บทที่ 2 เขาเป็นอะไรกันแน่

1318 Words
บทที่ 2 ฉันเดินออกจากห้องผู้ป่วยปล่อยเจ้าจอมไว้ในนั่นแหละ เดี๋ยวเมืองกับพระยาก็คงมาเยี่ยมตามเคย หรือไม่มากไม่มายฉันอาจจะใจดีมานอนเฝ้าเพราะว่างงาน ฉันรับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษที่มาสอนเพราะถูกเชื้อเชิญจากอธิการบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ไม่ได้มารักษาเหมือนคนอื่นๆ ถึงจะจบหมอก็เถอะ แต่หน้าที่หลักฉันตอนนี้คือบริหารโรงพยาบาลเอกชนที่ครอบครัวเป็นเจ้าของ “นางครับ” พี่ภาคมายืนปั้นจิ๋มปั้นเจ๋ออยู่หน้าห้อง คงลังเลละมั๊งว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปดี ฉันมองเขาแล้วก็พอรู้ว่าเขามาเพื่ออะไร ก็ดีจะได้พิสูจน์กันไปเลย ‘เขาชอบฉัน’ ‘ฉันรู้...’ ‘แล้วไง?’ ฉันไม่ชอบผู้ชายจะให้โดนกอดรัดฟัดเหวี่ยงมันก็ยังไงละ เอิ่ม....ไม่เวิร์คฉันบอกไปแล้ว ฉันยิ้มตามมารยาทสะบัดผมเล็กน้อยปัดรำคาญ “พี่ชอบนางนะครับ” รู้ว่าเป็นหมอแต่ควรหาที่สารภาพรักให้มันโรเมนติคได้อารมณ์สักหน่อยก็ไม่ได้ แต่ฉันยังคงหันมาฉีกมุมปาก ไม่อยากเรียกว่ายิ้มหรอกเพราะเขาพูดมันได้จืดสนิทจริงๆ บรรยากาศคือเห่ยนิดๆ “อ้อค่ะ แล้วไงต่อ” ฉันมองเขา เราจ้องหน้ากัน “เป็นแฟนกับพี่ไหมครับ” ว๊าว!!! ไวไฟดี ไม่สิเราก็รู้จักกันมานานแล้วนี่นา แค่ฉันบอกปัดไปหลายทีเพราะเขาบอกโดยอ้อม คราวนี้พูดมาตรงๆ ฉันจะทำยังไงดีละหืม ครุ่นคิดจนมุมปากบิดไปกองรวมกันข้างขวา คิดยังไงก็คิดไม่ออก ขณะที่ฉันถอนหายใจ พี่ภาคก็ประชิดตัวและดันตัวฉันเข้าผนัง เขาจูบฉัน... จูบแบบเอาเป็นเอาตาย ลิ้นสากกำลังเกี่ยวไปทั่วปากฉัน มันคมกริบทุกอิริยาบถ เขาก็หล่อใช้ได้แต่มันไม่ใช่แนว แถมยังกล้าพุ่งมาจูบฉันในที่สาธารณะซะด้วย แม้ตอนนี้จะไม่มีผู้คนผ่านมาแต่ถ้ามี เราจะเสียชื่อเสียงเอาได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น... ฉันยกยิ้มแล้วดันเขาเข้าไปในมุมอับ อยากจูบใช่ไหมได้...จัดให้ ฉันบดริมฝีปากเข้าหาและเกี่ยวลิ้นเขา ตลกดีที่พี่ภาคดันหอบหายใจแรงๆ และตัวอ่อน อ๊อว...น่าร๊าก.... อาห๊า!! ได้ทีฉันก็ไล่ต้อนเขาจนคนเริ่มอารมณ์ทะลุปรอท ใครกันแน่ที่ต้องระทวย ที่แน่ๆ ไม่ใช่ฉัน ฉันถอนริมฝีปากออกเพราะรู้ถึงรสชาติของเลือด ใช่ฉันกัดปากเขาให้เจ็บ แลกกันกับที่เขาบังอาจจูบฉันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต “พี่ไม่ใช่สเปคนาง ขอโทษด้วยที่ต้องปฏิเสธ” พูดจบฉันก็เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาน์วแล้วเดินออกจากตรงนั้นในท่าสบาย แต่ดูพี่ภาคสิตัวเองเป็นคนอยากทำแท้ๆ ดั๊น!!ทรุดนั่งเหมือนโดนขืนใจ อยากจะบ้าตาย “โอ๊ย ขี้เกียจมาเฝ้าคนป่วยจังเลยโว๊ย!” บิดขี้เกียจแล้วย่างย่ำไปตามทางเท้า เสียงจิ๊จ๊ะดังผ่านกล่องเสียงไปเรื่อยๆ “เกือบทำโจรขโมยจูบตายคาที่นี่ผิดกฎหมายไหมวะ” ฉันมองอาจารย์หมอเจ้านางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขาเป็นอะไรกันแน่! เพราะปวดท้องหนักมากฉันอยากเข้าห้องน้ำแต่เพราะห้องใกล้ๆ แม่บ้านปิดทำความสะอาดเธอจึงมาเข้าตึกผู้ป่วย ทว่าเมื่อเดินผ่านห้องหนึ่งเธอก็เห็นอาจารย์หมอหอมแก้มผู้หญิง แถมยังหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม ปลดทุกข์ไปตัดพ้อไป พอเข้าห้องน้ำเสร็จดันเห็นอาจารย์สาวจูบกับผู้ชาย แถมเป็น French Kiss ดูดดื่มอีก อาจารย์ทำไมหลายใจแบบนี้ละ หรือเขาเป็นไบเซคชวล ดวงตาใสแจ๋วหลุบต่ำ ผู้หญิงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยก็สวยมาก เธอจะเอาอะไรไปสู้เขาละ และอาจารย์หมอทัศภาคอีก ทั้งหล่อและรวย ไม่มีทางไหนเลยเธอแอบรักเขามาสามปี สามปีเชียวนะที่ไม่มองใคร แต่แอบอยู่เขาจะเห็นได้ยังไง อาจารย์หมอเจ้านางทั้งสวยและแพงมาก หมอฝึกหัดได้แต่ถอนหายใจรัวๆ “เอ๊ย.... เอ๊ย... เอ๊ย .....” เจ้านางเอ๊ยแล้วเฮ๊ยอีก...ก็ยังเห็นคุณหมอฝึกหัดเหม่อลอยแล้ว...เดินต่อ “อุ๊ย! พ่องตาย!!!” แพรพิณร้องเสียงหลงเมื่อถูกตวัดตัวรวดเร็ว O_O เป็นคำอุทานที่บาดหูชะมัด เจ้านางมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางละเหี่ยใจ...หนักมาก เป็นคนช่วยไว้แท้ๆ บุหรี่มวลที่กำลังสูบก็ร่วงลงไปยังพื้น คัดชูของสาวน้อยหน้าหวานเหยียบมันจนแบนแต๊ดแต๋ หืม! ซุ่มซ่ามได้น่าประทับใจที่สุดในสามโลก “เอ่อ!!!” เจ้านางถอนหายใจอย่างแรง กระนั้นยังไม่ปล่อยร่างบอบบางในอ้อมกอด “ขะ ขะ ขะ” ตื่นเต้น ตาโต ทำอะไรไม่ถูกสักกะอย่าง “ขาก...ถุย หรือ อะ-ไร?” ฉันตอบนักศึกษาที่เจอกันเมื่อไหร่ บรรลัยทุกที รอฟังเธอเค้นคำพูดจนเดาะลิ้นสองสามทีก็ยังไม่เป็นคำ ฉิบหายละความอดทนต่ำล๊ง ต่ำลงสิวะ “มะ มะ ไม่ใช่ค่ะ ขอโทษค่ะ” ฉันตอบไปกล้าๆ กลัวๆ ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรมาก ฉันก็ได้กลิ่น “อาจารย์สูบเหรอคะ” “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ฉันวางมือจากเธอคนนี้ พอบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็กหน้าเจือนไปเลยแฮ่ะ “ระวังหน่อย ตกท่อไปจะยุ่ง” พออาจารย์เจ้านางพูดจบฉันก็มองไปรอบๆ นี่ฉันเดินมาทางท่อชำรุดนี่นา โอ๊ะโอ!เกือบไปแล้วยัยแพร โล่งอกไปทีที่ไม่ได้ลงไปเล่นน้ำเสีย ชะโงกหน้าไปมองข้างล่างก็พบว่ามันเป็นน้ำทิ้งที่สีของน้ำและกลิ่นไม่น่าจะพิสมัยเลย “ขะ ขอบคุณค่ะ” ก้มหน้างุดละอายที่ทำให้อาจารย์ต้องมาช่วยเหลือ “อือ...ไปเรียนได้แล้วไป” ฉันบอกยัยตัวเตี้ย พร้อมดึงแขนไปส่งอีกฟาก ไม่อย่างนั้นคนโก๊ะอย่างเธอคงได้ตกท่อสมใจกันพอดี “ค่ะ” ฉันรับคำจากนั้นก็เดินตาม เมื่อพ้นระยะอันตรายเลยหันหน้ากลับมา ก็เห็นอาจารย์กำลังหยิบบุหรี่อีกมวลขึ้นมาขบ แล้วก็ถือไฟแช็กขึ้นมาจุดต่อหน้าต่อตา “อาจารย์ค่ะมันไม่ดี” “แล้วไงต่อ...หืม” ฉันยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก แล้วจ้องยัยเด็กหน้าหวานอย่างพินิจพิเคราะห์ “แลดูเดือดร้อนจังเลยนะ” นิ้วเรียวชี้ไปที่ป้ายสีแดงที่เขียนว่าห้ามสูบบุหรี่ เจ้านางมองตาม ...พอเดาได้ว่าที่นี่เขาห้ามสูบแต่อุตส่าห์หลบมุมแล้วไง ยังมีคนมาเจอ ซวยชะมัด! “อ่อ” พูดแค่นั้นอาจารย์สาวจึงเดินผ่านร่างบอบบางไปทางอื่นโดยไม่เหลียวหลังกลับ เขาเดินไปแล้ว เดินไปโดยไม่พูดจาอะไร ฉันคงโดนเกลียดเข้าแล้วละ ทั้งสีหน้าแววตาอาจารย์เจ้านางเป็นแบบนั้น ‘แส่ไม่เข้าเรื่อง’ เขาไม่บอกเธอก็รู้ว่าคำพูดเขาคงประมานนี้ “เออ! ยืนให้ตัวเงินตัวทองมันมาลากลงไปเล่นน้ำรึไง ไปเรียนซี้!!” เจ้านางตะโกนมา เพราะเดินเร็วเป็นปกติ เธอเดินหน้าเกือบถึงที่หมายหันกลับมายังเห็นยัยหมอฝึกหัดยืนก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ที่เดิม “ค่ะ ไปแล้วค่ะ” ฉันเดินไปทางซ้าย ขณะที่อาจารย์เจ้านางก็เดินไปอีกทาง เราสองคนคงเป็นเหมือนทางเดินนี่ละมั๊ง ขณะที่เขามุ่งไปข้างหน้าฉันก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน เขาคงไม่มองฉันหรอกเพราะฉันเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ แค่คิดหัวใจฉันมันก็ปวดหนึบ จนต้องกุมมันเอาไว้ แล้ววิ่งขึ้นอาคารเรียน ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD