“ห้องของแม่พี่อยู่ข้างล่าง แม่ขาไม่ค่อยดีน่ะ เคยผ่าตัดใส่เหล็ก เดินขึ้นลงบันไดลำบาก ก็เลยพักด้านล่างดีกว่า” เล่าไปเรื่อยๆ ขณะหมุนลูกบิดประตูห้องที่อยู่ติดกับห้องของเขา แล้วเปิดเข้าไป
ด้านในค่อนข้างสะอาดสะอ้าน เดาได้ว่าเจ้าของบ้านคงหมั่นทำความสะอาดเสมอ เพราะไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์รบกวนเลยแม้แต่น้อย
“หนูนุ่มพักห้องนี้แหละ พี่ทำความสะอาดไว้ให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ ของใช้ก็เตรียมไว้ให้บ้างแล้ว แต่ถ้าหนูอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกได้เลยนะ”
เขาเอาใจเต็มที่ หวังเพียงให้เธอรู้สึกดียามที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าเหตุผลของการที่เธอถูกนำมาปล่อยไว้คืออะไร แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าอย่างไรเสียคงไม่มีใครอยากมาอาศัยอยู่บ้านคนอื่นหรอกถ้าเลือกได้
“เดี๋ยวหนูนุ่มตามสบายนะ พี่จัดเตียงให้” ชายหนุ่มว่าแค่นั้น ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง เดินไปยังตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับใช้คนเดียว รื้อๆ ค้นๆ เพียงครู่ก็เดินกลับมาที่เตียงพร้อมกับผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน
เขาเริ่มจากการใส่ปลอกหมอน ทั้งหมอนหนุนและหมอนข้าง จากนั้นก็ปูๆ ดึงๆ ผ้าปูที่นอน ไม่ถึงนาทีทุกอย่างก็เรียบร้อยและเรียบตึงน่าลงไปนอนแผ่
ทุกขั้นตอนเขาทำได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว โดยที่นิรดาได้แต่ยืนมองทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจในรายละเอียดขนาดนี้ ก็แค่พามาส่งและแนะนำนิดหน่อยก็พอแล้ว แต่ถึงขั้นลงทุนปูผ้าปูที่นอนให้นี่ เล่นเอาเธออึ้งไปเลย
“พี่ไม่ได้ปูไว้ให้ก่อน กลัวจะฝุ่นน่ะ”
เขาอธิบายสั้นๆ ทั้งที่เธอไม่ได้อยากรู้สักหน่อย จะปูตอนไหนก็ช่างปะไร ไม่เห็นจะสนใจ นิรดาคิดอย่างพาลๆ
“ห้องน้ำมีสบู่กับยาสีฟันแล้วนะ พี่เตรียมไว้ให้ แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอก เดี๋ยวพี่พาไปซื้อที่ตลาด…เข้าห้องน้ำได้นะ” หันมาบอกยิ้มๆ เหมือนเดาออกว่าเธออาจจะอึดอัดที่ยืนเก้ๆ กังๆ เลยหาทางออกให้เสียเอง
นิรดาพยักหน้ารับรัวๆ แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำ ล็อกประตูทันที เธออยากเข้าห้องน้ำปัสสาวะมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะเท่านั้น
ธารนทีส่ายหน้านิดๆ พร้อมกับรอยยิ้ม เขารู้สึกเอ็นดูเธอมากกว่าอย่างอื่น ไม่รู้สินะ เขาเป็นลูกคนเดียวไม่เคยมีพี่ไม่เคยมีน้อง พอมีคนมาอยู่ด้วยก็รู้สึกว่าโชคดีแล้วจะได้ไม่เหงา เรื่องที่เธออาจเผลอทำกิริยาอะไรไม่ดีออกมา เขาก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะเธอยังเด็ก เดี๋ยวไว้ค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอนกันไปก็แล้วกัน
คิดไป มือก็ไม่หยุดให้เสียเวลา จัดการถือวิสาสะเปิดกระเป๋าเป้โดยไม่บอกเจ้าของ ปกติเขาไม่ใช่คนไร้มารยาทหรือชอบละลาบละล้วงของของคนอื่น แต่กรณีนี้เขาถือว่าตัวเองหวังดี อยากช่วยเธอจัดของให้เรียบร้อย
ในกระเป๋าเป้ไม่มีอะไรมาก ดูเหมือนเธอจะเอาสิ่งของมาน้อยชิ้นเกินไปด้วยซ้ำ ดูไม่เหมือนสาวๆ ทั่วไปเลยแฮะ ปกติเขาเดาว่าสวยๆ แบบนี้น่าจะพกเครื่องสำอางมาเป็นถุงๆ แต่ปรากฏว่ามีเพียงลิปกลอสสีใสสองแท่ง โฟมล้างหน้ายี่ห้อที่เห็นได้ตามโฆษณาทางโทรทัศน์ แล้วก็ครีมบำรุงผิวสูตรของเด็ก อ้อ มีอีก ค้นๆ ไปก็เจอแป้งเด็กด้วย เดาว่าเธอคงเอาไว้ทาผิว
อืม ท่าจะเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมากแฮะ ดูจากเครื่องสำอางแล้วไม่น่าจะดื้อได้เลย
ธารนทีนำสิ่งประทินโฉมแบบเด็กๆ นั้นไปจัดวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งที่เดิมทีโล่งๆ อย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินกลับมาหิ้วกระเป๋าเป้ติดมือไปที่ตู้เสื้อผ้า
เสื้อผ้าที่เธอนำมามีประมาณห้าถึงหกชุด ส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ที่เขารู้สึกว่ามันสั้นมากและยาวกว่ากางเกงในมาหน่อยก็เท่านั้น
กางเกงที่สาวน้อยเอามาด้วยทำให้เขาส่ายหน้ารัวๆ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกไม่ชอบใจ ไม่ใช่กับตัวเธอ แต่เป็นกางเกงที่เธอนำมาเพื่อเอาไว้ใส่ที่นี่
เขาไม่ชอบคนแต่งตัวโป๊หรือเปิดเผยเนื้อหนัง ไม่รู้เป็นยังไง พอเห็นใครแต่งแบบนั้นแล้วจะไม่เข้าใกล้เลย คงเพราะเขาเป็นผู้ชายหัวโบราณ ชอบผู้หญิงเรียบร้อย ไม่แต่งตัวโป๊ ไม่แต่งหน้าจัด มีความเป็นกุลสตรี แม้จะพอรู้ว่าคงยากกว่าการไปร่อนหาทองที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ยังรู้สึกชอบผู้หญิงสไตล์นั้นอยู่ดี
แม้ไม่พอใจแค่ไหน แต่เขาก็นำเสื้อยืดตัวน้อยที่เดาได้ว่าคงรัดติ้วและกางเกงตัวจิ๋วไปแขวนเก็บให้อย่างเป็นระเบียบ จากนั้นก็ล้วงลงไปในกระเป๋าเป้ต่อ เจอกับชุดชั้นในลูกไม้แบบเรียบหรูแต่ดูเซ็กซี่ในที
เอ ทำไมไม่เป็นชุดชั้นในลายการ์ตูนหรือโดเรม่อนนะ ชุดชั้นในดูเย้ายวนเกินวัยเสียจริง เธอมีอะไรให้เขาคาดไม่ถึงเยอะดีจัง ชายหนุ่มพับเก็บและแยกสีให้อย่างเรียบร้อย วางไว้ในลิ้นชักของตู้
ตอนที่ลุกขึ้นยืนเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็เจอกับคนที่ออกมาจากห้องน้ำตอนไหนไม่รู้ยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่
“หนูเก็บเองได้” นับเป็นประโยคแรกที่เธอเอ่ยขึ้น ตั้งแต่ที่เขาพาขึ้นมาบนนี้
“ไม่เป็นไร หนูมาเหนื่อยๆ พี่ทำให้แป๊บเดียวเอง ตรงนี้เป็นระเบียงนะ เอาไว้ตากเสื้อผ้าได้ หนูไม่มีผ้าเช็ดตัวมาใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปเอาที่ห้องให้นะ มีผืนใหม่อยู่ ยังไม่ได้ใช้”