ยอมเป็นเมียพี่หมีNC

2226 Words
คนป่าที่ 4 ยอมเป็นเมียพี่หมี เช้าวันรุ่งขึ้น ยังคงเป็นวันที่อากาศสดใส หากแต่ครั้งนี้เสียงกระทบกันของเนื้อไม่ดังเหมือนทุกครั้ง เพราะมีเพียงเสียงฮึดฮัด และเสียงพั่บพั่บของบั้นท้ายดังขึ้นเบาๆ “อืมมม อืมมม อืมมม” บนหนังสัตว์นุ่มที่ปูพื้นซ้อนทับกันหลายชั้น ว่านลุ่ยถูกจัดให้นอนอยู่อันดับสุดท้าย จึงห่างออกจากพี่สาวจอมยั่วถึงสามสี่วา เสียงครางในลำคอของสตรีปลุกให้ว่านลุ่ยตื่น เมื่อนางงัวเงียขึ้นตามความเคยชิน ยามลุกขึ้นนั่งก็พบว่าผู้อื่นตื่นก่อนตนแล้ว น้องสาวจันทรานั่งมองฟ้า พี่สาวแมวก็กอดเจ้าเหมียวชมดูพี่หมี ที่บัดนี้ทาบทับอยู่บนลำตัวพี่สาวจอมยั่ว บดขยี้เครื่องเพศขาวเนียนของนางเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับที่ทำกับน้องสาวอรุณ ว่านลุ่ยเริ่มชินแล้ว นางลุกขึ้นตั้งใจชมดูการกระทำของทั้งคู่ พี่หมีตั้งอกตั้งใจกระแทกยิ่งนัก มือก็ดันพื้นไว้ไม่ให้ร่างใหญ่โตของตนกดทับ ร่างอวบอัดของพี่สาวจอมยั่วมากเกินไป “อูวว อูวว อูวว” เสียงร้องของสตรีใต้ร่างดังขึ้นเมื่อพี่หมีกระแทกหนักๆ ในจังหวะสุดท้าย จากนั้นนางจึงเห็นเค้าดึงแท่งลำให้หลุดออกจากกลีบอวบอูมของพี่สาวจอมยั่วเต็มสองตาตนเอง “อูก้า อูก้า อู อู อู” !!! ราวกับว่านลุ่ยเข้าใจภาษา เมื่อพี่หมีหันหน้ามาทางตนแล้วเริ่มส่งเสียงกุลีกุลู นางจึงสายหัวไม่คิดชีวิต แม้จะรู้สึกกระสันรัญจวนแค่ไหน แต่ก็ทำใจยอมรับไม่ได้หากต้องเสียตัวให้กับคนป่าที่หนวดเครารกรุงรัง “…” หากแต่ พอนางไม่ยอมรับก็ไม่ใช่จะมีคนไม่อยาก น้องสาวจันทราที่นั่งมองฟ้า เมื่อได้ยินเสียงเรียกก็รีบวิ่งลงมาคลานสี่ขา หันบั้นท้ายไปทางพี่หมีด้วยความรวดเร็วอย่างรู้งาน “ตับๆ ตับๆ ตับๆ” ครั้งนี้ไม่อ่อนโยนซักนิด พี่หมีพอเข้าไปได้ก็กระชากก้นขาว เค้าตอกอัดจนน้องสาวจันทราหัวสั่นหัวคลอน ส่งเสียงโหยหวนลั่นถ้ำราวกับนางกำลังจะตาย การละเล่นยามเช้าก็เป็นเช่นนี้เอง เมื่อตะวันขึ้นสูงอีกหน่อยพี่หมีก็ออกจากถ้ำ นางไม่รู้เค้าออกไปไหน แต่เหล่าสตรีที่เหลือก็เริ่มออกไปเช่นกัน หากแต่วันนี้ไม่ได้พาว่านลุ่ยไปด้วย ในถ้ำจึงเหลือเพียงนางกับพี่สาวราตรี นางรู้ว่าพี่สาวราตีสายตามืดบอด หากไม่นับพี่หมี ยามอยู่กับหญิงสาวคนอื่นๆ นางไม่กลัวซักนิด เวลาว่างนางมักจะเดินออกไปแถวหน้าถ้ำ ไม่ไกลนักมีชะง่อนหิน พอไปยืนอยู่ตรงนั้นจะมองเห็นผืนป่าสุดลูกหูลูกตา เป็นความงามแบบที่นางเองไม่ค่อยได้ยลชม เรื่องหนีขอความช่วยเหลือว่านลุ่ยเลิกคิดไปนานแล้ว สองวันที่เดินทางมายังถ้ำแห่งนี้ นางมีเวลาได้คิด ออกเรือมาเดือนกว่า ลอยคออยู่ในทะเลสิบกว่าวัน ไม่ทราบตนถูกพัดพาขึ้นฝั่งมาถึงแผ่นดินไหน ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบครั้ง ยังไม่แน่ว่าจะกลับดินแดนต้าเว่ยได้ตามเดิม ว่านลุ่ยฉลาดเฉลียวอยู่แล้ว ตอนอยู่ในทะเลเดิมคิดว่าตนเองคงจะไม่รอด แต่ตอนนี้ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอีกครั้ง แม้จะรันทดไปบ้างแต่นางก็จะสู้ นางจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปตามทิศทางที่ตนต้องการ… *** ดวงตะวันเริ่มตรงดิ่งอยู่ที่เหนือศีรษะ ว่านลุ่ยยืนอยู่ที่สูงมองลงไปเบื้องล่าง รอบๆ ถ้ำของพี่หมีเป็นชุมชนกระโจมเล็กๆ ชาวป่าชายหญิงนับรวมๆ ได้เกือบร้อย มองจากอากัปกิริยาเกรงกลัวยามพี่หมีเดินผ่าน นางก็พอเข้าใจเรื่องราวได้ว่า เค้าคงเป็นผู้นำของชนเผ่าเล็กๆ นี้แน่นอน หลายวันมานี้ว่านลุ่ยไม่ได้ใช้ชีวิตไปเปล่าๆ นางลอบสังเกตคนทั้งหมดไปเรื่อย จนกระทั่งมั่นใจศักดิ์ฐานะยศขั้น ที่แบ่งแยกชนชั้นในชนเผ่าแห่งนี้ ไม่นานไกลลิบสุดลูกตา ว่านลุ่ยเห็นพี่หมีเดินนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งมาแต่ไกล ด้านหลังก็มีกวางป่าตัวใหญ่ถูกผู้คนแบกหาม ซักครู่เด็กๆ ตัวน้อยก็วิ่งกันจนวุ่น ล้อมหน้าล้อมหลังพี่หมี จนกระทั่งมารดามาอุ้มจากไป ว่านลุ่ยมองเห็นพี่สาวจอมยั่วกับน้องสาวตะวันแล้ว พวกนางเมื่อเห็นพี่หมีก็วิ่งไปรับหน้า จากนั้นเหมือนสื่อสารอะไรกันบางอย่าง ค่อยช่วยกันกับสตรีหลายคนแล่เนื้อกวางนั่น เหล่าบุรุษที่เพิ่งกลับมาบางคนก็อุ้มสตรีข้างตัวไปเสพสมใกล้ๆ โดยไม่อับอายผู้อื่นซักนิด ราวกับการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา แม้จะอยู่ไกล แต่ว่านลุ่ยก็หน้าแดงมาก นางรู้สึกราวกับมีน้ำไหลออกจากกลางหว่างขา จนต้องยืนบิดไปบิดมาพิงต้นไม้ข้างๆ คิดในใจไฉนร่างกายตอบสนองต่อเรื่องแบบนี้ง่ายดายแท้ “…” การเปลี่ยนแปลงของว่านลุ่ยเป็นไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่ทราบตนเองฉลาดเกินไปจนปรับตัวได้ง่าย หรือถูกความไร้อารยธรรมของคนเหล่านี้หล่อหลอม กับมีแวบหนึ่งที่คิดว่า หากตนถูกพี่หมีขึ้นขี่ต่อหน้าผู้คนจะรู้สึกเช่นไรหนอ ขณะยืนชมคนป่าหลายคนเสพสมกันอยู่ที่ไกลๆ ครู่หนึ่งว่านลุ่ยต้องเบิกตาโตกว้าง เมื่อน้องสาวตะวันที่กำลังช่วยแล่เนื้อ ถูกพี่หมีที่เพิ่งสื่อสารบางอย่างกับบุรุษชาวป่าข้างๆ เสร็จ กระชากเอาตัวนางให้ออกจากข้างกายพี่สาวจอมยั่ว จากนั้นผลักนางลงบนพื้นต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วเริ่มกระแทกบั้นท้ายเข้าออกเครื่องเพศอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาผู้คนที่กำลังมองดู เพราะว่านลุ่ยอยู่ไกลมาก เลยไม่รู้ว่าน้องสาวตะวันเจ็บปวดหรือสุขสม เห็นเพียงนางถูกกระแทกราวกับสุนัขจนศีรษะสั่นคลอน ศอกทั้งสองก็ค่อยต่ำๆ ลงๆ น้องสาวตะวันใช้ข้อศอกค้ำยันพื้นดินไว้ หากแต่ว่านลุ่ยเห็นนางค่อยๆ ฟุบหน้าลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งศีรษะชนพื้นพี่หมีก็ยังไม่หยุดกระแทก ยังคงตั้งหน้าตั้งตาตอกอัดแท่งเนื้อราวกับสากตำข้าว กระทุ้งแรงเสียจนน้องสาวตัวเล็กใช้มือน้อยๆ คว้าจับกอหญ้าข้างๆ แสดงสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวด้วยความทรมาน ภายใต้สายตามากมาย มีทั้งคนที่สนใจและไม่สนใจ พี่หมีเสพสมกับน้องสาวตะวันจนเสร็จสม ก็เป็นเวลาเดียวกัน กับที่พี่สาวจอมยั่วรับส่วนแบ่งจากการแล่เนื้อทั้งสามจึงได้เดินทางตรงมายังถ้ำ โดยที่มีน้องสาวตะวันเดินโขยกเขยกติดตามด้านหลัง ราวกับว่ากลางหว่างขาของนางยังมีแท่งเนื้อเสียบคาไว้ จึงมีท่วงท่าตลกอยู่บ้าง “…” *** ในถ้ำ ว่านลุ่ยเห็นพวกเค้าขึ้นเนินมานางก็รีบหลบหน้า น้องสาวจันทราและคนอื่นๆ รออยู่ก่อนแล้ว เมื่อพี่หมีก้าวนำเข้ามาในถ้ำ ทุกคนก็รีบลุกขึ้นไปรุมล้อม มีเพียงตนและพี่สาวราตรีที่ไม่ได้ติดตามไปด้วย ส่วนคนอื่นๆ แบ่งกันไปทำหน้าที่อย่างรู้งาน รับเนื้อมาช่วยกันแล่ออกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นพี่หมีก็เริ่มลงมือกะเทาะหินจุดไฟ... นี่มิใช่ครั้งแรกที่ว่านลุ่ยเห็นอีกฝ่ายทำเช่นนี้ สีหน้าพี่หมีนิ่งขรึม มองไม่ออกว่าภายใต้หนวดเคราจะดูดีหรือไม่ อาจจะเพราะว่านางทำใจยอมรับชะตากรรม จึงเริ่มพิจารณาหาขอดีฝ่ายตรงข้าม เพื่อนำมาปลอบใจตนเองไม่ให้อดสูกับชีวิตจนเกินไป ว่านลุ่ยไหนเลยเพ้อฝันสวยหรู นางไม่โง่พอที่จะหนีไปจากที่นี่ เพียงแค่ก้าวพ้นถ้ำแห่งนี้ ก็ไม่มีอะไรปกป้องนางได้แล้ว ขอเพียงเป็นคนป่าดุร้ายตัวเล็กๆ เกรงว่าหากนางพบเจอระหว่างทาง ชีวิตน้อยๆ ที่ได้รับกลับมาอีกครั้งก็คงต้องจบสิ้นลง “…” นางยังจำความรู้สึกตอนอยู่ในกรงขังได้ เมื่อคิดว่าตนกำลังจะถูกแล่ราวกับสุกร ว่านลุ่ยถึงได้รู้ว่าความหวาดกลัวที่แท้คืออะไร หากเทียบกับพี่หมีที่นั่งจุดไฟอยู่ในถ้ำตอนนี้ ต่อให้เลือกสิบครั้งนางก็ยินยอมเป็นวัวเป็นม้าให้เค้าทรมานอยู่ใต้ร่าง ดีกว่าถูกจับแล่สดๆ เป็นชินๆ แล้วถูกนำมาย่างกินเหมือนเนื้อกวาง... “อูก้า อูก้า อู อู” !!! เสียงกุรีกุลูเป็นสัญญาณเรียก ว่านลุ่ยแสร้งเป็นเข้าใจเดินตรงไปหาอย่างว่าง่าย “…” เปลวไฟหน้าถ้ำทำให้ภายในสว่างไสวไปด้วย พี่หมีพอย่างเนื้อชิ้นแรกเสร็จ ก็ถือไม้ที่เสียบเนื้อกวางเข้าไปในถ้ำ บนเตียงนอนหยาบๆ นั่งไว้ด้วยหญิงตาบอด เป็นพี่สาวราตรีที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เค้ายื่นส่งเนื้อให้นางจนถึงมือ จากนั้นตนเองค่อยเดินกลับออกมา หากไม่นับความป่าเถื่อนและหื่นกาม ในโลกของนางเรียกการกระทำเช่นนี้ว่าสุภาพชน หลายวันมานี้นางสังเกตว่าเค้าดูแลพวกตนดีมาก นอกจากการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ เค้าก็ไม่เคยแสดงความดุร้ายหรือทุบตีพวกนางเลย “นี่สินะ หัวหน้าครอบครัว!” ว่านลุ่ยคิดในใจ ถ้ำแห่งนี้คงเป็นรังรักของเค้า และนางก็คงถูกนับเป็นตัวเมียตัวหนึ่งของเค้าแล้วด้วยเช่นกัน… *** “ตับๆ ตับๆ ตับๆ” เสียงกระทบจากด้านในทำให้ว่านลุ่ยเกิดอาการคันไม่น้อย เมื่อครู่พี่หมีเอาน้ำและเนื้อเข้าไปให้พี่สาวราตรีเพิ่ม แต่ไม่ทราบไฉนเค้าจึงจับหญิงสาวตาบอดคลานสี่ขา ทำการเสพสมกับนางจนเกิดเสียงดัง ว่านลุ่ยยามนี้ไม่ขี้อายเหมือนตอนมาใหม่ นางกล้าชมมองทั้งสองโดยตาไม่กะพริบ มองแท่งเนื้อหายเข้าไปในช่องแคบพี่สาวตรงหน้า ยามลำเอ็นใหญ่โตกระชากออกมาแต่ละครั้ง พู่เนื้อแดงๆ ของนางก็ปลิ้นตามหัวหยักออกมา “อู อู อู” !!! พี่สาวราตรีก็ไม่ต่างจากหญิงสาวคนอื่นๆ นางแนบใบหน้าลงบนหนังสัตว์อ่อนนุ่ม ห้อปากส่งเสียงร้องราวกับจุกเสียดทรมาน นอกจากน้องสาวจันทราและนาง ผู้อื่นหาได้มีใครสนใจคนทั้งสองไม่ แต่ละคนต่างก็นั่งย่างเนื้อ กัดกินกวางป่าที่หามาได้อย่างเอร็ดอร่อย หาได้หันไปมองพี่หมีที่กำลังเสพสมกับพี่สาวราตรีอย่างเมามัน “อูก้า อูก้า อู อู อู” !!!! เสียงเรียกจากด้านข้างทำให้ว่านลุ่ยละสายตาจากพี่หมี นางพอหันมา ก็พบว่าน้องสาวจันทราทำท่าบ้าใบ้ คล้ายส่งสัญญาณให้นางเข้าไปก่อน หญิงสาวส่ายหน้าสุดชีวิตแต่แล้วจู่ๆ ก็นึกอดสู คิดในใจว่าหากไม่ยอมพลีกายอาจไม่ได้รับการปกป้อง เกิดพี่หมีเปลี่ยนมาเป็นคนใจร้ายกับนาง โลกนี้ก็ไม่มีที่ให้นางใช้ชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว ภายในจิตใจว่านลุ่ยปั่นป่วน นั่งนิ่งราวกับวิญญาณออกจากร่าง มีหมอกชั้นหนึ่งปกคลุมม่านตาจางๆ เสียงคำรามกึกก้องต่อจากเสียงตอกอัดชุดสุดท้าย พี่หมีหอบหายใจอยู่บนแผ่นหลังหญิงตาบอด ฝ่ายนั้นก็ราวกับสิ้นสติไปแล้ว ฟุบหมอบไปกับพื้น ไม่มีแม้กระทั่งเรี่ยวแรงจะขยับตัวดันพี่หมีออกไป ว่านลุ่ยสลัดความอดสูทิ้ง นางค่อยๆ เดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ พี่หมีเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วว่ามีคนเดินมา จึงหันมองด้วยความสงสัย ทั้งที่ยังทาบทับอยู่บนร่างเล็ก แสดงสีหน้าแปลกใจเมื่อพบว่าผู้มาเป็นใคร คุณหนูใหญ่ตระกูลหยินเนื้อตัวมอมแมม นางมีแค่เพียงหนังสัตว์ผืนเล็กปิดกลางหว่างขา ด้านบนเป็นเอี๊ยมขาดวิ่นผืนน้อย เพราะชุดรัดกุมของนางฉีกขาดไปหมดแล้ว จึงทำได้เพียงหาอะไรมาปิดเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่ช่วยให้ส่วนสงวนของนางรอดพ้นสายตาผู้คน พี่หมีมองนางด้วยความสงสัย เค้าคงแปลกใจว่าสตรีมาใหม่ยินยอมให้ขึ้นขี่แล้วหรือ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด เพราะว่านลุ่ยเมื่อเดินมาถึงก็คุกเข่าลงข้างๆ จากนั้นหมอบลงด้วยท่วงท่าที่นางพบเห็นมาในหลายวัน “…” เมื่อแนบหน้าลงกับพื้น ความมืดก็ปกคลุมแม้ไม่หลับตา ว่านลุ่ยรู้สึกสมเพชตนเองยิ่งนัก ที่สองเดือนก่อนยังเป็นคุณหนูใหญ่ผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ ว่าจะไม่ให้บุรุษหน้าไหนมาความคุมตนได้ และจะเลือกทางเดินชีวิตด้วยความคิดของตัวเอง... ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD