอาหรอก อีกอย่างสภาพเธอแบบนี้ถ้ามีใครมาเห็นเธอเข้ามันอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้นะ"
"ก็ได้ค่ะ"
เธอเดินไปขึ้นรถกับเขาแต่โดยดี แต่เพราะเดินตากฝนจนตัวเปียกชุ่มมานานพอเข้าไปในรถปะทะกับเครื่องปรับอากาศในรถที่แสนจะเย็นเยียบก็ทำเอาเธอถึงกับหนาวสั่นเลยในทันที
พรึบ!
"ห่มเอาไว้ก่อนเดี๋ยวก็ถึงบ้านฉันแล้ว"
"ขอบคุณค่ะ" ถึงจะตกใจที่จู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อด้านนอกมาคลุมให้กับเธอ แต่มันก็ดีกว่าเธอนั่งสั่นเทิ้มเป็นลูกหมาตกน้ำ
"พ่อกับแม่ของเธอไปไหน ทำไมถึงปล่อยให้เธอออกมาเดินตามลำพังแบบนี้มันอันตรายไม่รู้หรอ"
"ไม่รู้ค่ะ.."
"หมายความว่าไง?"
"พวกเขาไปไหนกันก็ไม่รู้ หนูกลับบ้านไปก็ไม่เจอใครแล้ว มีแต่พนักงานของธนาคารที่เข้ามาดูบ้านที่ถูกยึด"
"อย่าบอกนะว่าเธอถูกพ่อแม่ของเธอทิ้ง"
"....." คำถามนี้มันทำเอาเธอจุกจนพูดไม่ออกเลย ถึงในจดหมายแม่ของเธอจะบอกว่าต้องไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้ แต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการโดนทิ้งเลย เพราะเธอต้องอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว ที่สำคัญเธอไม่เคยเผชิญโลกภายนอกเพียงลำพังเลยด้วย เธอจะอยู่ได้ยังไงกันถ้าไม่มีพ่อแม่แบบนี้ เธอจะเอาตัวเองให้รอดพ้นจากโลกภายนอกที่แสนจะโหดร้ายได้ยังไงกัน
"ค่ะ หนูถูกพ่อกับแม่ทิ้ง"