บทที่ 2 คู่หมั้นชั่วคราว 1

1396 Words
สามเดือนผ่านไป หากย้อนเวลากลับไปได้พริมาคงหาทางเอาตัวรอดด้วยวิธีอื่น อาจบีบความเป็นชายของเขาแรงๆ ถึงขั้นน้ำตาเล็ดแล้วค่อยวิ่งหนีออกจากห้อง หรือไม่ก็ร้องขอความเห็นใจ ใช้มารยาหญิงบอกไปว่ายังไม่พร้อม แม้หัวใจของเธอจะเต้นโครมครามเพราะสัมผัสเร่าร้อนของเขาก็ตามที “น่าเบื่อ!” เธอเก็บเอกสารลงกระเป๋า เตรียมกลับไปที่คอนโดมิเนียมย่านใจกลางกรุงเทพฯ เผชิญหน้ากับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น เขาขอให้เธอพักที่เดียวกันแลกกับการไม่ป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าทั้งคู่อยู่ในสถานะที่มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง พริมาตกลงตามคำขอ แต่ไม่ลืมย้ำว่าหากเขาแตะต้องเธอโดยไม่เต็มใจอีก แหวนเพชรเม็ดงามจะไม่ได้ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย สัญญาที่ตกลงกันไว้เพราะจำนนด้วยหลักฐานนั่นก็เช่นกัน “คนบ้า! หยิบอะไรไม่หยิบ!” ปุณณ์ ทิวานันท์ ล่อลวงด้วยสัมผัสที่ทำให้เธอต้องเผลอใจ ปล่อยตัวให้เขาล่วงล้ำจนสั่นสะท้านทั่วร่าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดี แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขายอมออกจากห้องไปหลังจากแกล้งกัน ไม่ใช่คร่อมทับร่างเธออยู่ หรืออย่างน้อยในมือก็ไม่ควรถือเศษผ้าชิ้นเล็กสีหวาน แพนตี้สีชมพูของเธอ! “โรคจิต ฉวยโอกาส!” เจ้าของใบหน้าสวยเก๋ทำหน้าตาบูดบึ้งตลอดบ่าย เขาอีเมลแจ้งว่างานที่เชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้อยากกลับกรุงเทพฯ ไปนอนกอดคู่หมั้นให้หายคิดถึง หากเป็นได้ก็อยากจะทำมากกว่าแค่การกอด ใครจะให้คนหื่นมากอด ขืนปล่อยให้เขาถูกเนื้อต้องตัว พรหมจรรย์ที่รักษามาตลอดยี่สิบเจ็ดปีคงได้ถูกพรากภายในพริบตาเดียว แค่ปล่อยให้เขาแตะต้องไปในวันนั้น เธอยังโกรธตัวเองไม่หาย แม้จะอ้างว่าเพลียจนไม่มีแรงตอบโต้ แต่ลึกๆ ในใจเธอรู้ดีมากกว่านั้น พริมาปลื้มเขามานาน อาจเรียกได้ว่าชอบ เพราะคุณปุณณ์เป็นคนเก่ง ตัดสินใจเรื่องราวทุกอย่างเด็ดขาด ทำกำไรให้กับบริษัททรีพี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งได้นั่งตำแหน่งประธานบริษัทแทนคุณลุงปณัย ความดุดันของเขาก็ยิ่งชัดเจน ไม่มีคำว่าใจอ่อน ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นไปตามต้องการ หากเทียบกันในสามพี่น้องตระกูลทิวานันท์ ปุณณ์คือคนที่โหดที่สุดก็คงไม่ผิดนัก เขาอันตรายมาก โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ก่อนหน้านี้พริมาไม่สนใจเพราะชื่นชอบแค่เรื่องความสามารถ ไม่มองเรื่องส่วนตัว จนกระทั่งรู้ว่าเขาคือคนที่เมาแล้วเข้ามาจูบเธอเมื่อเก้าปีก่อน ตอนที่พักอยู่ในคฤหาสน์ทิวานันท์ เธอก็หมดศรัทธา ไม่นับถือผู้ชายนิสัยไม่ดีอีก เธออายุแค่สิบแปดปี เขาต้องเป็นผู้ชายประเภทไหนถึงลอบเข้าหาหญิงสาวที่อายุอ่อนกว่าตั้งสิบสองปี แถมไม่เปิดเผยตัวเอง ปล่อยให้เธอสับสนอยู่ตั้งนานว่าใครเป็นผู้ร้ายในค่ำคืนนั้น แต่รู้แล้วจะช่วยอะไรได้ เธอหนีเขาไม่พ้นอยู่แล้ว แม้จะอธิบายกับคุณลุงปณัยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่โจทย์ดันปากเสียยอมรับผิด ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ่งเจ้านายขอร้องให้ทดลองคบหากันก่อนเป็นเวลาหกเดือน พริมาก็ยิ่งกลัดกลุ้มจนแทบร้องไห้ “สวัสดีค่ะคุณปราชญ์” พริมาทักทายสายที่โทร.เข้ามาอย่างสุภาพ นับวันเจ้านายยิ่งทำตัวติดกับภรรยา ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีไปไหนอีก ทั้งๆ ที่สามเดือนก่อนหน้าทั้งคู่เพิ่งจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันไป “ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ พริมจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ รอแค่คุณปุณณ์เซ็นเอกสารก็ดำเนินการต่อได้เลย… ฝากทักทายคุณรินทร์ด้วยนะคะ” พริมายิ้มกว้างแม้ปลายสายจะมองไม่เห็น ทว่าหุบยิ้มทันทีที่นึกถึงคำของคนบ้า ที่กล่าวหาว่าเธอชอบเจ้านายตัวเองทั้งๆ ที่คิดแค่พี่ชายน้องสาว เนื่องจากปราชญ์อายุใกล้เคียงกับเธอมากที่สุด แม้จะห่างกันเกือบแปดปี แต่ก็ยังดีกว่าตาลุงแก่อย่างคุณปุณณ์ เธอโคลงศีรษะไล่ความคิดร้ายๆ เตรียมขับรถกลับที่พัก คุณปุณณ์ยืนยันว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมให้เธอลำบากเดินทางโดยรถไฟฟ้า เบียดเสียดกับมนุษย์เงินเดือน จึงยกรถหรูราคาแพงที่เพิ่งซื้อให้ใช้ ซึ่งเธอก็ขัดไม่ได้ เพราะคุณลุงปณัยและปราชญ์เห็นดีด้วยกับเรื่องนี้อย่างมาก สองพ่อลูกไม่รู้ว่าคุณปุณณ์ร้ายกาจกว่าที่คิด! คนเจ้าเล่ห์กระซิบว่าเนื้อตัวหอมๆ ของเธอ เขาเบียดและสัมผัสได้แค่คนเดียว ไม่ลืมบอกด้วยว่าถ้าวันไหนอยากก็ไม่ต้องอายที่จะร้องขอ เพราะเขายินดีและเต็มใจที่จะบรรเทาความปรารถนาทางธรรมชาติ หากเป็นผู้ชายคนอื่นกล่าวกับเธอเช่นนี้ พริมาคงตวาดเสียงดังใส่ไปแล้ว แต่นี่เขาคือลูกชายของผู้มีพระคุณ ครองตำแหน่งประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่กำลังจะเปิดตัวโปรเจกต์ใหญ่ในประเทศไทย หลังจากหายไปตีตลาดที่ต่างประเทศนานหลายปี เธอจึงทำได้เพียงวางท่าเคร่งขรึมให้สมกับเป็นมืออาชีพที่ทำงานให้กับตระกูลทิวานันท์มานาน “คราวนี้คุณปุณณ์จะอยู่กรุงเทพกี่วันนะ” พริมาพึมพำพลางมองคอนโดมิเนียมหรูสูงเสียดฟ้า ก่อนเลี้ยวเข้าไปยังลานจอดรถ นึกถึงคู่หมั้นปากร้ายที่คงจะกลับมากวนใจในวันพรุ่งนี้ หากเจอกันหลังเลิกงาน เธอไม่อยากคิดเลยจริงๆ ว่าเขาจะเย้าแหย่เธออย่างไรบ้าง แต่ถ้าเขาแวะที่บริษัทก่อนทุกอย่างคงดีไม่น้อย คุณปุณณ์ไม่เคยล้อเล่นกับเธอในที่ทำงาน เขาจริงจังกับทุกอย่างเสมอ แยกแยะได้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ มีเพียงรอยยิ้มแต้มมุมปากและดวงตาเจ้าชู้คู่นั้นที่ทำให้พริมารู้ได้ว่าเขาพร้อมที่จะขย้ำเธอทันทีที่เลิกงาน หรือไม่ก็ทุกครั้งที่อยู่ตามลำพัง โชคดีที่พักหลังเขางานยุ่งและต้องเดินทางบ่อย เพราะไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ชายหนุ่มสั่งปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างโดยไม่รอความเห็นจากน้องชายอย่างปราชญ์ แรกๆ เธอก็ทักท้วงเจ้านายว่าควรขัดอะไรบ้าง แต่กลับได้คำตอบที่สุดท้ายเธอก็อดเห็นด้วยไม่ได้จริงๆ ‘พี่ปุณณ์ดูสบายๆ ก็จริง แต่ทำงานละเอียดมาก ผมเลยไม่อยากขัดหากเขาคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร พริมทำงานใกล้ชิดสักเดือนสองเดือนเดี๋ยวก็เข้าใจเองว่าทำไมผมถึงยอมให้สิทธิ์ขาดทุกอย่าง’ พริมาเข้าใจตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ได้ร่วมงานใกล้ชิด คุณปุณณ์เป็นคนเชือดนิ่ม สายตาเขายามกดดันบอร์ดบริหารหรือทีมต่างๆ ทำให้เธอต้องลอบกลืนน้ำลาย มาดนักธุรกิจเคร่งขรึมทำให้ผู้คนเกรงใจ พูดอะไรไปก็ไม่ค่อยกล้าขัด แต่กระนั้นเขาก็ยังบังคับให้ทุกคนออกความเห็นตามจริงเพื่อให้ได้ผลงานที่ออกมายอดเยี่ยมที่สุด หากเขาทำตัวน่านับถือตลอดเวลาคงจะดี พริมากดรหัสเข้าห้องพักอย่างเฉื่อยชา วันนี้เธอเหนื่อยและปวดตึงทั่วร่าง ตั้งใจว่าหลังจากอาบน้ำแล้วจะออกไปนวดคลายเส้น เตรียมรับศึกหนักที่ต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้ ทว่าเสี้ยววินาทีแรกหลังปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้องรับแขก เธอก็กรีดร้องออกมาเบาๆ ปล่อยของในมือร่วงกระจาย เพราะเจ้าของร่างสูงสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายที่กำลังยืนรินไวน์ให้อยู่ไม่ไกลนัก “น้องพริมคนสวยของพี่กลับมาแล้ว” ปุณณ์คลี่ยิ้มกระชากใจอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนวางแก้วไวน์และเดินตรงไปช่วยคู่หมั้นคนสวยจัดการเก็บของที่หล่นอยู่บนพื้นอย่างมีน้ำใจ น้ำใจที่หวังผลตอบแทน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD