ตอนที่ 3 แรงแค้น 1.3

1724 Words
สองร่างเปลือยเปล่านอนแผ่หราอยู่บนเตียงนอน ทั่วร่างชุ่มโฉกไปด้วยหยาดเหงื่อที่เกาะพราวไปทั่วกายและเสียงหอบหายใจรวยรินของทั้งสอง หากแต่แฝงเร้นไปด้วยความอิ่มเอมในบทรักที่ได้รับ “ท่านพี่ยอดเยี่ยมมากเลยเจ้าค่ะ ข้ามีความสุขมากที่สุด”นางบอกด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เสิ่นอี้หันกลับไปมองใบหน้างามของหญิงคนรักที่เขาตัดสินใจแล้วว่า จะพากลับต้าฉู่เพื่อไปเยือนจวนตระกูลเสิ่น อันเป็นจวนของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าฉู่ ซึ่งมีอำนาจและบารมีมากที่สุดในแคว้นก่อนจะตัดสินใจบอกบางอย่างกับนาง “เจินเอ๋อ อีกสามวันข้างหน้าข้าจะพาเจ้ากลับไปยังต้าฉู่ เพื่อบอกพี่ชายของข้าและบรรดาญาติมิตรทุกคน ว่าข้าจะจัดพิธีแต่งงานกับเจ้าให้มาเป็นฮูหยินเอกของข้า เจ้าจะเป็นฮูหยินของข้าเพียงผู้เดียวและตลอดไปเท่านั้น ข้าให้สัญญา”กล่าวพร้อมเอื้อมมือกอบกุมมือนางขึ้นมาไว้ก่อนจะประทับจุมพิตลงบนหลังมือหนักๆ พรึบ! เปลือกตาที่ปิดอยู่พลันเปิดขึ้นครั้นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้างามเครียดขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไร้สิ้นความยินดีกับสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย ก่อนจะตอบอีกฝ่ายกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ท่านไม่ใช่บุรุษที่ข้าพึงใจจะใช้ชีวิตอีกครึ่งที่เหลืออยู่ด้วย เป้าหมายของข้ายิ่งใหญ่มากกว่านั้นยิ่งนัก หากข้าจะต้องออกเรือน บุรุษที่จะเคียงข้างกายข้าผู้นั้นจะต้องยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากล้นจนทั่วทั้งแผ่นดินต่างกลัวเกรง หาใช่ชาวยุทธ์ภพที่ไร้ชื่อลือนามเช่นท่านแต่อย่างใด”กล่าวพร้อมดึงมือของนางออกจากการเกาะกุมเอาไว้ทันใด ท่ามกลางอาการตกตะลึงของอีกฝ่าย ด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดที่แสนเชือดเฉือนหัวใจและเต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นนั้น ว่าจะหลุดออกมาจากปากของสตรีที่เขารักและทุ่มเทให้แก่นางมาโดยตลอด “นะ..นี่เจ้า..ไม่ได้รักข้าอย่างนั้นเหรอ หากไม่มีความรู้สึกต่อกัน เหตุใดเจ้าจึงยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับข้าด้วยเล่า”เสิ่นอี้ลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงถามกลับไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดใจอย่างยิ่งยวด “ก็เพื่อปลดปล่อย!”นางตอบสวนกลับไปโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย “เพื่อปลดปล่อยอย่างนั้นเหรอ!!!”เสิ่นอี้ถามเสียงเข้มขึ้นมาทันที “ใช่! ท่านได้ยินไม่ผิดหรอก แต่ข้ายอมรับว่าได้อุ่นเตียงกับท่านช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้ามีความสุขอย่างที่สุดแต่ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เป้าหมายของข้าที่ต้องการ”นางพูดพลางลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างรวดเร็วทั้งที่กายยังเปลือยเปล่าอยู่เช่นนั้น “ข้าไม่เหมาะที่จะเป็นฮูหยินของท่านแม้แต่น้อย จงลืมข้าเสียเถอะเสิ่นอี้เพราะท่านไม่ใช่บุรุษที่ข้าต้องการ และอีกอย่างข้าจะไม่อยู่ที่กระท่อมหลังนี้แล้ว หวังว่าท่านจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้ดี ข้ายกให้เป็นที่อยู่ของท่านเพื่อได้ใช้ชีวิตที่ไร้ค่าเช่นนี้ต่อไป”กล่าวพร้อมแสยะยิ้มเหยียดที่มุมปากพร้อมหันกายเดินออกไปจากห้องนอนโดยไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้มกายแม้แต่น้อย พรึบ!!! ภาพแต่หนหลังดับวูบลงพร้อมสติของเสิ่นอี้หวนคืนกลับมาดั่งเดิม “จุดจบของพี่ใหญ่และหลัวฟูเหรินช่างตรงกับเรื่องราวที่หญิงแพศยาผู้นั้นเคยเล่าให้ข้าฟังยิ่งนัก นิทานและเรื่องเล่าเช่นนี้มีแพร่หลายให้ผู้อื่นได้ล่วงรู้หรือนี่ เพราะหากจะว่าไปแล้วเรื่องที่นางเล่าเป็นแผนการฆ่าคน และทำลายศัตรูเสียมากกว่า”เสิ่นอี้ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ พลางเงยหน้าขึ้นมองบ่าวจากจวนตระกูลหยวนที่ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งคน “แล้วเจ้า! ล่วงรู้สิ่งใดที่เป็นความลับมาบอกให้แก่ข้าฟัง หากไม่เป็นประโยชน์แก่ข้าแล้วละก็ ดูท่าเจ้าจะไม่ได้ยาแก้พิษสลายกระดูกหรอกนะ”สิ้นเสียงของเสิ่นอี้ “สะ..สิ่งที่ขะ..ข้าน้อย...ล่วงรู้มาเป็นความลับสุดยอดของมี่ฟูเหรินขอรับ สาเหตุที่ข้ารู้นั่นก็เพราะบังเอิญไปได้ยินนางกำนัลคนสนิทของมี่ฟูเหรินกำลังปรับทุกข์กันอยู่ ว่ามี่ฟูเหรินมีอาการคลุ้มคลั่งทุกครั้งที่ฝ่าบาทเสด็จกลับออกจากพระตำหนัก พระนางต้องแช่น้ำอยู่นานเพื่อดับแรงกำหนัดที่มากล้นให้หมดสิ้นไป นางกำนัลคนสนิทบอกว่ามี่ฟูเหรินมีแรงกำหนัดมากล้นผิดปกติ ฝ่าบาททรงให้ไม่ได้ด้วยเพราะอายุที่มากแล้วขอรับ” ดวงตาสีนิลคมกล้าฉายวาวโรจน์ขึ้นมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น “มี่ฟูเหรินมีแรงกำหนัดมากล้นจนผิดปกติอย่างนั้นเหรอ”จอมยุทธ์หน้าหยกกล่าวพึมพำ พร้อมเสียงของบ่าวคนดังกล่าวเอ่ยขึ้น “ขะ...ข้าน้อย..ได้ยินนางกำนัลคนสนิทผู้นั้นบอกว่า มี่ฟูเหรินจะออกจากวังหลวงทุกเจ็ดวันเพื่อเดินทางกลับจวนตระกูลมี่ และจะพำนักอยู่ที่จวนสามถึงห้าวันจึงจะกลับเข้าวังหลวง แต่ในความเป็นจริงแล้วหาได้กลับจวนแต่อย่างใด สาเหตุที่นางล่วงรู้ก็เพราะว่าฉู่อ๋องมีรับสั่งให้กลับเข้าวังหลวงก่อนกำหนด ในขณะที่ทางจวนตระกูลมี่บอกว่ามาเยี่ยมและจากไปภายในระยะเวลาอันรวดเร็วขอรับ”สิ้นเสียงของบ่าวคนดังกล่าว “อย่างนั้นเหรอ...ดูท่ามี่ฟูเหรินกำลังเสาะแสวงหาความสำราญส่วนตัวเป็นแน่...หึหึหึหึ”เสิ่นอี้กล่าวพึมพำก่อนจะเอ่ยถามกลับไปอีกครั้ง “แล้วนางยังคงออกนอกวังอยู่เช่นเดิมหรือไม่” บ่าวคนดังกล่าวรีบส่ายหน้าไปมาติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยล่วงรู้มาว่า มี่ฟูเหรินไม่ได้ออกนอกวังมาประมาณห้าเดือนแล้วขอรับ แต่แอบได้ยินนางกำนัลพูดว่าอีกไม่นานมี่ฟูเหรินมีกำหนดที่จะเดินทางกลับจวนตระกูลมี่และพำนักอยู่นานเลยทีเดียว เพื่อเตรียมงานฉลองพิธีครบรอบวันพระราชสมภพปีที่ 49 ของฉู่อ๋องที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า ตอนนี้อำนาจในวังหลังทั้งหมดภายหลังจากหลัวฟูเหรินถูกประหาร ได้ตกมาอยู่ในมือของมี่ฟูเหรินแล้วขอรับ” คำตอบดังกล่าวสร้างความพึงพอใจให้แก่จอมยุทธ์หน้าหยกอย่างยิ่งยวด ครั้นได้ยินเช่นนั้น “มี่ฟูเหรินวางแผนกำจัดศัตรูเพื่อให้นางก้าวขึ้นมามีอำนาจสูงสุดควบคุมวังหลัง ชีวิตพี่ใหญ่ของข้าและญาติพี่น้องรวมไปถึงบ่าวไพร่นับหลายร้อยชีวิต รวมไปถึงชีวิตของตระกูลหลัวรวมแล้วนับพันต้องมาสังเวยเพราะการกระทำของหญิงชั่วผู้นี้ แต่เจ้าจะไม่มีวันได้อยู่เสวยสุขได้นานหรอกมี่ฟูเหรินเพราะตระกูลเสิ่นยังหลงเหลือข้าอีกหนึ่งชีวิต ที่จะเป็นคนทำให้เจ้าและคนที่สบคบคิดร่วมกันได้รับการสนองคืนอย่างสาสมเลยทีเดียว”เสิ่นอี้คิดในใจ ดวงตาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตและแรงแค้นอย่างยิ่งยวดกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการประหารล้างตระกูลเสิ่นและตระกูลหลัวในครั้งนี้ ดวงตาทอดมองไปยังร่างบ่าวทั้งสองจากตระกูลหยวน ด้วยแววตาที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาว่าในเวลานี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขอบใจเจ้าสองคนที่เล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง และนี่คือรางวัล”กล่าวพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบขวดยาอีกมาวางไว้ตรงหน้าเพิ่มอีกหนึ่งขวดตั้งวางเคียงคู่ “ยาถอนพิษของเจ้าทั้งสองคน รีบดื่มเสียสิใกล้เวลาที่พิษจะกำเริบแล้ว ขืนชักช้าจะถอนพิษในกายไม่ทัน”กล่าวพลางยกขวดเหล้าเทใส่เข้าไปในปากดื่มรวดเดียวจนหมดขวดเลยทีเดียว ในขณะที่บ่าวจากตระกูลหยวนต่างยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ได้ยาถอนพิษ ต่างรีบตรงเข้าคว้าขวดยายกขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดขวดอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยขอบคุณนายท่านที่มอบยาถอนพิษ หาไม่แล้วคะ..คง..คะ”เสียงพูดเริ่มขาดห้วงไปอย่างไม่รู้สาเหตุ ตุบ! ตุบ! ขวดยาร่วงหล่นตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว บ่าวจากตระกูลหยวนทั้งสองต่างยกมือของตัวเองจับเข้าที่บริเวณลำคอ เลือดเริ่มไหลออกจากขอบตาทั้งสองข้าง รูจมูก รูหู ทางปาก ทวารทั้งเจ็ดถูกทำลายและเปิดออกจนหมดสิ้นในเวลานี้ โครม! โครม! ร่างของบ่าวทั้งสองล้มลงฟาดไปกับพื้นห้อง นอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสยิ่งนัก ท่ามกลางสายตาของจอมยุทธ์หน้าหยกที่กำลังนั่งยกขวดเหล้าขึ้นดื่มอย่างไม่รู้สึกอะไรเลย “ทะ..ทะ...ทำ...ทำ...ไม”เสียงของบ่าวหนึ่งในนั้นถามออกมาเสียงกระท่อนกระแท่น ก่อนจะค่อยๆ เงียบเสียงลงไปเองอย่างช้าๆ พร้อมความเงียบงันเริ่มแผ่เข้ามาปคลุมโดยรอบ ร่างสูงองอาจลุกขึ้นจากตั่งมายืนเต็มความสูง ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ร่างอันไร้วิญญาณของบ่าวจากตระกูลหยวนที่ถูกพิษร้ายจากขวดยาที่ถูกหลอกให้เข้าใจว่าเป็นยาแก้พิษ เพื่อให้ทั้งสองดื่มเข้าไปปิดปากผู้ที่ได้พบเห็นลักษณะเด่นของเสิ่นอี้ “รางวัลของพวกเจ้าก็คือความตายที่ข้ามอบให้ ขอบใจที่ทำให้ข้าล่วงรู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังทั้งหมด”กล่าวพร้อมก้าวข้ามร่างไร้วิญญาณ ออกไปจากห้องดังกล่าวอย่างรวดเร็วพร้อมปิดประตูสนิทเอาไว้ดั่งเดิมเสมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD