เพราะเธอไม่ต่างจากลูกค้าวีไอพีของร้านทำให้พนักงานไม่กล้ามาไล่ ทว่า
“ทำไมยังไม่ปิดร้านล่ะ” เสียงทุ้มคุ้นหูของผู้ชายคนหนึ่งทำให้พนักงานแตกกระเจิงกันไปกันคนละทิศคนละทาง แต่ก็ไม่ทันเมื่อพนักงานคนหนึ่งถูกดึงคอเสื้อทางด้านหลังไว้เสียก่อน
“คุณสิงหา...”
“จะหนีทำไมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่ถาม” เจ้านายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้ม แต่แววตาของลูกน้องนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น จะไม่ให้หนีได้อย่างไรก็เจ้านายเหี้ยมขนาดนี้
“คือว่าพวกเราไม่กล้าไล่ลูกค้าน่ะครับ คุณผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา” สิงหามองตามสายตาของพนักงาน เขามองเห็นแผ่นหลังบางของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังสั่นเทา “เหมือนเธออกหักแล้วก็กำลังรอใครสักคนอยู่ครับ”
“รอก็ให้รออยู่ข้างนอกสิวะ” ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากคอเสื้อของลูกน้อง เขาเดินไปหาลูกค้าที่พนักงานว่า
“ขอโทษด้วยนะครับคุณลูกค้า ร้านปิดแล้วเชิญด้านนอกด้วยครับ” เสียงทุ้มลึกที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้ม่านฟ้ารีบดึงทิชชูมาเช็ดคราบน้ำตาออก ก่อนที่เธอจะหันไปหาเจ้าของเสียงนี้
“เอ่อ ขอฉันนั่งอีกสักพักได้ไหมคะ” สิงหาชะงักไปเมื่อได้เห็นใบหน้าของเธอ ราวกับถูกต้องมนต์ไปชั่วขณะ เขาอึกอักทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“งั้นให้ผมนั่งด้วยก็แล้วกัน”
“เอ๋? ...” ม่านฟ้าไม่เข้าใจ ขณะที่อีกฝ่ายไม่ต้องรอให้เธออนุญาต ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้รีบเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับเธอทันที ทำเอาพนักงานที่มองกันอยู่นั้นงงเป็นไก่ตาแตกไปตาม ๆ กัน
“ผมเป็นเจ้าของร้านครับ”
“อ้อ...ขอโทษด้วยนะคะพอดีว่าฉัน...กำลังรอใครบางคนอยู่น่ะค่ะ”
“แฟนเหรอครับ” ม่านฟ้าสตั๊นนิ่งงัน เธอยังหาคำนิยามระหว่างเธอกับพาคินณ์ไม่ได้เลย
“คือ...หึ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เธอว่าพลางหัวเราะ ทำเอาคิ้วหนาของคนฟังเลิกสูงข้างหนึ่งอย่างคนฉงนใจ ถ้าไม่ใช่แฟนก็ต้องเป็นคนคุยแต่ว่าทำไมถึงร้องไห้ฟูมฟายจนทิชชูเต็มโต๊ะขนาดนี้
“ไม่เป็นไรครับ...ผมสิงหานะครับ”
“อ้อ...”
“แล้วคุณล่ะ”
“คะ?”
“ชื่ออะไร”
“อ้อ...ม่านฟ้าค่ะ” สิงหาชะงักไปเมื่อได้ยินชื่อนี้ เขาพินิจมองใบหน้าของสาวเจ้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง
มิน่าล่ะ ถึงว่าคุ้น ๆ
ชายหนุ่มคิดในใจโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา เขากระตุกยิ้มบาง ๆ ด้วยความรู้สึกดีใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ้อ...เปล่าครับ แค่รู้สึก...เอ่อ ดีน่ะครับ” ได้ยินอย่างนี้แล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ ม่านฟ้าขมวดคิ้วมุ่นหันซ้ายแลขวาก็ชักจะเริ่มน่ากลัว ไม่รู้ว่าเขาคนนี้เป็นเจ้าของร้านจริงหรือไม่ หน้าตาดีก็ใช้ว่าจะไว้ใจได้
“เอ่อ...ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ” เธอลุกพรวดขึ้นด้วยความหวาดระแวง เวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้วเช่นนี้เธอไม่ควรอยู่ที่นี่เลยจริง ๆ
“อ้าว! เดี๋ยวก่อนสิคุณ!!” ไม่ทันเสียแล้ว ม่านฟ้ารีบกุลีกุจอออกจากภัตตาคารหรูนี้ไปโดยไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋าสะพายไปด้วย สิงหานึกเสียดายแต่หลังจากนี้เขาจะได้เจอเธออีกแน่ ๆ ไม่ต้องห่วง
...ม่านฟ้าเดินกลับไปขึ้นรถยนต์ของตัวเองที่บริษัทซื้อให้ เธอนั่งพักหายใจเพียงครู่เดียวก่อนจะสตาร์ตรถ ทว่า
ครืดด ครืดด~
“คินณ์...” หญิงสาวพึมพำออกมาเมื่อเห็นรายชื่อของสายเรียกเข้าที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะรีบกดรับในทันที
ติ๊ด!
“มาถึงละเหรอ...” ม่านฟ้ารีบกรอกเสียงลงไปด้วยความดีใจ ทว่า
[หึ กะแล้วเชียวว่าต้องนัดไว้ เสียใจด้วยนะ...เขาหลับไปแล้วน่ะหรือว่าจะให้ปลุก]
“เธอ...” ใจดวงน้อยหล่นวูบ ม่านฟ้ามือไม้สั่นเทารีบดึงโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ของเขาอีกครั้ง และก็เป็นเบอร์ของพาคินณ์จริง ๆ
[เราเพิ่งเอากันเสร็จน่ะ เขาเหนื่อยมากหลับไปแล้ว คงไปซ้ำกับเธอไม่ได้หรอก]
“ทุเรศ!!”
[หึ รับความจริงไม่ได้เหรอ กรี๊ดมันออกมาสิ กรี๊ดมันออกมา] ม่านฟ้ากำโทรศัพท์แน่นด้วยความโกรธจัด เธอรีบกดตัดสายก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“กรี๊ดดด!!” ม่านฟ้ากรีดร้องออกมาทั้งน้ำตา เธอโกรธมาก น้อยใจที่เขาไม่มาแล้วยังต้องมารับรู้ว่าเขาไปทำอะไรกับผู้หญิงคนอื่นอีก หัวใจของเธอเจ็บปวดเกินจะรับไหว เสียใจที่ไม่มีโอกาสได้บอกอะไรกับเขาอีก หนำซ้ำเขาเองก็ไม่ได้อยากรู้อะไรอีกแล้ว
“ฮึก...ฮืออ~” เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งรถยนต์อีโคคาร์ ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความเสียใจ เขาเป็นมากกว่าครึ่งชีวิตของเธอเสียอีก ม่านฟ้ารับรู้แล้วว่าตอนนี้เธอรักเขามากเพียงใด ทว่ามันก็สายเกินไป กว่าจะรู้ตัวว่ารักเขาก็จากไปกับคนอื่นแล้ว...
วันต่อมา...
...บ้านวราเจริญภิวัฒน์ เป็นบ้านทรงไทยประยุกต์ยกพื้นสูงใจกลางกรุง บ้านเก่าแก่หลังนี้มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาซึ่งเจ้าของบ้านเป็นหม่อมราชงวงศ์พลกฤต วราเจริญภิวัฒน์ ทว่าท่านได้เสียชีวิตไปนานแล้ว สมรสกับเข็มจิราเธอเป็นเพียงสามัญชน กระนั้นลูกสาวของเธออย่างม่านฟ้าก็ได้รับคำนำหน้าเป็นหม่อมหลวงม่านฟ้า
หญิงสาวร้องไห้จนตาปูดตาบวม เธอนั่งทานโจ๊กที่โต๊ะกินข้าวในเช้าวันหยุด แม้ว่ามือจะตักกินโจ๊กแต่สายตาของเธอกลับเหม่อลอยตลอดเวลา หวนนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ นานาตั้งแต่เด็กจนโต
เพราะครอบครัวของเธอเป็นตระกูลเก่าแก่ มีที่ดินราคาแพงทำเลดีถือครองอยู่ ทว่าที่ดินผืนนั้นกลับเป็นที่ตั้งของตลาดม่านฟ้าให้กับประชาชนคนธรรมดา จะขายออกก็ไม่ได้ มีแค่บริษัทเดอะเกรทฯที่สนใจซื้อ มารดาเลยตั้งแง่ให้เธอแต่งงานกับครอบครัวของเขาเพื่อจะได้เกี่ยวดองกัน เพียงเพราะอยากมีหน้ามีตาในสังคม เธอเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา เข้างานสังคมก็ไม่มีใครให้เกียรติตั้งแต่สามีตายจาก หวังให้ตัวเองกลับมามีหน้ามีตาอีกครั้งด้วยอำนาจเงินของตระกูลเกียรติภูมิ เข็มจิราจับเธอยัดเยียดให้กับครอบครัวของเขาตั้งแต่เด็ก
ม่านฟ้ารับรู้ความรู้สึกของพาคินณ์ทุกอย่าง เขามักให้เธอเป็นที่พึ่งทางใจมาโดยตลอด เจ้าตัวเป็นลูกชายคนกลาง เขาถูกละเลยความรู้สึกจากพ่อแม่เสมอ บิดาชื่นชมพาทิศว่าเรียนเก่ง ฉลาดหลักแหลม มารดารักและเอ็นดูน้องชายคนเล็กคอยเอาใจมาตลอด แต่สำหรับเขา...พาคินณ์บ่นให้เธอฟังตลอดว่าเขาไม่มีพ่อแม่
ความรู้สึกของพาคินณ์ทำให้เขาเป็นคนชอบเอาชนะพี่น้อง พาวินท์นั้นไม่ได้สนว่าใครจะแข่งกับใคร เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับแฟนสาว ขณะที่พาทิศนั้นก็ชอบเสียเหลือเกินที่จะแข่งกับน้องชายตัวเอง ทั้งเรียน ทั้งกีฬา แม้แต่เรื่องของเธอเอง
พาทิศบอกกับม่านฟ้าว่าเขาชอบและอยากแต่งงานกับหม่อมหลวงอย่างเธอ เพราะตอนนั้นเธอเองก็ถูกขนานนามว่าเป็นนางฟ้า ขณะที่พาคินณ์ก็อยากขัดขวางทุกอย่างของพี่ชาย จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้รักเธอเลย แค่อยากเอาชนะพาทิศแค่นั้น ยิ่งคิดน้ำตาก็ร่วงแหมะลงอีกครั้ง
“ฮึก...” กระนั้นเธอก็ยังตกหลุมรักเขา ทำไมมีแค่เธอที่รักเขาและหลงอยู่ในความสัมพันธ์นี้ ม่านฟ้ากินโจ๊กไม่ลงแล้ว เธอดันถ้วยออกจากตัวเอง เป็นจังหวะพอดีที่มารดาลงมาจากบนบ้าน
“อ้าว! นึกว่าไม่กลับบ้านละ” ม่านฟ้าไม่ได้พูดอะไร ท่าทีหมางเมินนั้นทำให้มารดาไม่พอใจ เข็มจิรารีบสาวเท้าเข้าหาทันที “ร้องไห้ทำไม ใครทำให้ร้องไห้!!”
“แม่...อย่าตะคอกได้ไหม”
“ก็แกไม่ตอบจะไม่ให้ตะคอกได้ยังไง หรือบ้านนั้นรังแกแกอีก หน็อยแน่...ยกเลิกงานแต่งหักหน้าเราไปแล้วยังจะทำให้ลูกสาวแม่ร้องไห้อีก”
“เพราะแม่นั่นแหละที่ชอบยัดเยียดหนูให้กับครอบครัวของเขา แค่นี้หนูก็อายเต็มทนแล้ว” พาทิศหายตัวไปแม่ของเธอก็ยัดเยียดเธอให้กับพาวินท์ รายนั้นประกาศยกเลิกงานแต่งต่อหน้านักข่าว เล่นเอาหม่อมหลวงมีชื่อเสียงอย่างเธออับอายขายขี้หน้า ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความผิดของแม่แต่ท่านก็เอาแต่โทษอีกฝ่าย
“ไม่ต้องอะไรกับพวกนั้นละ แม่หาผู้ชายให้หนูใหม่แล้ว รวยไม่เท่า แต่ก็รวยมากอยู่ดี...หน้าตาดี การศึกษาดี”
“แม่!! หนูไม่เอาแล้วนะแม่ แม่เลิกยัดเยียดหนูให้คนอื่นสักทีได้ไหม”
“อ้าว! แม่อุตส่าห์หวังดี จะอยู่ให้พาคินณ์เอารัดเอาเปรียบอยู่หรือไง” ชื่อนี้ทำให้เธอชะงักไป หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอเมื่อตอนนี้พาคินณ์ไม่ได้ยุ่งกับเธอแล้ว
“หนูคิดว่า อึก..หนูรักพาคินณ์แล้ว”
“ห้ะ...รัก? บ้าไปแล้วหรือไง แล้วทำไมตอนนั้นบอกไม่ได้รักเขา ไม่ได้รักไม่อยากแต่งงานด้วย อยากแต่งกับพาทิศ แล้วไอ้นั่นหายหัวไปไหนก็ไม่รู้...”
“แม่...”
“ไม่เอาแล้วกับครอบครัวนั้น ประสาทจะกินหัว...ไม่ต้องรอพาทิศกลับมา ไม่ต้องไปรักพาคินณ์ แม่หาผู้ชายให้ใหม่แล้ว”
“แม๊...หนูไม่เอาด้วยหรอก”
“จะไปไหน! วันนี้วันหยุดแกออกไปกินข้าวกับพี่เขา พี่เขามีร้านอาหาร ม่านฟ้า...ฉันไม่เคยสอนให้แกเดินหนีฉัน ม่านฟ้า!”
ปัง!
ม่านฟ้ากระแทกประตูปิดใส่หน้ามารดา เธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน แต่มันจริงอย่างที่พาคินณ์เคยบอก สาวเจ้าถูกมารดาบงการชีวิตมาโดยตลอด ทว่า
“ม่านฟ้า! ออกมาเดี๋ยวนี้! ทำไมไม่เชื่อแม่ แม่ไม่คิดเลยว่าลูกจะเป็นแบบนี้” น้ำตาของเธอร่วงหล่น หญิงสาวสะอื้นไห้นั่งลงที่หน้าประตู เธอรู้สึกหัวใจหล่นวูบที่ทำให้แม่ผิดหวัง อยากจะใจแข็งให้ได้มากกว่านี้แต่ก็ทำไม่ได้
“แม่สัญญานะว่าถ้าหนูไม่พอใจแม่ก็จะไม่บังคับ แม่ไม่เคยบังคับหนูนะลูก ตอนนั้นลูกบอกว่าไม่อยากแต่งงานกับพาคินณ์แม่ก็ไม่บังคับ ตอนนี้แม่แค่อยากให้เราไปดูตัวก่อนแค่นั้นเองลูก...อย่าอยู่ให้สามพี่น้องมันรังแกเลยนะลูก” เข็มจิรายังคงโกรธครอบครัวนั้น โกรธตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายหักหน้าประกาศยกเลิกงานแต่งต่อหน้านักข่าว ซึ่งเสียงสั่นเครือของมารดาก็ทำให้ม่านฟ้าใจอ่อนในที่สุด
แกร็ก~
“ถ้าหนูไม่โอเค แม่ไม่บังคับจริง ๆ นะคะ” ม่านฟ้าพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ หญิงสาวไม่อยากขัดใจมารดา ตั้งแต่พ่อเสียไปก็มีกันแค่สองคนแม่ลูก เธอยอมคนเป็นแม่มาโดยตลอด
“จ้า ว่าแต่...ที่ว่ารักพาคินณ์นี่มันยังไงกันแม่ไม่เข้าใจ” เข็มจิราไม่เข้าใจ ลูกสาวปฏิเสธพาคินณ์มาตลอด แต่อยู่ ๆ กลับมาบอกว่ารักพาคินณ์เสียอย่างนั้น
“หนูเพิ่งรู้ อึก...จริง ๆ แล้วหนูขาดเขาไม่ได้” ว่าแล้วน้ำตาก็ร่วงลงมา “ฮึก...แต่ตอนนี้เขาอยู่กับคนอื่นแล้วอ่ะแม่ ฮึก เขามีคนใหม่แล้ว”
“ห้ะ...โอ๊ย! แล้วทำไม...มารู้ตัวอะไรตอนนี้”
“ฮึก...” ม่านฟ้าส่ายหน้าเป็นพัลวัน มันไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับว่าเขาไม่เคยรัก ทุกอย่างเป็นเพราะเขาอยากเอาชนะพี่ชายของเขา แต่พอพี่ชายของเขาหายตัวไปเขาก็ล้มเลิกเอาเสียดื้อ ๆ ทิ้งไว้แค่ความรู้สึกของเธอที่หยั่งลึกเข้ามาในหัวใจ
“ไม่เป็นไรนะ ถ้าเขารักเราจริงเขาไม่มีทางไปเป็นของคนอื่นหรอก แบบนี้เขาไม่ได้รักเรา...เดินหน้าต่อนะลูก แม่หาผู้ชายให้หนูได้เรื่อย ๆ เลย”
...ม่านฟ้าส่ายหน้า ตลอดชีวิตเธอติดแหง็กอยู่กับพาคินณ์ ไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเลยในชีวิตนี้ เธอรู้แค่ว่าจะต้องแต่งงานกับพี่ชายของเขาเพื่อไม่ให้เขาทำสำเร็จ แต่กลับเป็นเธอเองที่เสียใจ...
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ร่างหนารู้สึกตัวตื่น เขาขยับเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกหนักอึ้งที่หน้าแขนก่อนจะลืมตาขึ้นก็พบกับใบหน้าเล็กของอิงฟ้า เธอนอนหนุนแขนของเขาจนเหน็บกิน
ฝ่ามือหนาอีกข้างคว้าโทรศัพท์มาดู แอบแปลกใจที่มันเปิดอยู่ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเมื่อคิดว่าอิงฟ้าเล่นโทรศัพท์ของเขาแน่ ๆ แต่ตอนนี้ตนต้องรับโทรศัพท์ของน้องชายเสียก่อน
ติ๊ด!
[ฮัลโหล มากินข้าวที่บ้านด้วยนะ วันนี้วันหยุดไม่ต้องเข้าบริษัทนะ]
“ไม่ไป...”
[แม่รออยู่นะ เฮ้อ...พี่โตเกินกว่าจะมาน้อยใจอะไรอีกแล้วนะ พี่ก็รู้ว่าพ่อแม่กำลังเสียใจเรื่องพี่พาทิศอยู่ ขอร้องล่ะ...แค่มาเฉย ๆ ก็ได้ มาคุยเรื่องงานแต่งงานผมด้วย]
“อืม...สาย ๆ จะไป”
[อ่า ได้ ดีกว่าไม่มา] พาคินณ์กดตัดสายโทรศัพท์ เขาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ มองร่างเล็กของอิงฟ้าที่ขยับออกจากแขนของเขา
“ใครโทรมาเหรอคะ...” ริมฝีปากบางขมุบขมิบพูดโดยไม่ได้ลืมตาขึ้น
“ฉันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับโทรศัพท์ส่วนตัว” ชายหนุ่มว่าขึ้นพลางลุกไปคว้าเอาชุดคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวไว้ ซึ่งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของเขาทำให้อิงฟ้าไม่พอใจเช่นเดียวกัน
“หนูไม่รู้ว่าเราอยู่ในสถานะไหนกันแน่ หนูแค่หึงพี่ค่ะ” เธอว่าพร้อมกับกระโจมอกด้วยผ้าห่มเดินไปหาเขา พลางพูดเสียงออดอ้อน บางครั้งเธอก็แทนตัวเองว่าฉันบางครั้งก็หนู...อิงฟ้ารู้วิธีออดอ้อนผู้ชายดีที่สุด
“มันเร็วไปที่เธอจะมาหึงฉัน...”
“แต่...” อิงฟ้าเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอไม่อยากให้เขารำคาญ หญิงสาวรีบบีบน้ำตาในทันที “อึก...หนูขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ไม่พอใจ ทีหลังหนูจะไม่ทำอีก”
“...ฉันจะอาบน้ำ” เขาไม่ได้ตอบอะไรแค่เดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ร่างเล็กของเธอก็จุ้นจ้านมากเกินไป หญิงสาวเดินตามเขาเข้าไป โดยไม่ลืมปล่อยผ้าห่มลงพื้น
“หนูอาบน้ำให้นะคะ”
“ไม่ต้อง!!...ฉันไม่ได้สั่งเธอก็ไม่ต้องทำ” พาคินณ์หันขวับกลับมาตะคอกเสียงใส่เธอ ร่างเล็กสะดุ้งโหยงทันที อิงฟ้าเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องน้ำพลางกำฝ่ามือเข้าหากันแน่นด้วยความโกรธ อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นแน่ ๆ ที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดี...