Ava Say ::
"นายน้อยคิดว่า นางเอกแบบไหนถึงเรียกว่าไม่งี่เง่าครับ" ฉันหันไปถามคนเป็นเจ้านาย ที่ตอนนี้นั่งมองฉันกดดันให้ฉันส่งการบ้าน แต่ดูเหมือนคำถามของฉันจะทำให้คุณครูเดินมาดูถึงโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่
"แบบแก แต่แบบแกก็วุ่นวายเกินไป แค่มันไม่ได้รำคาญ เพราะแกตามใจฉัน" คนที่พูดไม่พูดเปล่า ทำไมต้องก้มมากระซิบข้างหูฉันด้วย
"แค่ตามใจก็ไม่น่ารำคาญแล้วหรือครับ" ฉันตอบเขาออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ ไม่สั่นได้ไงก็ตอนนี้ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาเลย มันจำเป็นต้องบอกใกล้ขนาดนั้นเลยเหรอ
"ผู้ชาย อยู่ใกล้ผู้ชายด้วยกัน มันต้องสั่นเบอร์นี้เลยเหรอ" ต่อให้นายน้อยจะถามฉันแบบนี้ ฉันก็ยังสั่นอยู่ ใครไม่สั่นก็บ้าแล้วอ่า ก็ลมหายใจของเขามันกกอยู่ที่หูเนี่ย
แล้วตอนนี้ผู้ชายต้องรู้สึกยังไงกันนะ แล้วเมื่อไหร่จะเลิกก้มลงมา ฉันรีบส่งการบ้านของตัวเองให้นายน้อยดู เพื่อที่เขาจะได้ไปห่างฉันได้แล้ว กระดาษที่ฉันเขียนถูกส่งไปให้นายน้อย
"เอวา เป็นคนเขียนบท คนอะไรมีแต่ข้อดี ตัวเล็ก น่ารัก เป็นมิตร แถมฉลาดอีก คนที่มีแค่ข้อดี มันจะไปมีมิติได้ยังไง ลองนึกดูนะเอ็ม คนเราจะมีแต่ข้อดีจริง ๆ เหรอ" นายน้อยส่งกระดาษคืนให้ฉัน ทำให้ฉันต้องย้อนมองตัวเอง ที่จริงฉันเองก็...น่ารักจริง ๆ นั่นแหละ
"แล้วนางเอกของนายน้อยเป็นแบบไหนครับ"
"ซื่อบื้อ" คำตอบของนายน้อยทำให้ฉันนึกถึงอะไรที่มันห่างไกลตัวเองเหลือเกิน เพราะฉันฉลาดทันคนอ่า
"มันจะไม่น่าเบื่อหรือครับ ถ้านางเอกไม่ใช่คนเก่ง"
"เพราะความไม่สมบูรณ์แบบ ทำให้ความรักของคนสองคนสวยงาม ถ้านางเอกเก่งทุกอย่าง มีพระเอกทำไม" นายน้อยตอบฉันพร้อมกับเดินกลับไปนั่งในที่ของตัวเอง ทิ้งเพียงความสงสัยให้ฉัน จนฉันต้องเดินตามไปถามด้วยความสงสัย
"แต่มันก็ดีกว่าใช่ไหมละครับ ถ้านางเอกจะดูแลตัวเองได้ ทำอะไรเองได้" ฉันคิดแบบนั้น ฉันอยากให้ที่บ้านคิดว่าฉันดูแลตัวเองได้ ทำอะไรเองได้ โดยที่ไม่ต้องมาห่วง ในระหว่างที่กำลังคิดถึงเรื่องของตัวเอง แขนของฉันก็ถูกกระชากจนตัวไปกระแทกกับโต๊ะ
"ทำไมแกดูแลตัวเองไม่ได้ล่ะ"
"ก็ผมไม่ได้ตั้งตัวนี่ครับ"
"เออไง ปัญหามาตอนที่แกตั้งตัวหรือไง โง่จริง หรือถ้าเก่งจนไปเจอตัวร้ายที่พร้อมจะคุกคามจะเป็นยังไง" นายน้อยไม่พูดเปล่า ดึงฉันไปชิดตัวเขา จนฉันต้องเผลอสบตาเขาเข้าอย่างจัง
"ผะ..ผมเข้าใจแล้วครับ แบบนี้ใกล้จัง" ฉันที่พูดพร้อมกับถอยหนีดันโดนคนตัวใหญ่กว่า จับตัวให้หมุนแล้วดึงลงมานั่งตัก
"แบบนี้ใกล้กว่าไหม แบบนี้ผู้ชายแท้ๆ รู้สึกไหม ของแกแข็งหรือเปล่าเอ็ม" คำถามของคนที่กระซิบอยู่ข้างหูมันทำให้ฉันต้องรีบหดคอ เขากำลังทดสอบอะไรอีก หรือเขากำลังสงสัยอะไร ฉันไม่มีอะไรให้แข็ง ตอนนี้มีแต่อ่อน อ่อนระทวยเนี่ย
"มะ...ไม่ครับ"
"ดีแล้ว ลุกไปได้แล้ว ฉันได้ฉากใหม่ในนิยายแล้ว ไปนั่งทำการบ้านของแกได้แล้ว เข้าใจตัวละครของตัวเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาว่าเรื่องเขียนทรีทเม้นท์" จู่ ๆ นายน้อยก็บอกให้ฉันลุกจากตักที่เขาดึงฉันมานั่งเองนะ
ฉันเลยต้องลุกขึ้นมาคิดตัวละครเอวาด้วยใจที่ไม่เหมือนเดิม หัวใจมันเต้นรัวแบบนี้จะคิดอะไรออกได้ยังไง ฉันได้แต่เหลือบตามองนายน้อยที่แต่งนิยายอย่างตั้งใจ ตอนเขาทำงานเนี่ยมันชวนมองจังเลย เอวาหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่ นายน้อยแค่ลองบท แค่บทเฉย ๆ
"มองอะไรนักหนา ถ้าฉันจบฉากนี้แล้วแกยังไม่เสร็จ ได้โดนตัดต้นไม้แน่ ๆ" คำสั่งดุ ๆ ทำให้ฉันต้องรีบก้มหน้าก้มตาทำการบ้านที่คุณครูสุดโหดได้สั่ง
ตัวละครเอวา มีข้อเสียอะไรบ้างนะ ดื้อเหรอ?? ดื้อนิดเดียวฉันไม่นับ อ้อ ฉันกลัวผีไง นางเอกกลัวผีก็คงจะดูน่ารักดีด้วย งั้นใส่ลงไปด้วย หลังจากฉันส่งการบ้านเสร็จ ก็โดนนายน้อยไล่ออกจากห้องหนังสือเลย เพราะตัวเขาต้องใช้สมาธิในการทำงาน เห็นฉันยุกยิกแล้วมันขัดลูกตาเขาอ่า นั่น!!!! เท่ากับว่า ตอนนี้ฉันว่างแล้วสิ ฮิฮิ
เย็นวันนั้นเอง
“บ้านหลังนี้เคยผีมาก่อน ป้านี่แหละ เคยโดยผีเจ้าของบ้านสิง จนเกือบตาย” ป้าส้มทำเสียงน่ากลัวแล้วเล่าประวัติบ้านหลังนี้ให้ทุกคนได้ฟัง
“เรื่องเหมือนอยู่ในนิยายเรือนลวงรักเลยเหรอป้า”
“ก็ใช่นะสิ บ้านหลังนี้แหละ ผีคุณท่านเฮี้ยนมาก ไล่หลอกจนป้าแทบจะเป็นบ้าไปเลยรู้ไหม ป้าเนี่ยเล่าแล้วยังขนลุกอยู่เลย แต่เรื่องมันเกิดขึ้นมา 20 กว่าปีก็จริงนะ แต่ของทุกชิ้นในบ้าน ยังใช้ของเดิมมมมม ถ้าเตียงมันสั่น หรือ ประตูเปิดปิดเอง ก็อย่าตกใจ เจ้าของบ้านเขาอาจจะแค่อยากทักทายยยยยยยย” ป้าส้มทำเสียงเย็นยะเยือก ลากยาวชวนสยองขนหัวลุกสุด ๆ
“หู้ยยยยย ป้าาาาาา กลัววววววว” เสียงของหลาย ๆ คนที่ตกใจ แล้วหนึ่งในนั้น ก็คืออิฉันเองงงงงงงง กลัวจนฉี่จะราดแล้ว ถ้าบ้านหลังนี้มีผี ที่ประตูห้องน้ำชั้นบนมันชอบเปิดเอง เพราะแบบนี้เองนะสิ
“ไม่เอาแล้วป้า ผมไม่ฟังป้าเล่าแล้ว แค่นี้ผมก็นอนไม่หลับแล้ว”
“อะไรวะ ใจเสาะจริง”
“ป้า อย่าว่าแต่ไอ้เอ็มมันเลย พวกผมก็กลัวจนขรี้จะแตกแล้ว” พวกคนงานชายในบ้านก็เริ่มจะแยกย้ายไปนอน
ฉันเองก็ต้องไปนอนแล้ว ฟังมากกว่านี้นอนไม่หลับแน่ ผีไม่มีจริง ป้าแกก็แค่โม้มั้ง หรือไม่พวกท่านก็คงไปเกิดแล้ว จริงไหม จริงสิ จริง 20 กว่าปีแล้วนี่หน่า แต่ประตูห้องน้ำก็ชอบเปิดเองนะ โอ้ยยยย กลัวววววว ทุกคืนรู้สึกเหมือนพื้นสั่น ๆ ด้วยไหมนะ ไม่หรอก ไม่ใช่
“ผมจะพาโมไปหาแม่นะ เธออยากเจอ มันก็ไม่เชิงดีกันแล้ว ก็แค่คุย ๆ กันอ่าแม่ เธอกลัวผมไม่สนใจเหมือนที่ผ่านมาอีก” เสียงของนายน้อยที่คุยกับใครสักคน ที่ดังขึ้นมาระหว่างที่ฉันจะขึ้นบันได มันทำให้ฉันไม่กล้าที่จะก้าวขึ้นบันไดเลย
“แม่รอเจอได้เลย แม่…. แม่เห็นผมเป็นคนโรคจิตขนาดนั้นเลยเหรอ แค่นี้นะแม่”
แม่นี่คือคุณพชิราเหรอ จริงเหรอ จะพาคุณโมนาไป เราก็ได้ไปด้วยใช่ไหม จะได้พบนักเขียนที่ชอบอีกคน หู้ยยยย โชคดีคูณสองไปเลยจ้า ฉันเป็นผู้ช่วย ฉันก็ต้องไปด้วยใช่รึเปล่า ใช่แหละ ใช่สิ ฉันรีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน ความรีบร้อนของฉันทำให้เจ้านายที่กำลังจะเข้าห้องนอน หันหลังกลับมามอง
“วิ่งทำไม มารยาทต่อให้เป็นผู้ชายก็ควรจะมี” เสียงดุ ๆ ทำให้ฉันต้องสลด สลดนิดเดียว เพราะฉันกำลังตื่นเต้น
“ผมขอไปด้วย”
“พาแฟนเก่าไปเจอแม่ แล้วแกจะไปในฐานะอะไร”
“ผู้ติดตาม ลูกจ้าง ผู้ช่วย อะไรก็ได้ ผมจ่ายค่าเดินทางเองก็ได้ แต่ให้ผมไปด้วยนะ” ไม่เป็นไรโบราณว่าไว้ ด้านได้ อายอด แล้วฉันก็ต้องด้าน เพื่อที่จะไม่อด
“อยากเจอแม่ฉัน ไม่เอาอะ จะไปวุ่นวายละสิไม่ว่า”
“น้าาาาาาาาา”
“ไม่ต้องมาอ้อน อะนี่ โทรศัพท์ติดต่องาน ต่อจากนี้ไปแกรับแทนทุกสาย ออกบูธปฏิเสธ ออกโทรทัศน์ปฏิเสธ ชวนเข้าสำนักพิมพ์ปฏิเสธ” ห๊ะ งานที่นายน้อยให้ปฏิเสธมันก็แทบทุกอย่างละนะ
“แล้วแบบนี้จะมีเบอร์งานทำไมครับ ปฏิเสธหมด” ฉันถามเพราะฉันคิดว่าถ้าไม่อยากรับก็ต้องไม่ควรมีสิ
“มีเอาไว้ปฏิเสธไง ไอ้พวกที่จะขอซื้อลิขสิทธิ์ไปทำละครก็ไม่เอา รับทุกสาย ปฏิเสธอย่างมีสมอง นี่คืองานของแก ไปได้แล้ว จะมายืนงงอะไร”
“นายน้อยยังไม่รับปาก ว่าจะให้ผมไปไหม น้าาาาาา” ฉันทำตาปริบ ๆ เพราะฉันอยากไป ได้โปรดดดดด เห็นใจฉันนน นอกจากเขาจะไม่เห็นใจแล้ว ยังผลักหัวของฉันให้ห่างออกไปไกล ๆ ทำไมอายุเราไม่น่าจะห่างกันเกิน 5 ปี แต่ความดุและความเป็นผู้ใหญ่ของเรามันถึงได้ต่างกันจัง
“ใช้งานเสร็จก็ไล่เลย อ่อ นายน้อย ป้าส้มเล่าว่าบ้านนี้มีผี ไม่มีใช่ไหม ผมว่าไม่มีหรอก ไม่เห็นนายน้อยกลัว แสดงว่าเป็นนิทานหรอกเด็กใช่ไหมครับ”
“มีจริง ไม่มีฉันจะมานอนที่นี่ทำไม ฉันมาเพื่ออยู่ในที่จริง ห้องที่ฉันนอน ก็เป็นห้องของเมียน้อย แล้วฝั่งห้องที่แกนอน คือฝั่งห้องของคุณนายกำไลเมียหลวง ถึงมียันปิดไง สงสัยอะไร” คำตอบที่เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ฉันนอนฝั่งที่มีผีเฮี้ยนที่สุด ละ..เลยเหรอเนี่ยยยยยยย
“แล้วให้ผมไปนอนตรงนั้น ทะ..ทำไม” ตรงที่มีผีดุที่สุดเนี่ยยยยยยยย ฉันมองย้อนกลับไปห้องตัวเอง ฮื่อออออ เขาไปเกิดแล้ว เขาไปเกิดแล้วล่ะ นานขนาดนี้แล้ว
Rrrrrrrrr Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ของนายน้อยก็ดังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันทำให้คนเป็นเจ้านายยิ้มออก ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ ปกติก็ไม่เห็นยิ้มแบบนี้ ไม่รักแล้ว!!!! ฉันเดินปึงปังเข้าไปในห้องของตัวเอง อยู่กับผี ยังดีกว่าอยู่กับคนใจร้าย ฉันเดินเข้าห้องของตัวเองก็ได้!!!!!
กลางดึกคืนนั้นเอง
หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จ แล้วกำลังจะเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ไอ้ลูกบิดบ้ามันก็หลุดออกมาเอง ลมแรงที่โชยมา ทำให้ฉันขนลุกไปทั้งด้วยความเย็นยะเยือก บ้า แก บ้าาาา เขาไปเกิดแล้ว โอ้ยยยย ชัดไหม ชัดดดดด ฉันรีบโกยร้อยเมตรวิ่งไปเข้าห้อง แต่พอมาถึงห้องไอ้หน้าต่างของห้องมันดันปิดปึงกระแทกกับวงกบของมัน แม้จะไม่ได้ลงกลอนไว้ แต่แค่นี้ก็ไม่ปกติแล้ว เขากำลังโกรธที่ฉันไม่เชื่อแน่ ฉันรีบทิ้งอุปกรณ์อาบน้ำแล้ววิ่ง!!! วิ่งไปที่ห้องของคนเป็นเจ้านายด้วยความกลัว อย่า อย่ามาหลอกเอวาเลย ตับเอวากินไม่อร่อยหรอกกกก ระหว่างทางที่วิ่งมา หน้าต่างทุกบานของทางเดินแกว่งไปมา กระทบกับวงกบ จนเกิดเสียงดัง
“นายน้อย นายน้อย ผมขออยู่ด้วย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!!! เมื่อเห็นเจ้าของห้องไม่เปิด เลยเคาะรัว ๆ ด้วยหัวใจที่บีบหัวรุนแรงจากความกลัว จนเจ้าของห้องมาเปิด แววตาดุที่เหมือนจะฆ่าฉัน ตอนนี้ไม่เท่ากับ ผีเจ้าของบ้านจะฆ่าฉันแน่ ฉันแทรกตัวเข้าไปในห้องแล้วนั่งกอดเข่าก้มหน้าซบกับเข่าอยู่ที่มุมห้อง ฮื่อออออ จะทำยังไงดี กลัวผีแต่ก็อยากจะสู้ต่อ ที่ผ่านมาไม่รู้ก็ไม่กลัว ต่อให้รู้ก็ยังก็โกหกตัวเองได้ แต่นี้หลอกตัวเองยังไง มันก็ยังกลัว ฮื่ออออออ เอวา เอวา นี่มันบ้านหลังที่แกอยากมาเจอเลยนะ
“อะไรของแก”
“ผี ผีหลอก หลอกจนจะร้องไห้แล้ว เพราะผมไม่เชื่อเขา” เสียงอู้อี้ที่ฉันคุยกับเข่าของตัวเอง ทำให้คนเป็นเจ้านายเริ่มอารมณ์เสีย
“อะไร!!! ฟังไม่รู้เรื่อง!!! ออกไป!!!!”
“อย่าไล่เลยนะ กลัวมาก ๆ ถ้ามันยากนัก ผมขอไปทำงานเช้าเย็นกลับได้ไหมครับ” ฉันถามคนเป็นเจ้านายด้วยตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“ฮาโหล โม พายวางก่อนนะ มีตัวป่วนแล้วสิ แล้วเดี๋ยวโทรกลับ” โทรศัพท์รุ่นพระเจ้าเหาถูกโยนลงบนเตียง ก่อนที่คนเป็นเจ้านายจะมาคาดคั้นเอาคำตอบจากฉันด้วยตาที่จะกินกบาล
“ไม่ได้เวอร์ นายน้อยก็ได้ยินแล้ว เสียงหน้าต่างตอนนี้ยังเปิดปิดเสียงดังอยู่เนี่ย!!! ประตูห้องน้ำก็เปิดเอง ผมไม่ได้มโน ฮือออออออ ผมรักคุณนะ อยากทำงานกับคุณ แต่ผมกลัวผี”
“มารักฉันทำไม”
“ฮื่ออออ ผมหมายถึงผลงานคุณต่างหาก!!!! อยากกลับบ้าน ผมจะโทรศัพท์ให้คนที่บ้านมารับ แล้วเช้าผมจะมาทำงาน ได้ไหม” ฉันเริ่มสติแตกแล้ว มันกลัวจริง ๆ กลัวจนน้ำตาไหลเลย!!!!
“โคตรขี้แยเลย” ประโยคที่ตอกย้ำความขี้ขลาด ทำฉันต้องช้อนสายตามองค้อนเป็นเจ้านาย
“ไม่กลัวผีบ้างให้มันรู้ไป!!!!”
“กลัวผีก็สวดมนต์” คนที่ตัวสูงกว่า ย่อตัวลงมาคุยกับฉัน ที่ยังนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น
“ฉันเป็นคริสต์ หมายถึงผม”
“โคตรจี้เลยแกเนี่ย ไม่อนุญาตให้กลับบ้าน เพราะเวลาตอนที่เรียกใช้มันลำบาก แต่อนุญาตให้นอนในห้องนี้ได้ เป็นผู้ชายนอนด้วยก็คงไม่เป็น ฉันเองเมื่อก่อนก็นอนกับไอ้ไทม์บ่อยครั้ง แกว่าจริงไหม แกนี่ก็ขี้กลัวขึ้นสมองเหมือนกันนะเนี่ย นอกจากผีกลัวอะไรอีกไหม” คนเป็นเจ้านายถามพลางเอาหมอนและผ้าห่มที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาให้
“งู แมงมุม แมลงสาบ หนอน อะไรพวกนี้อ่าครับ”
“อืม ที่นี่บางวันก็ได้เห็นงูบ่อย ๆ ต้นไม้เยอะขนาดนี้ หนอนไม่ต้องพูดถึงมีแน่ ๆ แล้วแบบนี้แกจะทำงานกับฉันไหวเหรอ ใจสู้อย่างเดียวไม่ได้ช่วยอะไร” หมอนและผ้าห่มถูกวางลงบนเตียงอย่างดี อะไร นายน้อยจะยอมนอนพื้นงั้นเหรอ
“ผมเจอหนอนบ่อย ๆ แต่ก็อดทน ไม่งอแงเลย แต่ผี อันนี้มันน่ากลัวไป”
“มาสิ อาบน้ำแล้วนี่ ถ้าแกไม่รำคาญฉันคุยกับโม ก็นอนได้แล้ว”
“นายน้อยให้ผมนอนเตียง แล้วนายน้อยจะนอนพื้นหรือครับ”
“ตลกเกินไปและ เพื่อนเล่นเหรอ ผู้ชายเขานอนด้วยกันไม่ถือหรอก หรือแกไม่ใช่ แกกลัวอะไร กลัวฉันปล้ำแกเหรอ ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วตอนนี้ฉันต้องทำตัวดี ๆ ทำคะแนนกับโมหน่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันเป็นพวกไม่สนใจอีก”
“ปึง!!!!!! กรี๊ดดดดดดด นอน นอน เตียงก็นอน คุณเจ้าของบ้าน ตับผมไม่อร่อย กินตับเจ้านายผมได้เลย” ฉันรีบไปนอนบนเตียงแล้วคลุมโปงทันที อย่ามาหลอก มาหลอนฉันเลย ฉันเชื่อแล้วว่ามีจริง อย่าหลอกหลอนฉันเลย
“ประสาท!!! เฮ้อออออ เดี๋ยวหายใจไม่ออกตาย ได้เป็นผีซะเองคอยดู” คนที่ด่า เปิดผ้าห่มออกของฉันออก แล้วนอนลงข้างฉัน
“นายน้อยยย ขอแอบก่อน เผื่อพวกเขาไม่เห็นผมอ่า” ฉันคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงเอาไว้อีกที
“มองฉัน เวลาฉันโกรธน่ากลัวกว่าผีอีก ฉันกำลังหงุดหงิดกับตรรกะป่วย ๆ ของแกเนี่ย!!!! สั่นแบบนี้ฉันจะนอนยังไง!!!" เสียงหงุดหงิดมาพร้อมแขนใหญ่ที่พยายามจะดึงผ้าห่มออก แววตาดุจ้องมาที่ฉัน ปกติเขาก็มองฉันแบบนี้ แต่นี่เราอยู่บนเตียงเดียวกันไง เราเป็นผู้ชายเขาคงไม่ทำอะไรหรอกมั้ง
"ผมเป็นผู้ชาย นายน้อยคงไม่คิดจะทำอะไรแปลก ๆ ใช่ไหมครับ"
"บางทีฉันก็อยากเขียนนิยายวายดูนะ มองหน้าฉันเอ็ม ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ฉันเนี่ย น่ากลัวยิ่งกว่าผีอีก ถ้าแกยังไม่นอน ฉันเองก็มีใจอยากจะเข้าใจว่าผู้ชายเขาทำกันยังไง" ประโยคของคนเป็นเจ้านายทำเอาฉันรีบหลับตาแล้วกรนออกมาแทบทันที
เมื่อนายน้อยเห็นว่าฉันหลับแล้ว ก็ทิ้งตัวลงนอนข้างฉันแล้วนอนตามปกติ เฮ้อออ โล่งอก ผีก็กลัว โดนปล้ำก็กลัว นอน นอนเอวา
"ถ้าแกยังยุกยิก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนนน"
ฉันรีบนอน หลับตาปี๋ ไม่ลืมตามาให้เจ้านายหงุดหงิดใจเลย