ห้องทำงานของภูวนาท
หลังจากที่พวกนักข่าวกลับกันไปหมดแล้วภูวนาทก็เรียกสริสาเข้ามาคุยในห้องทำงานของเขาพร้อมกับทนายชัชชาติด้วยอีกคน
"นั่งลงซิ.."
"ขอบคุณค่ะ.."
"ฉันไม่คิดเลยนะว่าหนูจะกล้าปฏิเสธสมบัติที่คุณพ่อฉันตั้งใจยกให้หนูต่อหน้าทุกคน.."
"คือสา.."
"ไม่คิดบ้างหรอว่าถ้าคุณพ่อฉันยังอยู่ท่านจะเสียใจมากแค่ไหน..?"
"เอิ่ม..!! แต่มันก็มากเกินไปที่สาจะยอมรับได้นี่คะ สาไม่สามารถรับสมบัติของคุณปู่ที่สาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรเลยกับครอบครัวของพวกคุณไว้ได้ สารับไว้ไม่ได้จริงๆค่ะ.."
"ฉันเองก็ไม่ได้ชอบใจนักหรอกนะที่คุณพ่อฉันยกสมบัติที่มันควรจะเป็นของลูกชายฉันให้กับหนู แต่ฉันก็อยากดัดสันดานลูกชายฉัน..อยากให้มันเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้.."
"..."
สริสานั่งฟังนิ่งๆอย่างรู้สึกเกร็งและไม่กล้าสบตาคุณภูวนาทมากนัก
"คุณพ่อฉันเอ็นดูหนูมาก ท่านบอกกับฉันเสมอว่าหนูเป็นเด็กดี และหนูก็เป็นเด็กที่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ.."
"ค่ะ คุณปู่ดีกับสามาก แต่เรื่องสมบัติพวกนี้สา.."
"ฉันต้องการให้หนูแต่งงานกับตาภู.."
"อะไรนะคะ..?"
"เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ครอบครัวฉันรักและเอ็นดูหนูมาตลอดที่อยู่บ้านหลังนี้ไง แล้วก็ตอบแทนที่คุณพ่อฉันช่วยเรื่องค่ารักษาแม่ของหนูมาตลอดด้วย..หนูจะทำให้ฉันได้ไหม..?"
"เอิ่ม.! คือ..."
"ถ้าหนูรับปากว่าจะยอมแต่งงานกับตาภูลูกชายฉัน ฉันจะช่วยออกค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของแม่หนูให้จนกว่าจะหาย.."
"ถึงสาจะยอมแต่ง คุณภูก็คงไม่มีวันยอมหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างสาก็ไม่สามารถแต่งงานกับคนที่สาไม่ได้รัก..สาทำไม่ได้หรอกค่ะ.."
"หนูต้องทำ เพราะนี่แหละคือสิ่งที่หนูต้องตอบแทนต่อผู้มีพระคุณซึ่งมันเป็นสิ่งที่ฉันคิดว่าหนูไม่ควรปฏิเสธ..."
"..."
"ส่วนเรื่องตาภูฉันจะจัดการเอง ถ้าตาภูมันคิดอยากได้สมบัติมันคืน มันก็คงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คืนเหมือนกัน ฉันรู้จักลูกชายฉันดีมันไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอก.."
"แต่ว่า.."
"แค่หนูยอมทนแต่งงานแล้วอยู่กับตาภูแค่ 1 ปีเท่านั้นตามพินัยกรรมที่คุณพ่อฉันบอกไว้ หลังจากนั้นหนูก็จะเป็นอิสระ.."
สริสามองหน้าภูวนาทด้วยความหนักใจ
ที่ผ่านมาคุณปู่ดีกับเธอมากๆและเมตตราเธอมาตลอด ค่ารักษาพยาบาลทุกบาทของแม่ที่คุณปู่ออกให้ พาเธอและแม่เข้ามาอยู่ในบ้านอย่างสุขสบาย บุญคุณนี้เธอคิดมาตลอดว่าชดใช้ยังไงก็คงจะไม่หมด แต่เรื่องแต่งงาน
"ตัดสินใจได้หรือยัง..?"
"คือ.."
เธอมีสีหน้าหนักใจมากจนคุณภูวนาทมองออก
"นี่ครับคุณสริสา.."
แต่ทนายชัชชาติเดินเข้ามายื่นซองจดหมายให้เธอตรงหน้า เธอหันไปมองด้วยความสงสัย
"อะไรคะ..?"
"จดหมายของคุณท่านเขียนฝากไว้ให้กับคุณครับ."
"จดหมายของคุณปู่หรอคะ..?"
"ครับ.."
เธอรับซองจดหมายนั้นมาจากมือของทนายชัชชาติแล้วเปิดออกดูช้าๆ รู้สึกอึ้งกับลายมือบนจดหมายเพราะมันเป็นลายมือของคุณปู่จริงๆที่เขียนถึงเธอ
ถึงสริสา หลานสาวเพียงคนเดียวของปู่
หากสาได้อ่านจดหมายฉบับนี้ปู่คงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ปู่ขอบคุณมากที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาสาดูแลปู่มาอย่างดีโดยตลอด ปู่มีแต่หลานชายไม่มีหลานสาวพอได้มาเจอสาปู่ก็รักและเอ็นดูสามากเหมือนหลานสาวแท้ๆของปู่คนหนึ่ง ปู่จึงกลัวว่าถ้าวันหนึ่งปู่ไม่อยู่แล้วจะมีใครรักและเอ็นดูสาได้มากเท่ากับปู่อีก ปู่จึงอยากให้สาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของปู่ได้อย่างสมบูรณ์ โดยการแต่งงานกับตาภูหลานชายคนโตของปู่
เรื่องการแต่งงานปู่รู้ว่ามันลำบากใจกับสามากเพราะคนที่ไม่ได้รักไม่ชอบกันจะมาแต่งงานกันได้ยังไง แต่ปู่อยากให้สาช่วยเรื่องตาภู...ช่วยทำให้ตาภูมันเปลี่ยนเป็นคนใหม่และช่วยทำให้มันรู้จักโตสักที ปู่เชื่อว่าสาจะทำให้ปู่ได้ นี่ถือเป็นคำขอสุดท้ายจากปู่นะ...
รักสามาก
จากปู่...
สริสาอ่านจดหมายจบก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
"คุณท่านให้เวลาคุณสา 1 ปีนะครับ หรือถ้าหากว่าคุณสาสามารถทำให้คุณภูเข้ามาบริหารงานในบริษัทได้ก่อน 1 ปี คุณสาก็สามารถหย่ากับคุณภูได้เลย..แล้วสมบัติที่เป็นของคุณก็จะไปตกเป็นของคุณภูทั้งหมด ส่วนคุณก็จะได้ค่าเสียเวลาเป็นเงิน 10 ล้านบาทครับ.."
ทนายชัชชาติพูดจบคุณภูวนาทก็พูดต่อ
"เห็นไหมคุณพ่อฉันเอ็นดูหนูมากแค่ไหน หนูมีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น จะหย่าก่อนครบ 1 ปีหรือหลังจาก 1 ปีหนูก็มีแต่ได้กับได้ ฉันจึงอยากให้หนูลองคิดดีๆ.."
"..."
สริสานั่งสีหน้าเครียดจัดกำจดหมายในมือแน่น
"ว่ายังไง..คำตอบของหนูจะแต่งหรือไม่แต่ง..?"
"..."
"คุณท่านอยากให้คุณทำตามในจดหมายนะครับ..."
"..."
"ไม่ใช่แค่ดัดนิสัยตาภูมัน ให้คิดซะว่าการแต่งงานครั้งนี้หนูกำลังจะช่วยฉันอีกคนเถอะนะ..แต่งงานกับตาภูเถอะนะฉันขอ..."
"แค่ 1 ปีเท่านั้นใช่ไหมคะ..?"
"ใช่..แค่ 1 ปี.."
"งั้น..."
สริสาหยุดนิ่งแค่คำตอบนั้นแล้วหลับตาลงนิ่งคิดตัดสินใจอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าคุณภูวนาทแล้วตอบออกไปอย่างมาดมั่น
"ค่ะ สาจะแต่งงานกับคุณภู..."
....