ความเงียบสงบในยามค่ำคืนทำให้เจ้าของร่างบางอดอ้าปากหาวไม่ได้ หลังจากเร่งทำธุระสำคัญของเจ้านาย บินไปยุโรปและกลับมาทันทีที่แจ้งข่าวเรียบร้อย เรี่ยวแรงของเธอก็แทบไม่เหลือ แต่กระนั้นดวงหน้าสวยเก๋ก็ยังปรากฏรอยยิ้มแต้มมุมปาก เมื่อตระหนักได้ว่าปัญหาครอบครัวของเจ้านายกึ่งพี่ชายใกล้จะคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว
พริมา ลีวัฒนา ลูบต้นแขนของตัวเองเบาๆ เมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศ หลังจากแจ้งข่าวดีว่าท่านประธานหรือคุณลุงปณัยกำลังจะมีหลานสาว ท่านก็ตัดสินใจเดินทางกลับสิงคโปร์ทันที
ความเหนื่อยล้าที่ฉายชัดบนใบหน้าทำให้ผู้สูงวัยออกคำสั่งแกมบังคับ ให้เธอนอนที่คฤหาสน์หลังโตแทนการเดินทางกลับคอนโดมิเนียม แม้ในใจอยากปฏิเสธเพราะเคยเกิดเรื่องสะเทือนใจที่นี่ แต่ความอ่อนเพลียกลับเอาชนะ ทำให้เธอยอมเข้าพักในห้องที่เคยอยู่เมื่อสมัยยังเป็นวัยรุ่น
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
พริมาบ่นกับตัวเอง มือเรียวซับหยดน้ำที่ยังอยู่บนเรือนร่าง เตรียมสวมชุดนอนที่วางไว้บนเตียง ดวงตากลมโตกวาดมองโดยรอบเพื่อระลึกความหลัง เธออยู่ที่นี่ชั่วคราวหลังจากสูญเสียบิดาและมารดา ก่อนย้ายไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ เรียนจบแล้วจึงกลับมาทำงานให้กับลูกชายคนเล็กของตระกูลทิวานันท์
เธอสวมชุดนอนแบบกระโปรง ปิดสวิตช์ไฟและเอนร่างลงบนเตียงกว้าง พรุ่งนี้วันอาทิตย์คงมีเวลาได้พักผ่อนบ้าง แล้ววันจันทร์ค่อยเริ่มงานใหม่ ไม่ใช่งานหนักอะไร แค่จัดการเอกสารสำคัญ ก่อนย้ายตามเจ้านายไปยังกรุงเทพฯ เพราะทางนั้นเริ่มโปรเจกต์ใหม่ได้สักพักแล้ว
“ปวดหัวจริง” พริมาได้รับสิทธิ์จากเจ้านายให้ออกตั๋วเดินทางในชั้นธุรกิจ นั่งห่างจากท่านประธานที่โดยสารชั้นหนึ่งไม่กี่ก้าว แต่กลับไม่ได้พักผ่อนเพราะกังวลว่าชายชราจะรู้สึกไม่สบายตัว เธอเดินไปสอบถามอยู่เรื่อยๆ แม้จะมีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคอยดูแล หลานนอกไส้อย่างเธอก็ยังเป็นห่วงมากอยู่ดี
พริมานอนคู้ตัวกอดผ้าห่มแน่นเพราะรู้สึกหนาว จำไม่ได้แล้วว่าวางรีโมตแอร์ไว้ตรงไหนและเธอก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเปิดไฟหามัน จึงได้แต่ทนนอนอยู่อย่างนั้นจนผล็อยหลับไป ไม่ได้รู้ตัวว่าเพียงสิบนาทีให้หลัง ห้องนอนชั่วคราวของเธอก็มีแขกไม่ได้รับเชิญถือวิสาสะเดินเข้ามา
“อืม… ตรงนั้นแหละ” พริมาครางอย่างรู้สึกดี เมื่อต้นแขนถูกบีบรัดเบาๆ คิดไปว่าตัวเองกำลังฝันถึงหมอนวดแผนโบราณ หากย้ายไปอยู่ประเทศไทยเมื่อไหร่ เธอคงได้ใช้บริการแบบจุใจแน่ๆ
ช่วยไม่ได้… คนมันงานหนักนี่นา
สาวสวยในวัยยี่สิบเจ็ดปีรู้สึกดีเพราะแรงนวดได้เพียงชั่วครู่ เธอก็พลันนิ่วหน้าอย่างนึกสงสัย เพราะหมอนวดในฝันเลื่อนมือมาบีบสองเต้าเต็มแรง พร้อมกับเสียงแหบต่ำที่บอกชัดว่าเธอไม่ได้กำลังฝันแต่อย่างใด
“ใหญ่อย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย” เขาหมายถึงหน้าอกของเธอไม่ผิดแน่
“ช่วยด้วย…”
พริมาหวีดร้องเสียงหลง ทว่าผู้บุกรุกกลับประกบปากปิดเสียงหวาน ทาบทับร่างสูงใหญ่จนเธอดิ้นหนีออกจากวงแขนของเขาไม่ได้ ท่อนขาแข็งแรงตรึงร่างของเธอไว้แน่น มือเล็กๆ ที่ทุบตีไม่ได้ทำให้แผงอกกว้างสะเทือน แต่ถึงอย่างนั้นพริมาก็ไม่ได้ละความพยายาม ยังคงดีดดิ้นต่อไปเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมง่ายๆ เขาจึงตรึงศีรษะไว้แน่น เชิดใบหน้าสวยขึ้นเล็กน้อยเพื่อสอดลิ้นจูบอย่างหื่นกระหาย กลิ่นแอลกอฮอล์และน้ำหอมทำให้เธอวิงเวียน และเริ่มจำได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเองถูกล่วงเกินอย่างหยาบคาย
เมื่อเก้าปีก่อน… ผู้ชายคนนี้เคยเข้าหาเธอ
จูบเร่าร้อนและมือหนาที่สัมผัสทั่วร่างทำให้พริมารู้สึกดีจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายตอบสนองตามความต้องการทางธรรมชาติ ทว่าแรงกัดบนหัวไหล่ทำให้เธอได้สติ เริ่มนึกได้ว่าควรปฏิเสธให้เด็ดขาด ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนระทวยไปกับสัมผัสอันตรายแบบนี้
กลิ่นน้ำหอมยังคงเป็นกลิ่นเดิม กลิ่นเหล้าราคาแพงนั่นก็เช่นกัน ยังไม่รวมถึงเรื่องที่เขาอาศัยความมืดเพื่อปิดบังตัวตนไม่ให้เธอจับได้ ว่าเขาคือทิวานันท์คนไหนกันแน่
คิดสิ… คิด!
“ปล่อย…” พริมาครวญเสียงต่ำ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมไม่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ปล่อยให้มือหนาสัมผัสบั้นท้ายและบีบเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บเบาๆ
“ก้นแน่นมากเลยพริม” เขากระซิบเสียงพร่าก่อนขบเม้มใบหูเล็ก ไม่ต่างจากสัมผัสในอดีตที่แจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
เธอมั่นใจแล้วว่าไม่ใช่เจ้านายอย่างปราชญ์ เพราะรายนั้นตั้งหน้าตั้งตาเอาใจสาวสวยที่ตั้งท้องได้ราวห้าเดือนอยู่ที่กรุงเทพฯ รวมถึงไม่ใช่ปริญญ์ที่ตอนนี้กำลังดูแลภรรยาที่ตั้งครรภ์ลูกชายคนที่สาม สุดท้ายจึงเหลือผู้ต้องสงสัยแค่เพียงคนเดียว
“คุณปุณณ์ ปล่อยพริมนะคะ” เธอขอร้องเขาเสียงสั่น หากยังไม่หยุดคงต้องตะโกนแล้ว
“ไม่ปล่อย เธอน่ากินจะตาย” เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองคือใคร รีบสอดลิ้นจูบเธออีกครั้ง ก่อนเกี่ยวนิ้วเข้ากับขอบแพนตี้และรูดออกจากขาเรียวสวยอย่างรวดเร็ว พริมาทราบในทันทีว่าเขาไม่ได้คิดทำแค่จูบเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา
“อื๊อ” เธอต่อต้านเสน่ห์ของเขาสุดกำลัง แต่แรงผลักกลับเบาราวกับคำเชื้อเชิญให้ถูกล่วงล้ำรุนแรงยิ่งขึ้น เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดหรือปฏิเสธ เร่งบดนิ้วหนาลงบนกลางกาย วนเวียนหยอกเย้าจนหน้าท้องแบนราบหดเกร็ง ปลายเท้าจิกผ้าปูที่นอนยับย่น
พริมาอยากกรีดร้องออกมาดังๆ แต่เขากลับไม่ยอมให้อิสระกับริมฝีปากเล็กของเธอ จึงทำได้เพียงส่งเสียงอืออาอยู่อย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายร่างบางก็กระตุกเกร็ง ก้าวเข้าสู่ปลายทางแห่งความสุขที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากทายาทอันดับหนึ่งของตระกูลทิวานันท์
“เสร็จแรงจังเลยพริม” เขาถอนริมฝีปากออกไปแล้ว พริมาจึงได้เห็นดวงตาคมเข้มทอประกายวาววับท่ามกลางความมืด และเมื่อเขาสอดนิ้วพรวดเข้ามา เธอจึงได้สติและกรีดร้องเสียงดัง
“ปล่อย! ปล่อยพริม!”
“อะไรกัน เมื่อกี้ยังครางอืออาอยู่เลย” เขาหัวเราะชอบใจ รีบคลานเข้าหาพริมาที่กำลังกระถดตัวหนีอย่างตื่นกลัวเพราะสติกลับคืนมาเต็มร้อยแล้ว
“หยุดนะคะคุณปุณณ์ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” พริมาพลิกตัวหนี ก่อนเปิดสวิตช์โคมไฟข้างเตียง เธอกลืนน้ำลายเมื่อเห็นว่าเขาคือลูกชายคนโตของท่านประธานจริงๆ
ไม่สิ… คุณปุณณ์คือท่านประธานคนปัจจุบัน