“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! มึงมาบอกเลิกกูตอนกูอายุสามสิบเนี่ยนะ ไอ้ชาติชั่ว! ไอ้ทุเรศ!”
มือเล็กคว้าขวดเหล้าปาใส่คนตรงหน้าไม่ยั้งมือ ทั้งที่ปากก็ก่นด่าเขาไม่หยุด ทำให้ก้องเกียจหนุ่มหล่อเจ้าของร่างสูงโปร่งที่เคยเป็นอดีตคนรัก และเป็นผู้จัดการในแผนกของเธอต้องรีบหลบเป็นพัลวัน
“หยุด! ถ้าด่ามาอีกคำเดียวอย่าหาว่าผมไม่เตือน!”
“ทำไม! มึงจะทำไมกู ห๊า! ไอ้หน้าตัวเมีย!”
“น้ำผึ้ง!”
ก้องเกียจคำรามชื่อหญิงสาวด้วยความโกรธจัด แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปกระชากร่างบางมาบีบคอให้สมกับความคับแค้นใจที่โดนด่าต่อหน้าลูกน้อง อารยาที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ก็รีบวิ่งมาดึงเพื่อนสาวออกพร้อมกับร้องปราม และฉุดมือเล็กของคนเมาที่กำลังอาละวาดไม่หยุดออกห่าง
“ใจเย็นๆก่อนนะคะผู้จัดการ อย่าถือสาคนเมาเลย เ**กลับบ้านได้แล้ว”
“ไม่กลับ ปล่อยกู!”
“เจ๊เมามากแล้วนะกลับเถอะ เมธีมาช่วยหน่อย”
เมื่อเห็นว่าแรงตัวเองคนเดียวไม่อาจสู้คนเมาได้ อารยาก็หันมาเรียกเพื่อนหนุ่ม เจ้าของรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวใสเจ้าสำอางราวอิสตรีและมีรสนิยมรักชอบไม้ป่าเดียวกันที่กำลังยืนช็อกกับเหตุการณ์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้สติรีบเข้ามาช่วยดึงเพื่อนสาวรุ่นพี่ออกอีกแรง
“เจ๊ไหวหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นว่าคนเมาสลบคอพับไป เมธีก็เขย่าร่างบางแรงๆ แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สติก็รีบหิ้วปีกไปยืนโบกแท็กซี่หน้าไนต์คลับด้วยความรีบรน พอได้แท็กซี่ก็รีบพาร่างคนเมาขึ้นรถทันที
“ไปก่อนนะคะ อย่าถือสาเจ๊เลยนะคะผู้จัดการ”
อารยาบอกกับผู้จัดการหนุ่มที่ยืนหัวเสีย ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้บึ้งตึงสนิท เพราะถูกอดีตคนรักทำร้ายไปจนได้แผลมาหลายแผล
ก่อนที่ทั้งสองจะช่วยกันพาเพื่อนสาวรุ่นพี่มาที่คอนโดส่วนตัว จากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่มข้างๆร่างอรชร พลางพ่นหายใจออกมาแรงๆ
“เฮ้อ! กว่าจะถึงคอนโด เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
เมธีที่ยังรู้สึกอกสั่นขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมามองคนตรงกลางที่หมดสภาพไม่หลงเหลือความสวยให้เห็น เนื่องจากเครื่องสำอางที่ประโคมใส่ใบหน้าก่อนหน้านี้เละไปด้วยคราบน้ำตา
“สงสารเจ๊นะ แกว่าไหม”
“ใช่ สงสารที่มาอกหักเอาตอนอายุสามสิบ”
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้…
มาริกาสาวสวยสุดเปรี้ยวในแผนก ได้นัดกับเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองไปฉลองวันเกิดครบรอบอายุสามสิบปีด้วยกันในไนต์คลับหรูแห่งหนึ่งใจกลางกรุง ทว่าในขณะที่ทั้งสามกำลังชนแก้วกันจู่ๆก้องเกียจก็ตามมาที่ร้าน ทีแรกมาริกาก็เข้าใจว่าแฟนหนุ่มที่คบกันมานานถึงห้าปีจะทำเซอร์ไพรส์โดยการคุกเข่าขอเธอแต่งงาน แต่ที่ไหนได้ อีกฝ่ายกลับขอเลิกกับเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวเสียอย่างนั้น
และสิ่งที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือเขามาขอเลิกเธอตอนอายุสามสิบปี ซึ่งเป็นวัยที่จะหาใครสักคนเข้ามาในชีวิตยากแล้ว เนื่องจากเวลาส่วนใหญ่เธอทุ่มเทให้กับงาน กลับมาถึงคอนโดก็แทบจะไม่มีเวลาออกไปไหน แล้วจะให้เธอหาแฟนใหม่ในเวลาแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ
………………………………………………..
“โอ้ย…ปวดหัว!”มาริกากุมขมับแล้วงอตัวเป็นกุ้งทันทีที่ได้สติในเช้าวันใหม่
“ตื่นแล้วเหรอเจ๊ เป็นไงบ้าง?”อารยาที่นอนเฝ้าคนเมาตลอดทั้งคืน ขยับตัวตื่นตามเสียงร้องของคนข้างๆ
“ปวดหัว เหมือนหัวจะระเบิดเลย”
“ก็สมควรอยู่หรอก เล่นดื่มหนักซะขนาดนั้น”
เสียงของเมธีที่ทอดกายนอนอยู่ปลายเตียงเอ่ยขึ้นก่อนจะขยับตัวลงจากเตียงด้วยท่าทางเอื่อยๆเหมือนคนที่แรงยังไม่กลับมาเต็มร้อย
“พวกแกสองคนลากฉันกลับมาส่งบ้านเหรอ”
“ใช่แล้วเจ๊ พวกฉันสองคนพาเ**กลับมาเมื่อคืน แล้วก็นอนเฝ้าทั้งคืน”
“ขอบใจมากนะ ที่ดูแลฉันเป็นอย่างดี”
มาริกากล่าวขอบคุณเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองด้วยความซาบซึ้งใจ เพราะในวันที่รู้สึกแย่ก็ยังมีอารยาและเมธีคอยอยู่เคียงข้างไม่ทิ้งให้เธอต้องเดียวดาย
“ก็เจ๊เป็นพี่สาวที่รักของเรานี่คะ”
ที่ทั้งสองคนรักเพื่อนสาวรุ่นพี่มากขนาดนี้ เป็นเพราะตอนเข้ามาทำงานในบริษัทใหม่ๆมาริกาจะคอยช่วยสอนงาน และให้กำลังใจทั้งสองอยู่ตลอดจนกลายเป็นความสนิทจากเรื่องงานจนมาถึงชีวิตส่วนตัว
“ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
ทั้งสามคนกอดกันกลมจนเวลาล่วงเลยผ่านไปครู่ใหญ่ ก่อนที่มาริกาจะเอ่ยถามขึ้น แล้วทั้งสามก็ต้องรีบผละออกจากกันอย่างอัตโนมัติ เพื่อกวาดสายตามองไปที่นาฬิกาตั้งโต๊ะซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆข้างหัวเตียง แต่แล้ว…
“ตายแล้ว! เจ็ดโมงครึ่ง จะไปทำงานทันไหมเนี่ย!”
ทั้งสามร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกันพลางดีดตัวลงจากเตียง ด้วยความรีบรน เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่วันหยุด หากแต่เป็นวันปกติที่ทั้งสามจะต้องไปทำงาน เข้าบริษัทก่อนแปดโมงครึ่ง
“แล้วเจ๊ไหวหรือเปล่า?”
“ไหวๆ รีบอาบน้ำแต่งตัวเลย เดี๋ยวเข้าบริษัทไม่ทัน”
“เสื้อผ้าล่ะจ๊ะ ฉันไม่ได้เตรียมมา”
“เอาเสื้อผ้าฉันไปใส่ก่อน เลือกเอาในตู้เลย”
ทั้งสามคนวิ่งผลัดกันเข้าห้องน้ำและแต่งตัวด้วยเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่จะลงมาจากคอนโดเพื่อโบกแท็กซี่ตรงไปบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทั้งสามคนทำงาน
……………………………………………..
เมื่อมาถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นตึกสูงถึงห้าสิบชั้น เป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารแช่แข็งและเบเกอรีที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ต่างวิ่งหน้าตั้งเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่ยี่สิบห้า เป็นชั้นที่แผนกการตลาดทำงานอยู่
และแล้วทั้งสามก็มาถึงตรงเวลาแป๊ะไม่ขาดไม่เกิด แต่กระนั้นก็มิวายเรียกสายตาทุกคู่ที่กำลังยืนเกาะกลุ่มกันหันมามองเป็นตาเดียว
“มากันครบแล้ว งั้นพลอยสวยขอแจ้งข่าวดีกับพี่ๆทุกคนเลยแล้วกันนะคะ”
เสียงหวานใสของรุ่นน้องในแผนกที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงสี่เดือน เธอมีนามว่าพลอยสวย เจ้าของใบหน้าหวาน ท่าทางเรียบร้อยราวกุลสตรีไทย เรียกให้ทุกคนกลับมาให้ความสนใจเธออีกครั้ง
“ข่าวดีอะไรเหรอคะน้องพลอยสวย”
เมธีเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น ถึงแม้ตัวเองจะไม่ค่อยถูกกับสาวรุ่นน้องคนดังกล่าวสักเท่าไหร่ แต่ต่อมเผือกเรื่องชาวบ้านนั้นทำให้สามารถถามออกไปอย่างหน้าชื่นตาบาน
“เดือนหน้าพลอยสวยกับผู้จัดการก้องเกียจจะแต่งงานกันค่ะ”
สิ้นเสียงประกาศของสาวน้อยหน้าหวานใสซื่อทุกคนก็ต้องอ้าปากค้างแล้วหันมามองหน้ามาริกาที่ยืนช็อกอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาทุกคนในแผนกต่างทราบกันดีว่าผู้จัดการหนุ่มหล่อกำลังคบหาดูใจอยู่กับมาริกา แต่ก็คาดไม่ถึงว่าน้องใหม่หน้าใสจะคว้าอีกฝ่ายไปเป็นเจ้าบ่าวของตัวเองได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่เธอเข้ามาทำงาน
“นี่บัตรเชิญค่ะ เชิญพี่ๆทุกคนด้วยนะคะ”
พลอยสวยเหยียดยิ้มร้ายๆที่มุมปากอย่างผู้ชนะ เมื่อเห็นหน้าของสาวรุ่นพี่ที่เธอสามารถชิงของรักของหวงของอีกฝ่านมาครอบครองเป็นของตนได้ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“รับไปสิคะพี่น้ำผึ้ง พลอยสวยกับพี่ก้องอยากจะให้พี่ไปร่วมงานแสดงความยินดีกับเราสองคนนะคะ”
“อีพลอยสวย!”
อารยาที่ทนดูอีกฝ่ายทำร้ายจิตใจของเพื่อนสาวรุ่นพี่ต่อไม่ไหว ก็ปรี่เข้าไปหาสาวรุ่นน้องหมายจะฟาดผ่ามือใส่ใบหน้าหวานๆของอีกฝ่ายสักทีเป็นการแก้แค้น แต่ก็ถูกมาริกาดึงเอาไว้ ก่อนที่จะเอ่ยเตือนสติอีกฝ่าย
“อย่าอารยา ที่นี่บริษัท”
“แต่มันหยามเจ๊นะ”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
มาริกาบอกกับสาวรุ่นน้องคนสนิท ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับคว้าซองการ์ดเชิญสีชมพูในมืออีกฝ่ายมาถือไว้แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ได้สิ เดี๋ยวฉันไป”
“เจ๊!!”
อารยา กับเมธีร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน ไม่คิดว่ามาริกาจะยอมรับการ์ดเชิญ แล้วตกปากรับคำที่จะไปร่วมงานแต่งงานของศัตรูหัวใจง่ายดายแบบนั้น
พลอยสวยเพียงกระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่แคร์ ท่าทางราวกับนางร้ายในหลังข่าวไม่มีผิด
“ที่แท้ก้องเกียจเลิกกับฉันเพราะมาคบกับนางพลอยสวยเด็กใหม่นี่เอง”
ดูเหมือนมาริกาเพิ่งจะได้รับความกระจ่างก็ตอนนี้นี่เอง หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะที่มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนสั่นด้วยความคับแค้นใจ เมื่อรู้สึกว่าที่ผ่านมาตัวเองเหมือนโดนสวมเขามาตลอด
“อีพลอยสวยทำเป็นหน้าซื่อตาใส แต่ลึกๆแล้วร้ายไม่เบาเลยนะ ขนาดรู้ว่าผู้จัดการเป็นแฟนกับเจ๊แล้วก็ยังมาอ่อย นี่คงแอบกินกันมานานแล้วสิท่า พอผู้จัดการเลิกกับเจ๊ปุ๊บก็ประกาศแต่งงานปั๊บเลย”
ยิ่งพูด อารยาก็ยิ่งเจ็บใจแทน แต่กระนั้นก็ต้องสงบปากเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อนสาวรุ่นพี่ที่โดนทำร้ายจิตใจซ้ำเป็นครั้งที่สอง
………………………………………..