“เรียนเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ดีค่ะ พี่เสือล่ะคะเหนื่อยไหม หน้าเครียดเชียว” เด็กสาวในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาวางกระเป๋าถือและกระเป๋าผ้าสำหรับใส่หนังสือลงบนโต๊ะ
ร่างสะโอดสะองสวมกระโปรงทรงเอเข้ารูปสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย สาวเท้าเข้าไปหาร่างสูงที่ยังอยู่ในชุดทำงาน แต่ถอดสูทตัวนอกออก เหลือไว้เพียงเชิ้ตสีดำตัวในพับขึ้นมาถึงศอก
แขนแกร่งอ้ารับตัวเธอยามที่เด็กสาวนั่งลง จมูกโด่งของผู้ชายวันสามสิบหกกดหอมแก้มขาวนุ่มไปเสียหลายฟอด ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับความร่วมมือจากคนโดนหอมเป็นอย่างดี
“มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ ทำไมวันนี้กลับเย็นจังคะ ไม่เห็นบอกผมเลย” เขาถาม เพราะปกติยัยคนสวยจะกลับหลังเรียนเสร็จเลย มีบางวันไปเดินเที่ยวหรือกินข้าวกับเพื่อนบ้าง แต่ก็ไม่เคยไปจนฟ้ามืด และไม่เคยไปโดยไม่ขอก่อน
เขาก็ไม่ได้หมายถึงว่าต้องขอทุกรอบหรอกนะ เขาไม่ใช่ไอ้พี่ชายตัวดีที่หึงบ้าบอประสาทแดก แค่สงสัยก็เพราะเธอไม่เคยทำก็เท่านั้น
“ปรึกษาวิจัยอยู่ค่ะ ใช้โทรศัพท์ไม่ได้”
“แต่ก็ยังบอกคุณสิงห์ได้นี่คะ ทำไมบอกผมไม่ได้ล่ะ” อย่างที่บอกว่าเขาไม่ได้เหมือนพี่ชายที่เธอต้องรายงานตลอดเวลา แต่ถ้าจะบอกว่าไม่น้อยใจก็คงไม่ถูกนัก
คนสวยรักผัวไม่เท่ากันมันก็น่าน้อยใจอยู่
“มันประจวบเหมาะอาจารย์ว่างพอดีค่ะหนูเลยไม่ได้ส่งให้พี่เสือด้วย ไม่งอนนะคะ” เด็กสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะใช้มือลูบแผงอกแกร่ง จมูกกระจุ๋มกระจิ๋มถูไถกับข้างแก้มของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน
แล้วจะไม่งอนได้ยังไง ในเมื่อคนง้อน่ารักขนาดนี้
“คุณสิงห์มันส่งมาอวดผมใหญ่ว่าหนูส่งรูปให้ ผมมีอะไรให้อวดล่ะดูสิ”
“หนูไม่ได้ส่งให้ก็จริงแต่หนูคิดถึงพี่เสือมากเลยนะคะ ไปเชียงใหม่ไม่ได้เจอตั้งสองวัน”
สุดที่รักเอ่ยตอบเจื้อยแจ้วเมื่อเห็นว่าผู้อุปการะคุณตีหน้าเศร้า ปกติคุณเสือไม่ใช่คนพูดอะไรมากแต่เวลาพูดก็พุ่งตรงลงประเด็น เล่นเอาเธอใจอ่อนยวบไปเหมือนกัน
ด้านคุณพยัคฆ์พอได้ยินอย่างนั้นก็พลันยิ้มกริ่ม นึกถึงแชทที่พี่ชายฝาแฝดส่งมาอวดเป็นปกติ นึกถึงหน้าอ้อนๆ กับเนื้อความในแชท ก่อนที่แขนแกร่งจะรวบกายบอบบางขึ้นมานั่งบนตัก
มือหนาล้วงเข้าไปในกระโปรงทรงเออย่างจาบจ้วง
“เพิ่งส่งรูปไปอ้อนอีกคน ตอนนี้ก็มาบอกคิดถึงอีกคน กะเอาให้พวกผมตายคาอกเลยหรือเปล่าคะ”
“นะ หนูเปล่าสักหน่อย” สุดที่รักหน้าแดงขึ้นมาเมื่อฝ่ามือร้อนนั้นทาบลงที่ส่วนสงวนใต้กระโปรง พวกตาแก่นี่มันลามกจริงๆ เธอยังอยู่ในชุดนักศึกษานะ!
“แล้วอะไรคะ”
“ก็พี่เสืองอนนี่คะ หนูแค่อยากง้อเอง”
“ถ้าไม่งอนก็ไม่ง้อเหรอคะ”
“ง้อค่ะ ไม่งอนก็ง้อ อย่างโกรธหนูเลยนะคะ ทีหลังหนูจะไม่ลืมอีกแล้ว” แต่เธอจะไปทำอะไรได้ในเมื่อนั่งอยู่บนตักของเขาขนาดนี้
“พูดแล้วนะคะ”
สุดท้ายก็จำต้องปล่อยเลยตามเลยให้คุณเสือจับปลอกเปลือกจนเหลือเพียงชุดชั้นในสีหวานที่พวกเขาสรรหาซื้อมาให้ ร่างเล็กจ้อถูกเขาจับให้นั่งคร่อมบนตัก
บราเซียสีชมพูถูกดึงลงจนเผยให้เห็นจุกนมสีอ่อน ดวงตาสวยมองเขาคาบมันเข้าปากก่อนจะเริ่มดูดราวกับหิวโหยเสียเต็มประดา ส่วนหน้าที่เธอนั่งทับอยู่ก็แข็งดุนขึ้นมาแถมร้อนมากจนรู้สึกได้
มือหนาข้างหนึ่งขยำเข้านิ่มพลางสั่นเบาๆ ทว่าอีกข้างกลับสอดเข้าไปในกางเกงในลูกไม้สีชมพูตัวบาง แคล้นคลึงแก้มก้นนุ่มนิ่มไม่ละไปไหน เล่นเอาเด็กสาวบิดเร้าอย่างกระสัน
อารมณ์สยิวลุกโชนขึ้นมาอย่างง่ายดาย สองคนนี้ฝึกเธอจนกลายเป็นหญิงสาวร่านสวาทไปเสียแล้ว
“อื้อ…พะ พี่เสือขา”
แกร็ก
ทว่าขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่นั้น จู่ๆ ประตูทางเข้าชั้นในก็เปิดออก ตามด้วยร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลสวมแว่นตาทรงเหลี่ยม ทว่าใบหน้าเหมือนเจ้าของตักราวกับแกะเดินเข้ามาในห้อง
เสียงทอดถอนหายใจดังขึ้นหลังจากนั้น
“กูแค่ส่งรูปเมียไปอวด มึงถึงขั้นต้องบินด่วนกลับมาจากเชียงใหม่เลยเหรอไอ้เสือ งานการไม่ต้องทำแล้วมั้งไอ้น้องเวร”
หลายเดือนก่อนหน้า
"จานนี้โต๊ะสอง จานนี้โต๊ะสี่นะรัก เอาไปเสิร์ฟเลย"
"จ้ะพี่"
เสียงพูดคุยจอแจและความวุ่นวายภายในร้านอาหารตามสั่งขนาดกลางในช่วงพักเที่ยงยังคงดำเนินไปเช่นเดียวกับทุกวัน เนื่องจากตำแหน่งของร้านนั้นอยู่ในละแวกออฟฟิศของหลายบริษัท ช่วงเวลานี้จึงมีพนักงานมารับประทานอาหารกันอย่างคับคั่ง
ร่างสะโอดสะองของหญิงสาววัยยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ดปีหอบจานบรรจุอาหารหน้าตาน่ารับประทานเอาไว้สามจานเต็มอ้อมแขน สองขาก้าวเดินไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นโต๊ะนี้อย่างคล่องแคล่ว
เสิร์ฟโต๊ะนั้นเสร็จก็เดินกลับมาที่ครัวใหม่ หอบจานอาหารใส่ถาดมาอีกสี่ใบเดินไปเสิร์ฟให้อีกโต๊ะที่เข้ามาทีหลัง เรียกได้ว่าอึดถึกทนมากกว่ารูปลักษ์ภายนอกหลายเท่าจนพวกคนครัวอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
น้องรักหรือ สุดที่รัก นาคาปรก เป็นเด็กเสิร์ฟพาร์ทไทม์คนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ ทว่ากลับทำงานเก่งว่องไวแบ่งเบาภาระคนอื่นๆ ไปได้มาก
จากที่เมื่อก่อนพอถึงเวลาพักเที่ยงทีก็มีลูกค้าจากออฟฟิศรอบๆ เทเข้ามาจนทำอะไรไม่ทัน เสิร์ฟช้าบ้าง เสิร์ฟผิดบ้าง มีปัญหามากมายหลายอย่าง แต่พอมีเด็กคนนี้เข้ามาทุกอย่างก็คล้ายกับจะมีโฟลว์มากขึ้น ทำงานกันสนุกขึ้น
จากที่เสิร์ฟไม่ทันก็ทันขึ้นมาเพราะเด็กคนนี้เดินเสิร์ฟแบบเท้าไฟสับตีนแตก ความจำดีเยี่ยมใครสั่งอะไรเอาไปเสิร์ฟถูกโต๊ะไม่มีพลาดเลยสักครั้ง ไหนจะมารยาทงามยิ้มแย้มแจ่มใสมีใจบริการอีก
นี่แหละใครว่าตำแหน่งเล็กๆ พวกนี้ไม่สำคัญ มันสำคัญหมด ทุกตำแหน่งต่างมีเนื้องาน แต่ละเนื้องานมันก็มีชาเล้นจ์เป็นของตัวเองทั้งนั้น
“พี่สั่งไข่ดาวด้วยนะหนู ทำไมไม่มีไข่ดาวล่ะ” จะมีก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าท้วงยามที่เธอเอาจานอาหารไปวางตรงหน้า สุดที่รักเลิกคิ้วเล็กน้อยก้าวเดินชะงักไปฉับพลัน
“เหรอคะ งั้นเดี๋ยวหนูเอาไปเปลี่ยนให้นะ” ทว่าปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เธอเจอมาแล้วนักต่อนัก ตั้งแต่ยังเสิร์ฟไม่เก่งจนตอนนี้ทำได้อย่างคล่องแคล่ว
เพราะแบบนั้นจึงยื่นมือจะหยิบจานเพื่อเดินกลับไปหลังร้านเพื่อทำไข่ดาวให้เพิ่ม เธอไม่ได้ตกใจหรือคิดจะเถียงกับลูกค้าเพราะถือตัวเองก็คนไม่ใช่คอมพิวเตอร์ พอมีลูกค้าเยอะขึ้น ข้อมูลที่ต้องจำมากขึ้นจะรวนบ้างก็ไม่แปลก
“เดี๋ยวๆ” ทว่ายามที่เด็กสาวกำลังจะหยิบจานนั้นขึ้นมา ลูกค้าหนุ่มใส่ชุดไปรเวทห้อยป้ายพนักงานออฟฟิศก็ดึงจานกลับ ใบหน้าปรากฏยิ้มร้ายเมื่อเห็นว่าเด็กเสิร์ฟสาวสวยเล่นตามเกมของตน
“อ้าว ไม่รับไข่ดาวแล้วเหรอพี่” แม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นบ่อยจนขี้เกียจนับ แต่สุดที่รักก็ยังถามต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้รู้ว่าไอ้พวกหัวงูนี่ต้องการอะไรแต่เธอจะไปทำอะไรได้
เป็นแค่เด็กเสิร์ฟเกิดไปด่าลูกค้ามีหวังได้โดนไล่ออกพอดี
ภาระในชีวิตเธอมีอีกมากมาย ทั้งค่ากินใช้ ค่าหอ ไหนจะค่าเทอมที่ยังต้องแบกเองจนหลังแอ่น ขืนโดนไล่ออกตอนนี้มีหวังได้วิ่งหางานใหม่กันขาขวิด เพราะแบบนั้นอะไรที่มันไม่มากเกินเหตุเธอจึงพยายามมองผ่าน
ชีวิตคนยากคนจนในประเทศเฮงซวยแห่งนี้นี่มันไม่โรแมนติกเลยสักนิด
“รับไข่อย่างอื่นได้ไหมจ้ะ ร้านนี้มีไข่อะไรที่มันเบิ้มๆบ้าง” ขณะที่เอ่ยคำว่าเบิ้มๆ ผู้ชายคนนั้นมองโลมเลียหน้าอกของเธออย่างตั้งใจ เพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันก็สะกิดกันไปกันมามองตาหวานกันทั้งโต๊ะ
สำหรับผู้หญิงที่นมค่อนข้างใหญ่มาทั้งชีวิตถือว่าเรื่องนี้ไม่แปลกใหม่ เรียกง่ายๆ ก็ชินชาไปแล้วนั่นแหละ ขอแค่ไม่เอื้อมมือมาจับก็ถือว่ายังพอให้อภัยกันได้
“ไม่มีหรอกพี่ ยังรับไข่ดาวอยู่ไหมคะ เดี๋ยวหนูต้องไปเสริร์ฟคนอื่นต่อจะได้เอามาให้พี่เลยทีเดียว” สุดที่รักทำตีมึนเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ชายโต๊ะนั้นสื่อ เธอถามด้วยหน้าเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว
พอมุกวืดจากที่ยิ้มอยู่ก็พลันแหย จะโมโหแก้เขินก็ไม่ได้ด้วยเพราะสาวเจ้าไม่ได้วีนแตกอะไรเลยจำต้องพยักหน้าเออออ เห็นอย่างนั้นสุดที่รักจึงยิ้มหวานหยิบจานอย่างว่องไว
ก่อนจะถอยออกมาให้พ้นรัศมีที่แขนของไอ้บ้านั่นจะคว้ามาได้ แล้วหันหลังโกยอ้าวกลับเข้าหลังร้านมาแบบราบรื่นไร้รอยขีดข่วน
“เอาอีกแล้วเหรอเรา” เสียงทักจากพี่แหนม ผู้ช่วยพ่อครัวเอ่ยขึ้นขณะที่เอาจานใหม่มาวางบนถาด ท่าทางและคำถามฟังดูเคยชินมาก เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยชนิดที่เรียกได้ว่าทุกวัน วันละหลายรอบ
“จ้ะพี่ ทำไข่ดาวให้เขาเพิ่มด้วยนะ เดี๋ยวหนูเขียนเพิ่มในบิล” สุดที่รักพยักหน้ารับ เป็นที่รู้กันดีว่าลูกค้าเมื่อกี้ไม่ได้สั่งไข่ดาวมาตั้งแต่แรก ที่ถามหาเพราะอยากเล่นมุกอุบาทว์เท่านั้น
“อืม เดี๋ยวจัดการให้”
พอฝ่ายนั้นรับคำหญิงสาวจึงจดลงไปในบิลที่แปะอยู่บนบอร์ด ก่อนจะเอาไปยื่นที่โต๊ะแคชเชียร์ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักแล้วหันมาหยิบถาดที่เต็มไปด้วยจานอาหารขึ้นมาเตรียมไปเสิร์ฟอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่าเสิร์ฟอาหารหรือเสิร์ฟอย่างอื่นด้วย กับผู้ชายล่ะระริกระรี้ ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหู” ทว่ายังไม่ทันได้เดินออกไปถึงไหนก็ได้ยินคำพูดจากคนอาชีพเดียวกันที่เดินสวนมา
เท้าเล็กภายใต้รองเท้าผ้าใบราคาถูกสีดำชะงักไปเล็กน้อย เธอหันมองไปยังต้นเสียงเพราะเมื่อครู่มัวแต่ระวังอาหารไม่ทันได้มองหน้าว่าใครเดินสวน
พอหันไปจึงได้ร้องอ๋อในใจแล้วเดินต่อ เพราะคนพูดนั้นเป็นเด็กเสิร์ฟคนเก่าคนแก่ อายุมากกว่าเธอราวสองสามปีและเป็นคนสนิทของเมียเจ้าของร้านอยู่ในขณะนี้
ไม่แปลกหรอกที่จะกระแนะกระแหนทุกครั้งที่มีโอกาส เมียเจ้านายไม่ชอบเธอนี่นะ เป็นลูกจ้างอยากเลียแข็งเลียขาก็ต้องไม่ชอบตามไปด้วย แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำอะไรให้ก็ตาม