Episode 1 | คุณหนูซันไชน์

1657 Words
“อาการโดยรวมแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะค่ะ มีแค่รอยฟกช้ำบางส่วนเท่านั้นค่ะ” แพทย์หญิงที่มาตรวจอาการแพรพรรณบอกกับเด็กหนุ่ม ที่แต่งตัวดูดี และเนี้ยบกว่าเด็กวัยรุ่นทั่วไปด้วยรอยยิ้มหวาน เธออดรู้สึกประหม่าเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้ไม่ได้ ถึงเธอจะอายุมากกว่าคนตรงหน้า แต่เธอก็ยังรู้สึกเขินอายไม่ได้กับบุคลิกเย็นชา แต่แสนสุภาพนั้น ยิ่งได้มองดูใกล้แบบนี้ เธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนญี่ปุ่นโดยแท้ อาจเป็นลูกครึ่งที่เธอก็ไม่อาจทราบได้ว่าประเทศอะไร “แล้วเธอจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ” เด็กหนุ่มถามแพทย์หญิงเสียงนิ่ง แต่สุภาพตามอายุฟังแล้วไม่ได้กดดันจนน่ากลัว เหมือนที่เขาใช้กับบรรดาลูกน้อง “อันนี้หมอยังระบุแน่ชัดไม่ได้ เพราะคนไข้ใช้ร่างกายหนักเกินความจำเป็นทำให้ร่างกายเกิดความอ่อนเพลีย และต้องการการพักผ่อนอย่างมากค่ะ” แพทย์หญิงบอกด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจถามเรื่องส่วนของเด็กหนุ่มออกไป “เอ่อ ไม่ทราบว่าเธอเป็นอะไรกับคุณหรือค่ะ” “...” ไม่มีคำตอบจากเด็กหนุ่ม แต่แค่เพียงแพทย์หญิงเผลอสบตาคมเข้า พลันก็ต้องรู้สึกขนลุกก่อนจะมีท่าทีลนลาน เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง “เอ่อ คือทางโรงพยาบาลต้องการข้อมูลของคนไข้ เพื่อไปกรอกนะค่ะเลยอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับเธอ...” “รอให้เธอฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วผมจะให้คำตอบกับคุณอีกที” พูดเพียงเท่านั้นร่างสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ก็ลุกจากที่นั่ง มือเรียวจัดการกลัดกระดุมเสื้อสูทของเขา ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจแพทย์หญิงที่มองเขาเลยสักนิด “เซกิ! ดูแล ‘ซันไชน์’ ที่นี่ถ้าเธอฟื้นรายงานฉันด้วย ส่วนเรนนายไปกับฉัน” สียงเย็นสั่งลูกน้องในตอนที่เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ‘พิเศษ’ ที่เขาเป็นเจ้าของไข้ และซันไชน์คือชื่อที่เขาใช่เรียกเด็กผู้หญิงคนนั้น ตอนแรกที่เขาเจอเธอนั้นสภาพร่างกายของเธอ รวมไปถึงเสื้อผ้าในการสวมใส่นั้นเหมือนกับคนยากจนไม่มีผิด แต่พอเขาพาเธอมารักษาตัวได้ทำความสะอาด จากเด็กผู้หญิงหน้าตามอมแมม ก็กลายมาเป็นเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารักราวกับลูกคุณหนู ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่รวมไปถึงผิวพรรณของเธอด้วยที่สวยละเอียด เขาจึงเรียกเธอว่า ‘ซันไชน์’ ที่แปลว่า แสงแห่งดวงอาทิตย์ “ครับนายน้อย” เซกิและเรนตอบรับคำสั่งของผู้เป็นนายเสียงแข็งขันด้วยความยินดี ก่อนที่ทั้งสองจะค่อมศีรษะลง ตอนที่นายน้อยของพวกเขาเดินผ่านไป เวลา 06.30 น. ณ. ประเทศไทย บรรยากาศของเมืองไทยก็ยังร้อนแรงเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะเป็นแดดยามสายของวันก็ตาม ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นการจราจรที่ติดขัด ผู้คนส่งเสียงคุยกันทั้งเด็กวัยรุ่น และผู้ใหญ่ เหล่าแม่ค้าในตลาดสดก็ยังส่งเสียงพูดคุยทักทายกันตามประสา คนคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ที่แปลกกว่าทุกวันคือ ไม่มีร่างของเด็กหญิงแพรพรรณติดตามสาวใช้มาซื้อของเหมือนในตลาดไปทำกับข้าวเหมือนทุกครั้ง “อ้าว! นังชะอมวันนี้ทำไมถึงมากับป้ากล้วยได้ นังหนูตัวเล็กๆไปไหนแล้วล่ะ” ป้าหอมที่ขายผักสดอยู่เอ่ยถามหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาดีคนหนึ่งที่เดินตาม หญิงวัยกลางคนเสียงดังลั่น ‘ถ้ามีใครถามหานังแพร บอกพวกมันไปว่านังเด็กนั่นหนีออกจากบ้านแล้ว’ เสียงของคุณนายสร้อยงามบอกกับบรรดาสาวใช้ทุกคนเสียงเย็น ตบท้ายด้วยรอยยิ้มร้ายกาจก่อนจะเดินจากไป ทำให้สาวใช้ที่รู้สึกเอ็นดูแพรพรรณต่างพากันรู้สึกไม่ชอบนายจ้างคนนี้ไปด้วย แต่พวกเธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด “เอ่อ คือว่า...” ชะอมที่มีท่าทีอ้ำอึ้ง เดินไปสะกิดป้ากล้วยที่เดินอยู่ด้านหน้าเธออย่างขอความช่วยเหลือ “คือ นังหนูกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปแล้วน่ะ” ป้ากล้วยที่ตอนแรกยังหาเหตุผลไม่ได้ แต่ไม่นานก็คิดได้จึงรีบตอบให้คนแถวนี้ทราบ เพราะมีหลายคนเลยที่อยากทราบความเป็นไปของเด็กหญิงแพรพรรณ และแน่นอนว่าคนในพื้นที่นี้ ไม่มีใครทราบว่า เด็กหญิงเป็นลูกสาวอีกคนของ ‘คุณท่าน’ “มิน่าล่ะ เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วฉันก็ไม่เห็นนังหนู” เจ๊ที่ขายหมูบอกกับเพื่อนร่วมอาชีพค้าขายด้วยใบหน้าคลายความสงสัย ก่อนจะพูดขึ้นมา “แต่จะว่าไปนังหนูเนี่ยเป็นเด็กขยันนะ ตื่นเช้ามาก็มาซื้อกับข้าวหาซื้อของสดที่ตลาดซะแล้ว ถ้าฉันมีลูกสาวที่ขยับแบบนี้ฉันจะดีใจมากเลย” ประโยคนั่นของเจ๊ที่ขายหมู ทำให้หญิงสาวต่างวัยที่พากันมาซื้อกับข้าวมีใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก และพวกเธอก็ไม่สามารถพูดให้ใครฟังได้ นอกจากเก็บความลับนี่ไว้ห้ามแพร่พรายออกไป ถ้าไม่อยากเดือดร้อน “ป้าๆ เราจะบอกพวกเขาไปแบบนี้จริงๆหรอ” ชะอมที่ตอนนี้ตีตัวเดินมาอยู่ข้างหญิงวัยกลางคนแล้ว กระซิบถามเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น “เฮ้อ แล้วแกจะให้ข้าทำอย่างไรล่ะ แกก็รู้ว่าคุณนายเธอทำได้ทุกอย่าง ข้าไม่อยากเดือดร้อน...แต่อย่างน้อยเหตุผลนี้ก็ยังดีกว่าหนีออกจากบ้านไม่ใช่หรือวะ” ป้ากล้วยบอกกับสาวรุ่นลูกเสียงเหนื่อย “...จริงด้วย นี่ดีนะที่ฉันกับป้าเป็นคนจับจ่ายซื้อของเอง ถ้าเป็นนังมดตะหน่อยกับยัยผักชีเน่านั้นมาป่านนี้โลกคงรู้ไปไหมแล้วว่า น้องแพรหนีออกจากบ้าน เผลอยัยสองคนนั้นอาจใส่สีตีไข่ให้มันโอเวอร์กว่านี้ก็ได้” “...ใช่ เพราะฉะนั้นเราสองคนรีบซื้อจะได้รีบกลับข้าไม่อยากอยู่ที่นี้นาน” ป้ากล้วยที่รู้สึกผิดกับเด็กหญิงแพรพรรณบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินไปยังร้านขายไข่ ที่ห่างไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว “แหมป้า...ไปซื้อของไม่กี่อย่าง ทำไมไปนานแบบนี้ล่ะ” มดตะหน่อยเด็กสาววัยรุ่นถามป้าแม่บ้านเสียงกระแหนะกระแหนอย่างไม่ชอบใจ...ลืมแม้กระทั่งว่าเธอนั้นเป็นหลานสาวของอีกฝ่าย “อ้าวนังมดฯ ของมันตั้งเยอะก็ต้องใช้เวลาเลือกซื้อนานหน่อยสิวะ” ป้ากล้วยที่วางของไว้บนโต๊ะในครัวแล้วเรียบร้อย หันกลับไปบอกหลานสาวด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ แทนที่จะมาช่วยกันถือของกลับมาถามอย่างจับผิดกันให้อารมณ์เสียอย่างนั้น “แต่ก็ยังดีกว่าใครบางคนแถวนี้ ที่วันๆเอาแต่รับใช้เจ้านาย ไม่ยอมทำการทำงานอะไรล่ะหวา” ชะอมที่เดินตามหลังป้ากลัวเข้ามาในครัว บอกด้วยท่าทีเยาะเย้ย ก่อนจะวางของที่ซื้อมา “นี่แกว่าฉันหรอนังชะอมเหม็น!” “ใครอยากรับก็รับไปสิ ฉันไม่ได้พูดชื่อใครออกมาสักหน่อย” เด็กสาวลอยหน้าลอยตาพูดด้วยความมั่นไส้ “ไปๆ ออกไปได้แล้ว ฉันกับป้าจะทำอาหารให้คุณท่านกิน...ส่วนใครที่ไม่เกี่ยวกรุณาออกไปด้วยค่ะ” ชะอมบอกกับมดตะหน่อยด้วยความรำคาญ ในขณะที่หยิบถุงเครื่องปรุงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกมาจัดวางไว้บนโต๊ะ โดยไม่สนใจอีกคนที่เธอเอ่ยถึงเลยสักนิด ทำราวกับว่าอีกฝ่ายคืออากาศไร้ความสนใจสำหรับเธอ “คอยดูเถอะ ฉันจะฟ้องคุณนายให้ไล่แกออก!” “ฟ้องไปเลย! ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณนายจะไล่ฉันออกมั้ย” ชะอมหันกลับมาเผชิญหน้ากับมดตะหน่อย ก่อนจะเชิ่ดหน้าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวคำขู่นั้นสักนิด “กรี๊ด! นังชะอม!” กรีดร้องออกมาได้เพียงเท่านั้น ร่างบางก็วิ่งออกไปจาห้องครัว ราวกับถ้าเธออยู่ตรงนั้นอีกนิดไม่เธอก็นังชะอมเหม็นนั่นจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง “ฮ่าๆ ป้าดูหลานป้าดิ่ ร้องแลกแหกกระเซิงไปโน่นแล้ว” ชะอมที่เห็นท่าปั้นปึงของมดตะหน่อย ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “แต่จะว่าไปนังมดดำนี่ ก็ไม่น่าเกิดเป็นหลานสาวของป้าเลยเนอะ นิสัยต่างกันมาก” “ช่างมันเถอะนังชมอม มาทำอาหารให้คุณท่านดีกว่า...ข้าได้ยินแว่วๆเหมือนคุณท่านจะไม่สบาย” “จริงป้า...ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่านะ เดี๋ยวนี้คุณท่านชอบนั่งเหม่ออยู่คนเดียว ตั้งแต่น้องแพรไม่แล้วล่ะ” “แกพูดจริงหรอนังชะอม” ป้ากล้วยที่ได้ฟังก็หันกลับมาขมวดคิ้วสงสัย กับประโยคนั้นของสาวรุ่นลูก “ทำไมข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยวะ” “เฮ้อ...ป้าจะรู้ได้ยังไงล่ะ วันๆก็ก็เอาแต่ทำงานในครัว...ฉันสังเกตหลายรอบแล้วนะป้า คุณท่านน่ะเวลาตอนอยู่บ้านชอบมาแอบดูน้องแพรทำงานบ่อยๆ” ชะอมพูดกับป้ากล้วยก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องบางอย่าง หลังจากที่มองดูลาดเลาในห้องนี้แล้วว่าปลอดคนจริงๆ “เฮ้ยจริงดิ่!” ป้ากล้วยที่ได้ฟังก็ร้องออกมา อย่างไม่ไม่อยากจะเชื่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD