ตอนที่ 1 สตรีที่โดดเด่นที่สุด

1457 Words
สายลมพรายพลิ้วเย็นสบายของวสันตฤดูพัดผ่านเป็นระยะๆ กลีบดอกอิงฮวาสีชมพูล่องลอยมาตามสายลม บางช่วงบางตอนก็ปะทะเข้ากับใบหน้างามสะคราญของดรุณีวัยกำดัดที่กำลังยืนหลับตาพลางกางแขนรับสายลมเย็นๆราวกับนางกำลังโอบกอดทั้งใต้หล้าเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น   หวงฮุ่ยเหยาค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะหันมาส่งเสียงหัวเราะคิกพลางส่งยิ้มให้กับสหายรัก   “ฤดูใบไม้ผลินี่ช่างงดงามนัก ข้าชอบเป็นที่สุด เจ้าดูสิกุ้ยหนิง ตรงข้ามทะเลสาบหงเป่ยมีต้นอิงฮวาขึ้นยาวเหยียดเป็นแถว ออกดอกบานเต็มต้น ทั้งสีขาวและสีชมพู ข้าชื่นชอบยิ่งนัก” หวงฮุ่ยเหยาชูมือขึ้นเพื่อรอรับกลีบดอกอิงฮวาที่ปลิวมาตามลมจากฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบ “พี่เฟยหรงเคยบอกเอาไว้ว่าเจ้าน่ะเหมือนกับดอกอิงฮวา งดงาม บอบบาง สูงค่า น่าทนุถนอม”  เจี๋ยกุ้ยหนิง สหายรักเพียงหนึ่งเดียวของหวงฮุ่ยเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงอันใสกังวานราวกับแก้ว   หวงฮุ่ยเหยาหน้าแดงด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงชายคนรัก ถึงแม้ว่านางและเฉิงเฟยหรงจะมีฐานะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ใช่ว่าความต่างนั้นจะเป็นอุปสรรค ทั้งบิดามารดาของนางและบิดามารดาของเฉิงเฟยหรงต่างเห็นดีเห็นงามที่ทั้งสองมีใจรักต่อกัน   หวงฮุ่ยเหยานับได้ว่าเป็นดรุณีวัยแรกแย้มที่ดีพร้อมและสมบูรณ์แบบที่สุดของตำบลหงเหลิง อายุเพิ่งจะพ้นวัยปักปิ่นมาได้เพียงปีเดียว แม้จะมีบุรุษมากหน้าหลายตาหมายปองแต่ในสายตาของนางนั้นมีเพียงเฉิงเฟยหรงแต่เพียงผู้เดียว   หวงฮุ่ยเหยาเป็นบุตรสาวคนโตของเถ้าแก่หวง หวงเหวินกวง เจ้าของร้านโชห่วย หรือร้านของชำขนาดใหญ่ในตำบลหงเหลิงแห่งนี้ ขนาดของร้านมีถึงห้าคูหา มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้นบนเป็นที่พักอาศัยของเขาและครอบครัว ส่วนคนงานและบ่าวรับใช้นั้นมีที่พักอยู่ด้านหลังร้าน ร้านโชห่วยของเถ้าแก่หวงขายทุกสรรพสิ่ง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวันล้วนหาซื้อได้จากที่นี่ จะเรียกว่าเถ้าแก่หวงผูกขาดการค้าของตำบลแห่งนี้ก็คงไม่ผิดไปนัก นอกจากขายของชำและสินค้าทั่วไปแล้ว เถ้าแก่หวงยังรับซื้อของป่าและสัตว์ป่าเพื่อนำเข้าไปขายในเมือง สร้างกำไรแก่ครอบครัวของเขามากมายมหาศาล ฮูหยินของหวงเหวินกวง ชื่อหลี่ไป๋หลาน ซึ่งก็คือมารดาของหวงฮุ่ยเหยาและน้องชายหญิงอีกสองคนนั่นเอง   “อีกสองวันพี่เฟยหรงจะกลับมาเยี่ยมบ้านแล้ว มาคราวนี้เห็นบอกว่าอีกกว่าหนึ่งเดือนถึงจะกลับไปเรียนที่สำนักศึกษาเป่าไฉ” หวงฮุ่ยเหยาพูดพลางอมยิ้ม เจี๋ยกุ้ยหนิงที่สังเกตเห็นพวงแก้มทั้งสองข้างของสหายรักแต่วัยเยาว์เป็นสีชมพูเปล่งปลั่งจึงอดแซวไม่ได้   “นั่นก็หมายความว่าพี่เฟยหรงมีเวลามาพรอดรักกับเจ้าที่นี่ทั้งเดือนเลยละสิ เจ้านี่ช่างโชคดีจริงๆที่จะได้บุรุษหนุ่มรูปงามอนาคตขุนนางมาเป็นสามี รู้หรือไม่สตรีทั่วทั้งตำบลต่างก็พากันอิจฉาเจ้า และบุรุษหนุ่มทั่วทั้งตำบลต่างก็พากันอิจฉาพี่เฟยหรงเช่นกัน พวกเจ้าช่างเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ข้าละดีใจยิ่งนักที่สหายรักของข้าช่างมีวาสนาเหนือกว่าสตรีนับร้อยนับพันในตำบลหงเหลิงแห่งนี้” เจี๋ยกุ้ยหนิงพูดด้วยท่าทางยินดียิ่ง   “เจ้าก็พูดเกินไป ข้าหาใช่สตรีที่น่าอิจฉาเสียเมื่อไหร่กัน อีกอย่างข้ากับพี่เฟยหรงแค่แอบนัดพบกันเป็นครั้งคราวเท่านั้น หาได้พรอดรักไม่ หากใครผ่านมาได้ยินจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่”   “แหม…ข้าก็แค่เย้าแหย่เจ้าเท่านั้นเอง เจ้ากับพี่เฟยหรงทำอันใดก็ล้วนอยู่ในสายตาผู้ใหญ่และสายตาข้าที่มาเป็นเพื่อนเจ้าทุกครั้ง คงไม่มีผู้ใดกล้านำไปกล่าวเสียหายได้หรอก”   “อืม…อย่างไรข้าก็ต้องขอบใจเจ้าที่เป็นธุระมาเป็นเพื่อนข้าเวลาที่ข้ากับพี่เฟยหรงนัดพบกัน บอกตามตรงข้าเองก็รู้สึกเกรงใจเจ้าเพราะเจ้าต้องสละเวลาทำงานหาเงินมาเป็นเพื่อนข้า อ้อ…ข้าเกือบลืมไป ท่านแม่ให้ช่างมาตัดเสื้อผ้าใหม่สำหรับฤดูใบไม้ผลิให้กับข้าเกือบยี่สิบชุด ข้าเลยขอท่านแม่ยกให้เจ้าหนึ่งชุด เจ้าว่าเป็นอย่างไรล่ะ สีเขียวตองอ่อนนี้เหมาะกับเจ้าที่สุด เจ้าสวมใส่แล้วต้องงดงามจนบุรุษทั้งตำบลเป็นต้องลืมหายใจแน่ๆ” ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกันก่อนที่เจี๋ยกุ้ยหนิงจะรับชุดสีเขียวตองอ่อนสำหรับสวมใส่ในฤดูใบไม้ผลิมาพินิจดูอย่างชื่นชมและยินดี   นางยินดียิ่งนัก เจี๋ยกุ้ยหนิงได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของตำบลหงเหลิง นางมั่นใจว่าความงดงามของนางนั้นเป็นหนึ่งและเหนือกว่าสหายรักอย่างหวงฮุ่ยเหยาซะด้วยซ้ำ แต่เพราะฐานะที่ยากจนทำให้นางไร้ซึ่งอาภรณ์ที่งดงามและเครื่องประดับที่ล้ำค่าไว้ประดับเสริมความงาม เจี๋ยกุ้ยหนิงนั้นเป็นกำพร้าตั้งแต่เด็ก บิดาของนางตายจากไปตั้งแต่นางยังแบเบาะ มีเพียงมารดาคือจิ้งกุ้ยฟางที่ตรากตรำทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ ต่างกันกับสหายรักของนางอย่างหวงฮุ่ยเหยาลิบลับ หวงฮุยเหยาเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเถ้าแก่หวง บุรุษที่ร่ำรวยที่สุดในตำบลหงเหลิง มีมารดาที่รักและทนุถนอมนางราวกับไข่มุกในมือ ทุกสิ่งที่ว่าดีเลิศ ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ชั้นดี ช่างตัดเสื้อฝีมือดี เครื่องประดับราคาแพง หรือแม้แต่เครื่องประทินโฉมผู้เป็นมารดาล้วนสรรหามาให้อย่างเต็มที่ เพราะพวกเขามีเงินทองมากมายเหลือเฟือ เจี๋ยกุ้ยหนิงก้มมองอาภรณสีเขียวตองอ่อนด้วยหัวใจลิงโลดระคนระทดท้อ หากนางเป็นบุตรสาวของเศรษฐีอย่างสหายรักของนาง ชีวิตนางคงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ต้องทนลำบากทำงานหนัก อดมื้อกินมื้อเช่นนี้ และหากว่านางได้สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับราคาแพงเฉกเช่นหวงฮุ่ยเหยา สตรีทั้งใต้หล้าคงไม่มีผู้ใดกล้ามาเทียบรัศมีนางที่งดงามดั่งจันทราเป็นแน่ คิดๆแล้วก็ให้อิจฉาสหายรักยิ่งนัก หวงฮุ่ยเหยานั้นมีดีเพียงแค่เกิดมาเป็นบุตรสาวของเถ้าแก่หวง เศรษฐีของตำบลหงเหลิง แม้ว่าความงดงามอาจจะเรียกได้ว่าเป็นโฉมสะคราญอีกหนึ่งของตำบลแห่งนี้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นรองนางอยู่ดี เพียงแต่เพราะสหายรักของนางนั้นมีอาภรณ์ชั้นดีสวมใส่ มีเครื่องประดับที่มีราคาแพงประดับกาย มีเครื่องประทินโฉมและบำรุงความงามมากมายสุดที่จะคณานับ นั่นจึงทำให้หวงฮุ่ยเหยากลายเป็นสตรีที่โดดเด่นและเหนือกว่าสตรีน้อยใหญ่ทั้งหลายในตำบลแห่งนี้ และที่น่าอิจฉาริษยามากไปกว่านั้นคือ นางได้ครอบครองหัวใจของบุรุษที่ดีพร้อมและมีอนาคตไกลอย่างเฉิงเฟยหรง   “ชุดสีเขียวตองอ่อนนี้ช่างงามนัก ข้าขอบใจเจ้ามากสหายรัก เจ้าช่างเป็นสหายที่ดี มีใจโอบอ้อมอารีและช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด ข้าโชคดีจริงๆที่มีสหายอย่างเจ้า” เจี๋ยกุ้ยหนิงเอ่ย น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งใจ   หวงฮุ่ยเหยาจับมือสหายรักก่อนจะบีบเบาๆ   “เราเป็นสหายกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ต่างคนต่างก็คอยช่วยเหลือกัน ข้านับว่าโชคดีเหลือเกินที่มีสหายที่ดีเช่นเจ้า” หวงฮุ่ยเหยาน้ำตาคลอเบ้าบ้าง นางเองทั้งรักและซาบซึ้งในความดีของสหายผู้นี้   “และเจ้ายังโชคดีที่มีคนรักเช่นพี่เฟยหรง อีกไม่นานเขาก็จะได้เป็นขุนนางแล้ว เจ้าช่างเป็นสตรีที่โชคดีจริงๆ ข้าเองยังอดอิจฉาเจ้าซึ่งเป็นสหายแท้ๆไม่ได้เลย” เจี๋ยกุ้ยหนิงเอ่ยพลางก้มหน้าซ่อนแววตา นางเกรงว่าสหายรักจะเห็นอะไรบางอย่างจากแววตาของนาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD