ปัง...
เสียงปืนที่ดังก้องกัมปนาทสะท้านสะเทือนนั้น ทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ในบ้านต่างหันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติ
“นั่นเสียงอะไร”
สายตาทุกคู่จ้องมองขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ก่อนจะวิ่งกรูขึ้นไปบนนั้นเหมือนนัดหมาย เสียงกรีดร้องและการร่ำไห้โหยหวนดังขึ้น
เกตุวดีเข่าทรุดลงไปกับพื้นแข้งขาไม่มีเรี่ยวแรง จ้องมองภาพตรงหน้าแบบไม่เชื่อสายตา
“คุณพี่ ทำไมทำแบบนี้ โฮ...” แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดังแบบไม่อายใคร ๆ
วี๊ด... บึ้ม... มือถือของกัมปนาทดังสนั่น
เคร้ง... ช้อนในมือของคุณแจ่มจันทร์ร่วงลงไปกระทบกับจานแบบไม่ได้ตั้งใจ นางตกใจมากกับเสียงมือถือของลูกชาย
“ทำไมต๊ะใช้เสียงโทรศัพท์แบบนี้” คุณแม่แว้ดขึ้น
กัมปนาทหัวเราะพร้อมยกหน้าขึ้นมายิ้มให้กับแม่
“เปลี่ยนเสียงซะใหม่เถอะ ทำไมใช้เสียงแบบนี้นะ แล้วก็เปิดซะดังเชียว แม่ตกอกตกใจหมด” นางมองค้อน
“แม่ครับ เวลาทำงานเพลิน ๆ ในไร่ในสวน อยู่ในรีสอร์ตเนี่ย มันไม่ได้ยินเสียงเลยนะครับ บางทีก็ไม่ได้รับสายสำคัญ ๆ ไปเลย” พูดกลั้วเสียงหัวเราะ แต่เมื่อเห็นเป็นเบอร์ของบ้านของพ่อก็ชะงัก หันไปมองสบตากับแม่อย่างเกรงอกเกรงใจ
“พ่อแกโทร. มาละสิ ทำไมไม่รับล่ะ” แม่ว่าให้
กัมปนาทรีบกดรับสาย
“สวัสดีครับ”
“โฮ...” เสียงร้องไห้ดังลอดเข้ามา ชายหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง
“ใครเป็นอะไร” เขาถามกลับไปในทันที
“คุณต๊ะคะ คุณพ่อเสียแล้วค่ะ ท่านสิ้นแล้วค่ะ” เสียงของป้าสมัยดังขึ้น
“หา! อะไรนะ ใครเสีย คุณพ่อเหรอ ท่านเป็นอะไร” น้ำเสียงร้อนรน หัวใจบีบแรง
คุณแจ่มจันทร์แขนขาพลอยอ่อนแรงทำช้อนร่วงลงไปในจานไปด้วย รีบขยับตัวเข้ามาหากัมปนาท มองหน้าลูกชายแบบอยากรู้และตั้งใจฟัง
“คุณท่านยิงตัวตายค่ะ ท่านยิงตัวตายค่ะ ฮือ...” ป้าสมัยร้องไห้เสียงดังจนไม่ต้องเอาหูแนบ สองแม่ลูกมองหน้ากันทันที
“อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้น ไม่จริงใช่ไหม ป้าครับอย่ามาล้อผมเล่นนะครับ” เขาตกใจมือสั่น หน้าซีดไปหมดแล้ว นึกไปถึงใบหน้าของคุณพ่อที่เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อน ใบหน้าของท่านดูซีดเซียวและดูร่างกายซูบผอมลง เป็นอาการของคนเครียดและคิดมาก แต่ท่านก็ไม่ยอมเล่าอะไรให้เขาฟังเลย ในสายมีเสียงไซเรน และเสียงดังของชายฉกรรจ์ดังลั่นเลื่อนไปหมด
“ป้าครับ ผมจะรีบไป อย่าให้ใครทำอะไร หรือเคลื่อนย้ายร่างของคุณพ่อนะครับ จนกว่าผมจะไปถึง” เขารีบวางสาย
“ใครเป็นอะไรต๊ะ เกิดอะไรขึ้น บอกแม่มาซิ” คุณแจ่มจันทร์ถามด้วยความร้อนใจ ทั้งรู้สึกใจหายแวบ ๆ ยกมือขึ้นจับแขนลูกชายเขย่าเบา ๆ
“แม่ครับ คุณพ่อฆ่าตัวตาย ป้าสมัยบอกว่าคุณพ่อตายแล้ว”
“คุณพระ” คุณแจ่มจันทร์ยกมือขึ้นทาบอก ส่ายสั่นหน้าแบบไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินคือเรื่องจริง ทรุดหลังลงไปกับพนักพิง
“ไม่จริง... ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ คุณพ่อจะทำแบบนั้นทำไม” นางพร่ำพรรณนา
“ผมจะไปดูให้เห็นกับตาครับ คุณแม่รอฟังข่าวอยู่ที่นี่นะครับ”
กัมปนาทจับมือของแม่เอาไว้แน่น ถึงแม้พ่อกับแม่จะแยกทางกันแล้ว แต่สุดท้ายจะโกรธเกลียดกันแค่ไหน แต่ก็เป็นคนเคยรักกัน
คุณแจ่มจันทร์ร้องไห้น้ำตาไหลรินออกมาช้า ๆ นึกไปถึงความดีต่าง ๆ ของอดีตสามีที่เคยทำร่วมกันมาก็ร้องไห้หนัก
“ผมจะไปหาพ่อนะครับแม่”
“จ้ะลูก ได้ความยังไง ส่งข่าวมานะต๊ะนะ โธ่... ไม่น่าเลย ทำไมคุณทำแบบนี้”
ท่านพูดได้แค่นั้น ส่วนกัมปนาท หัวใจโบยบินไปถึงบ้านของคุณพ่อแล้ว
จากสระบุรีไปที่บ้านเมืองนนท์ฯ ของคุณพ่อก็ใช้เวลาพอสมควร เมื่อไปถึง ภาพความโกลาหลต่าง ๆ ก็ยังปรากฏ
กฤตนันท์น้องชายต่างมารดาของกัมปนาทนั่งกอดประคองคุณเกตุวดีผู้เป็นแม่ที่ร้องไห้เป็นลมพับไปหลายรอบแล้วอยู่ในอ้อมแขนน้อย ๆ ของเขา
“พี่ต๊ะ” เขาโผเข้าหาพี่ชายแล้วกอดทันที กัมปนาทกระชับอ้อมแขนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะสบตากับคุณเกตุวดีที่ตอนนี้ร้องไห้โฮหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นใบหน้าของกัมปนาท
“คุณน้า...”
“ต๊ะ ไม่มีแล้ว คุณพ่อไม่มีแล้ว ฮือ...”
กัมปนาทรีบผละออกจากตัวน้องชาย วิ่งขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านในทันที ภาพที่เห็นตรงหน้า ร่างของคุณกำพลมีเลือดไหลอาบไปทั้งใบหน้าที่เอียงคอตก มันสมองกระจายเปรอะไปตามเนื้อโซฟาที่เขานั่ง สองแขนแนบทิ้งไปกับลำตัว นัยน์ตายังเบิกกว้าง
ชายหนุ่มถลาเข้าไปหาพ่อทันที ตำรวจรีบกันตัวเขาเอาไว้ เพราะกำลังทำงานกันอยู่ เขาเข่าทรุดลงไปนั่งกับพื้นตรงนั้น น้ำตาของลูกผู้ชายไหลอาบสองแก้ม มองภาพของพ่อที่น่าสมเพชเวทนาเป็นที่สุด ร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อนโดยไม่อายใคร ๆ
สารวัตรที่เดินเข้ามาคุยกับกัมปนาทวิเคราะห์ตามหลักฐานที่มี
“จากวิถีกระสุน และเขม่าดินปืน เสี่ยกำพลฆ่าตัวตายจริง ๆ ครับ ไม่ได้เกิดจากการลอบสังหาร”
ทุกคนต่างยอมรับข้อนี้โดยดุษณี เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนี้ครับ ทำไม? คำถามที่มีในหัวมากมายเกี่ยวกับพ่อของเขา ท่านทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำ กัมปนาทช็อกมาก ๆ กับเรื่องนี้