ตอนที่ 10

1468 Words
ตอนที่ 10 “หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง” หญิงสาวตบใบหน้าใหญ่เบาๆ ก่อนจะเดินไปใกล้แอ่งน้ำ เรามาดูกันดีกว่าคุณฮัมดีน คุณจะทนกับการยั่วยวนของปั้นหยาได้ไหม ความอายที่เคยมีไม่มีเหลืออยู่แล้ว ในตอนนี้ปัณฑารีย์มีแต่ความโกรธเกรี้ยวและเจ็บแค้นและต้องการเอาชนะฮัมดีน ลบเอาคำดูถูกเหยียดหยามที่ได้รับ ทำให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเริ่มต้นเข้าหาเธอก่อน ทำให้เธอร้อนเป็นไฟพิศวาสในทุกค่ำคืนที่เดินทางด้วยกัน จนกว่าจะถึงบ้านของเขาแล้วเธอก็จะทำให้เขาได้รับโทษที่กล้าล่วงเกินผู้หญิงที่เป็นเครื่องบรรณาการอย่างเธอ ปัณฑารีย์หันหน้าไปทางกายใหญ่ที่ยังคงยืนตัวงอ ใบหน้าเขียวสลับแดงด้วยโทสะและเจ็บปวด ใบหน้านวลมีรอยยิ้มหวานเชื่อมกับดวงตาเชิญชวน ปัณฑารีย์ปลดชุดเดินทางออกจากกายวางลงบนพื้นไม่ไกลจากแอ่งน้ำเท่าไหร่ แล้วก็ตามไปด้วยชั้นในชิ้นเล็กอีกชิ้นจากส่วนบนของร่างกาย ความเย็นของอากาศทำให้กายเล็กสั่นสะท้าน เส้นขนตามลำตัวและผลทับทิมตั้งชูชัน “ว่าไงคุณฮัมดีนขา ปั้นหยาสวยไหมคะ” สองมือเรียวยกขึ้นเท้าสะเอวเล็กคอด ขาเรียวยาวข้างหนึ่งยื่นไปด้านหน้าไขว้ไว้กับขาอีกข้าง โพสท่าเหมือนกับนางงามยามอยู่บนเวทีประกวดที่เธอเคยเห็นตามทีวี ปกติร่างเล็กบางก็น่าหลงใหลอยู่แล้ว แต่มาในค่ำคืนนี้ แสงจากกองไฟที่ฮัมดีนจุดไว้ส่องประกายสลัวๆ ยิ่งทำให้ร่างบางน่าหลงใหลและปรารถนามากยิ่งขึ้น กายใหญ่ปวดร้าวจากทั้งเข่าเล็กและปวดร้าวจากความปรารถนาเพราะกายหญิง มือใหญ่กำหมัดไว้แน่น พลางสบถออกมาไม่เป็นภาษา ฮัมดีนเข้าไปหาคนที่ยืนเต้นระบำหน้าท้องอยู่อย่างรวดเร็ว เขาหยิบเอาเสื้อผ้าที่กองอยู่มาพร้อมกับกระชากเอาร่างบางเข้ามาใกล้ “ใส่ให้เรียบร้อย” ฮัมดีนพูดเสียงครัดเครียด มือก็จับเอาเสื้อผ้าที่หยิบมาเมื่อครู่วางบนมือเล็ก แต่ปัณฑารีย์กลับปล่อยให้มันตกลงไปด้านล่าง เธอจับมือใหญ่มาวางบนปทุมถันอวบอิ่ม กดคลึงลงไปเหมือนกับที่ชายหนุ่มเคยทำกับเธอ ฮัมดีนรีบดึงมือออกราวกับโดนถ่านร้อนๆ “เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะปั้นหยา เพี้ยนจนถึงขั้นบ้าไปแล้วหรือไง” “ปั้นหยาไม่ได้บ้าหรือเพี้ยนหรอกค่ะ แค่อยากจะลองอะไรดูสักหน่อย แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่คิดไว้เลย” เธอนั่งลงบนลำขาเรียว มือก็ตักเอาน้ำในแอ่งมาลูบเนื้อล้างตัว แล้วก็พูดไปอย่างที่ใจคิด อย่างที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนฟัง “คุณฮัมดีนไม่ต้องการให้ปั้นหยาไปเป็นแม่เลี้ยง เลยพยายามทำทุกอย่าง เพื่อทำร้ายและทำลายปั้นหยา ดูถูกเหยียดหยามทั้งคำพูดและการกระทำ” น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและค่อยๆ ไหลอาบแก้ม ทั้งเจ็บและอายกับพฤติกรรมที่ตัวเองทำส่วนหนึ่งเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ ความเย็นจากน้ำในแอ่งที่เธอตักขึ้นเช็ดตามใบหน้าและลำตัวยังเย็นไม่เท่ากับความเย็นภายในร่างกายและหัวใจที่มันเต้นอยู่อย่างอ่อนล้า เพราะการกระทำของตัวเองและคนที่รอฟังว่าเธอจะพูดอะไร “คุณโยนเรื่องทุกอย่างให้เป็นความผิดของปั้นหยา ทำให้ปั้นหยารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการของใคร” มือเล็กเอื้อมไปหยิบผ้าชิ้นหนามาปกคลุมกาย แต่ยังเลือกที่จะให้มันดูวับๆ แวมๆ และน่าปรารถนาเป็นสุด ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด “เธอจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาปั้นหยา ในเมื่อตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องพาเธอไปส่งให้พ่อฉัน ในเวลาที่กำหนดอยู่ดี” ฮัมดีนกัดฟันถาม ความเจ็บปวดจากเข่าของปัณฑารีย์ได้จางหายไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลืองเพียงแค่ความเจ็บปวดและทรมานที่ต้องอดทนกับความต้องการของร่างกาย ที่เขาทำอย่างใจไม่ได้ ต้องท่องไว้ทุกลมหายใจเข้าและออกว่า ผู้หญิงตรงหน้าคือผู้หญิงของพ่อ เขาไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายหรือทำลายมากกว่าที่เคยทำมาแล้ว “เปล่าหรอกค่ะ” ปัณฑารีย์ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากพูดไปในสิ่งที่เธอเองก็อายตัวเองเหมือนกัน แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา เธอก็คิดว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม “เพียงแต่ปั้นหยาคิดว่า ปั้นหยาไม่น่าจะมองคนผิดเลย ตอนแรกเห็นคุณฮัมดีนดูแบบว่าแข็งๆ กร้าวๆ ปากเสียปากจัดและกล้าไปเสียทุกอย่าง แต่พอมาถึงตอนนี้ เฮ้อ...” ปัณฑารีย์ถอนหายใจเบาๆ และยิ้มเยาะเย้ยให้ชายหนุ่มที่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ไม่ไกล “อะไรปั้นหยา” “ก็...พวกดีแต่ปาก แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เรื่อง” “ปั้นหยา!” ฮัมดีนกัดฟันเรียกชื่อปัณฑารีย์ด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าต้องกัดฟันเรียกอย่างที่สุด ปัณฑารีย์ยิ้ม ดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อม เมื่อเห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังจะหมดความอดทนแล้ว เธอต้องยอมเจ็บตัวอีกนิด หาคำพูดแรงๆ อีกหน่อย ประเดี๋ยวทุกอย่างก็จะเป็นไปตามความต้องการเอง “ขา...คุณฮัมดีนต้องการอะไรจากปั้นหยาอีกหรือคะ” หญิงสาวก้าวเดินไปหาร่างหนา เธอยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนใจ จับเอามือใหญ่มาวางบนเรือนกายแทน “ว่าไงคะคุณว่าที่ลูกเลี้ยงขา ต้องการให้ว่าที่แม่เลี้ยงคนนี้ทำอะไรคะ” “ปั้นหยา!” ฮัมดีนร้องเรียกเสียงแหบห้าว ความอดทนที่มีหมดไปเมื่อได้กลิ่นหอมจากเนื้อนางที่เข้ามาแนบชิด คำพูดที่พยายามตอกย้ำว่าหญิงสาวคือผู้หญิงของพ่อ เลือนหายไปกับริมฝีปากหนาที่ประทับลงไปบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม ฮัมดีนบดเบียดขบเม้มเรียวปากอิ่ม ลิ้นลากไล้ไปตามเรียวปากนุ่ม ก่อนจะแทรกเข้าไปชิมรสความหวานภายในโพรงปากนุ่มอย่างเชื่องช้า ลิ้นร้อนซอกซอนไปตามไรฟัน กระพุ้งแก้มก่อนจะเกาะเกี่ยวกับลิ้นเล็ก แขนเรียวโอบรอบคอแกร่ง อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่อย่างหนึ่งที่ปัณฑารีย์คิดไว้ก็คือ เธอก็กำหนดอนาคตด้วยการเลือกผู้ชายที่จะใกล้ชิดด้วยดีกว่าที่จะเป็นฝ่ายถูกเลือกจากใครก็ไม่รู้ คนที่เธอไม่เคยได้ยินชื่อและเห็นหน้าค่าตา กายแกร่งโน้มตัวไปเล็กน้อย ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นจากพื้น นำหญิงสาวเดินไปใกล้กองไฟทั้งที่ยังไม่ถอนริมฝีปาก ฮัมดีนวางร่างบางลงบนฟูกผ้าที่เขาจัดทำไว้เพื่อให้หญิงสาวนอนในค่ำคืนนี้อย่างแผ่วเบา มือใหญ่ลูบไล้ไปบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม ใบหน้าคมก้มลงไปจุมพิตทั่วใบหน้างามและหยุดบนริมฝีปากนุ่ม บดคลึงซอกซอนหาความหวานอย่างชุ่มฉ่ำใจ ขณะมือก็ลากไล้ไปทั่วลำตัวบอบบางและนุ่มหอม ปัณฑารีย์ตัวสั่น ถึงจะใกล้ชิดกันอยู่หลายครั้ง แต่เธอรู้ว่าครั้งนี้จะไม่เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ฮัมดีนจะไม่ยอมหยุดกลางคันอีกแล้ว ทุกสัมผัสที่มอบให้ก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อนรุนแรงและเรียกร้องให้ต้องตอบสนอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD