Ep.12 : จูบล้ม

3818 Words
ผมขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของขาย A และแน่นอน มันก็ต้องมี B C และ D และงานของผม ผมจะต้องเจอไอ้เบอร์ 14 ที่อยู่ สาย B ในไม่กี่วันนี้ คู่ต่อสู้รูปร่างเล็ก สูง 160-165 แต่ดูเหมือนจะมีความเป็นอาวุธ นี่สินะผู้ชายที่ทุกคนกลัว คนที่ฆ่าคู่ต่อสู้ทุกสนาม ผมจะต้องกลัวคนคนนี้ไหม ผมจ้องคนที่อยู่ในชุดสีดำไปทั้งตัว แถมยังใส่หน้ากากไอ้โม่งอีกหายใจออกเหรอวะ “เหม่ออะไร ชาวบ้านเจอศพของพลอยใสแล้วนะ” เสียงเรียกทำให้ผมหันไปมองต้นเสียง หญิงสาวที่วันนี้โบกปูนมาอีกล่ะ บอกถึงจุดที่ตำรวจพบศพของพลอยใส ที่ถูกฝังอยู่ในป่าข้างมหาวิทยาลัย ตามคำรับสารภาพของไอ้เก็ต ที่บอกถึงจุดฝังศพ “ขอโทษนะ คิดถึงอะไรเรื่อยเปื่อยอ่า เจอศพของเปียและโมด้วยไหม” ผมหันไปถามถิงถิง แต่เธอกลับส่ายหัว ผมมองดูพลอยใสที่มองร่างของตัวเองแล้วก็ร้องไห้ออกมา “มีแค่ของพลอยใส” ‘ ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้ว ว่าอยากจะไปเกิดไหม หรืออยากจะรู้ความจริงหรือเปล่า ‘ โมที่ทนเห็นภาพเบื้องหน้าไม่ได้ ก็หายวับไป หลังจากที่ตำรวจพบศพของพลอยใส ก็จัดการส่งเข้านิติเวชเพื่อระบุตัวตน โดยตอนนี้ตัวไอ้เก็ตถูกฝากขัง และไม่อนุญาตให้ประกันตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องของพลอยใสคงจะได้รับความเป็นธรรมในไม่ช้านี้แล้ว ตอนนี้คงจะสบายใจได้แล้วนะพลอยใส คนที่มันทำร้ายเธอ ได้รับโทษตามกฏหมายแน่นอน ผมเนียนไปจับมือถิงถิง แต่เธอกลับสะบัดมือผมน้อย ๆ อะไร แค่จับมือก็ไม่ได้เหรอ ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน เล่นตัวเก่งขนาดนี้เลย “ไปเถอะ จะไปหาประวัติของเปียกับโมใช่ไหม” ‘ ยังไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ ฉันเริ่มกลัวจะรู้ความจริง ว่าตายยังไงแล้วล่ะค่ะ บางทีการที่เราไม่รู้อะไรเลย อาจจะดีกว่า ‘ เปียหายวับไป ตามโมไปอีกคน “งานนี้จบยากแน่ ดันรับปากไปแล้วด้วยสิ” ถิงถิงสบถออกมา กับสาว ๆ ที่ดันกลัวจนไม่อยากจะไปเกิดซะงั้น “ใช่ เธอได้เจอกับเฮียยาว ๆ แน่ ๆ ไปกินนมกันไหม” คำถามของผมทำให้คนที่ยืนข้าง ๆ ยกมือขึ้นมาปิดนมตัวเองเอาไว้ “ทะลึ่ง” สายตาไม่พอใจฉาบผมอย่างชัดเจน “หมายถึงนมปั่นอ่า วู้ววว คิดลามกอะไร นั่น ร้านอยู่ตรงนั้นเอง” ผมพยายามจะทำตัวเองให้อยู่ในขอบเขตงาน แต่ถ้าไม่ได้เต๊าะเธอสักหน่อย มันไม่กระชุ่มกระชวยอะ ผมหลอกพาถิงถิงเข้าร้านคาเฟ่เล็ก ๆ แถวหลังมหาลัย อากาศมันร้อนหาของหวาน ๆ กิน จะได้ไม่ฮีตสโตรกไปก่อน แค่นี้เธอก็ร้อนจนเหงื่อแตกหยดติ๋ง ๆ แล้ว อย่างน้อยก็ตากแอร์ นั่งคุยกับผมหน่อย อย่าเพิ่งรีบกลับเลย ไอ้คิลมันไม่เหงาหรอก ผมเนี่ยเหงา “กินอะไรดี ยะ อยากกินไปหมดเลย อยากกินอันที่มันสวย ๆ อะ” คนที่มองเมนูนมปั่น มองอันที่เป็นสีสายรุ้งในแก้วลายหมี มีวาฟเฟินเสียบใส่เป็นหูหมีสองข้าง แล้วเกิดอาการเลือกไม่ถูกว่าจะเอาหมีตัวไหนดี “เฮียไฟ วันนี้เหมาอีกไหมคะ ขายไม่ดีเลย เอ๊ะ คนนี้ใครอ่า กิ๊กใหม่เหรอ” คำทักทายน่าตีปากดีจริง ๆ “จีบเขาอยู่ จะจีบไม่ติดก็เพราะว่าเธอเนี่ยแหละ อันไหนอร่อย เอามาให้หมดเลย” ผมพาคนที่เลือกนมปั่นไม่ได้ให้มานั่ง เลือกนาน จนสงสารลูกค้าคนถัดไปเลย ผมพาเธอมานั่งที่เก้าอี้โซฟาสีชมพู ในร้านน่ารัก ๆ กับคนที่หน้าาาาโบกปูน แล้วกำลังน้ำมันไหลจากอากาศที่ร้อนระอุ น่าจะมีขวดมาเก็บน้ำมันพรายจากเธอเนอะ ผมหยิบกระดาษทิชชูจะซับเหงื่อให้เธอ แต่เธอกลับทำแววตาปริบ ๆ “อย่าทำดีกับฉันตอนนี้ได้ไหมคะ ฉันอาจจะมีใจ ฉันอาจจะห้ามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าฉันชอบเฮียจะทำยังไง” แล้วจู่ ๆ ถิงถิงก็ไม่พอใจขึ้นมาที่ผมดูแลเธอ ก็วันนี้ไอ้คิลไม่ได้มา ผมก็ต้องดูแลเธอสิ แล้วนี่มาบอกแบบนี้ผมจะทำยังไงเล่า “แล้วจะให้เฮียทำไง” “ก็ทำอะไรห่าม ๆ ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ฉัน เกลียดเฮียสิ” คนที่หงุดหงิดที่ผมทำดีด้วย ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วบอกให้ผมทำให้เธอเกลียด เอ้ยยยย ผมต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ ??? ผมก็เลยบีบแก้มของเธออย่างแรง แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ คนเพี้ยนที่ให้ผมมาเล่นอะไรก็ไม่รู้ “งั้นก็เกลียดฉันซะสิ อย่ามาเยอะให้มากเข้าใจมะ เดี๋ยวพ่อป๊าดจูบให้ล้มเลย” ผมทำห่าม ๆ ใส่เธอ ตามที่เธอขอ แต่ทำไมหน้าของเธอกลับแดงแป๊ด ทะลุรองพื้นหนา ๆ ออกมาเลย มันจะเกลียดจริงเหรอ ดูเหมือนไม่น่าจะใช่ “โค่ดเท่เลย ชอบจังผู้ชายแบดบอย แย่แน่ ๆ แบบนี้แย่แน่ ๆ ถ้าเป็นแบบนี้จะเจอกันไม่ได้ เรื่องงานก็ไม่ได้แล้ว” สติแตกไปแล้วยัยนี่ ผมจะทำยังไงกับเธอดีเนี่ย!!! แค่เจอเรื่องงานก็ยังไม่ได้ แบบนี้มันจะเกินไปแล้วนะ!!! “อย่าบังคับให้เฮียหมดความอดทนถิงถิง เดี๋ยวป๊าด….” จับทำเมียแม่งเลย จะได้จบ ๆ จะพูดออกไปยังไง ตายัยนี่มันวิบวับ วิบวับ อยู่ข้างใน คราวนี้เป็นผมเองที่ละสายตาจากเธอไม่ได้เลย จูบสักที จะโกรธไหมนะ “อะ อึ้มมมม นมมาแล้วค่ะ ครบทุกหมีตามที่เฮียสั่ง ทุกคนเห็นหมีของหนูใช่ไหมคะ” อิ๋วแม่ค้าขายนม ที่ไม่ได้สะสวยตามแบบที่ผมชอบ แต่เธอเป็นคนตลกขายเก่ง ผมเลยมาเหมานมเธอบ่อย ๆ เพราะตรงนี้มันขายไม่ดีเท่าไหร่ “ค่ะ หมีคุณน่ารักมาก” คำตอบของถิงถิงทำเอาแม่ค้าถึงกับแอบหัวเราะออกมา กับความไร้เดียงสาของเธอ ผมเองยังอดขำไม่ได้เลย แต่ก็ต้องแกล้งมองไปทางอื่น กลัวเธอรู้ว่าผมก็ขำ “แฟนน่ารักค่ะ ฮิ ๆ กินนมให้อร่อยกันนะคะ ขอบคุณนะคะที่ซื้อหลายแก้วเลย แถวนี้ไม่มีใครกล้ามาเลย ตั้งแต่เขาลือกันว่าผีดุ แถมวันนี้ยังเจอศพอีก สงสัยอิ๋วคงจะต้องย้ายไปขายที่อื่นแล้วล่ะค่ะ” อิ๋วเดินจากไป ทิ้งไว้แต่แก้วนมที่มีหมีน้อย ๆ ที่ทำจากวิปครีมไว้เรา “นี่ ขำอะไรกันอะ ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย” “ไม่ต้องเข้าใจหรอก รู้แค่ว่าตอนนี้เฮียกำลังจะหมดความอดทนกับถิงถิงก็พอ ยอมแล้วได้ใจเหรอ!!! แล้วต่อไปจากนี้ เลิกโบกปูนได้แล้ว หน้าเธอเนี่ย คนจะกลัวเรา ไม่ใช่ที่หน้าหนา ๆ นี่ แต่เขาต้องกลัวที่เราทำอะไรได้ เข้าใจมะ ถ้ายังเยอะอีกนะ คราวนี้จะไม่เตือนแล้วนะ” ผมกลับมาดุคนไอ้นั่นไม่ได้ ไอ้นี่ไม่เอา ครั้งหน้าห้ามมาเจออีก ฉุดเลยนะ “ขึ้นเสียงงั้นเหรอ เดี๋ยวก็ปาดคอซะหรอก” มีดปลายแหลมจ่อเข้าที่คอของผม แต่ผมไม่หนีหรอก ผมยืดคอให้เธอ ถ้าอยากฆ่ากัน อะ ฆ่าเลย “จะฆ่าก็ฆ่าเลย แต่เฮียไม่ยอมให้ความสัมพันธ์เราถอยหลังหรอก” ผมยืดคอสูงขึ้นมีดในมือของเธอมันก็ดันสั่นขึ้นมาซะงั้น ชิ ไม่กล้าสินะ ผมเลยกดมือข้างที่ถือมีดของเธอลงกับเบาะของโซฟา “เฮียยยย พอก่อนใจสั่นไม่ไหวแล้ว” “นั่นมันปัญหาของเธอ อยากได้ห่าม ๆ ก็จัดให้แล้วไง เป็นคนดีไม่ชอบ ก็ต้องแบบนี้ ดีเลยไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน เป็นตัวเองมาเลย” ผมกระชากคอเสื้อของถิงถิงเข้ามาใกล้ แต่ดูเหมือนเธอช็อคอาการหน้าแดงไปถึงใบหู แล้วนิ่งไม่ขยับอะไรเลย ผมเลยต้องเขย่าเธอเบา ๆ แต่ดูเหมือนวิญญาณเธอจะออกจากร่างไปแล้ว เพี้ยนกว่ายัยนี่มีอีกไหม “มะ…ไหว ไม่ไหว ร้อนแรง ระร้องแรงเกินไปแล้ว เจิดจ้าเหลือเกินนนน” มือเล็ก ๆ ผลักหน้าของผมออก ปากก็พึมพำเหมือนสวดอะไรสักอย่างไม่ยอมหยุด “ฮ่ะ ๆ เธอนี่มันโคตรตลกเลย ถ้าเธอบอกว่าเฮียร้อนแรง คบกับเฮียดิ เฮียร้อนแรงได้กว่านี้อีกนะ บนเตียง” ผมกระซิบข้างหูของคนที่ตอนนี้เริ่มมีลมร้อน ๆ ออกจากหูด้วย ตึก ๆ ตึก ๆ ตึก ๆ ผมเอาหูเข้าไปใกล้เธอ เหมือนจะได้ยินเสียงการบีบตัวของก้อนเนื้อที่อยู่ในอก หัวใจเต้นดังขนาดนี้เลยเหรอ มันจะระเบิดไหมเนี่ย ทำไมมันกลับรู้สึกดีที่เธอชอบผมมากขนาดนี้ ผู้หญิงคนอื่นก็ชอบผมไง เพียงแค่สำหรับเธอมันไม่ปรุงแต่งอะไรเลย เธอเป็นผู้หญิงที่แปลก บางเวลาเธอไม่พูดอะไรเลย จนปล่อยผมเหงา แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนไม่มีลูกน้อง เธอก็จะเป็นเธอแบบนี้ เป็นตัวเอง มันทำให้ผมอยากแกล้งคนที่ตามไม่ทันอะไรสักอย่าง รีแอคชั่นของเธอมันไม่ใช่อะไรที่ปรุงแต่งได้ “อันนี้อร่อย” ผมเลื่อนแก้วชาเขียวให้เธอ รุกเธอหนักไป เดี๋ยวขาดใจตายก่อน ผมแอบมองคนที่ดูดชาเขียวจากแก้วที่ผมเลื่อนให้ ไม่มีคำถามใด ๆ ว่าอร่อยจริงไหม ให้กินก็กิน และก็เหมือนว่าจะชอบด้วย อยากแกล้งเธอต่อจังเลย ทำไงดี แต่แกล้งต่อจะช็อคตายหรือเปล่า อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วด้วย หาอะไหล่เปลี่ยนไม่ง่ายหรอกนะ ฮ่ะ ๆ “นี่ ถ้าอีก 2 วัน ไม่มีธุระที่ไหน ไปเชียร์เฮียหน่อยได้มะ เฮียไปลงมวยเอาไว้ คู่ต่อสู้ของเฮียเก่งมากเลย อยากได้กำลังใจจากเธออะ” “พรวด!!!! แคก ๆ” อยู่ดี ๆ ถิงถิงก็พ่นน้ำออกมา อะไรอ่าตกใจอะไร “ฉันอาจจะไม่สะดวก กลัววินมีงานให้ช่วยอะ” “จะมีได้ยังไง วินก็ไปกับเฮีย เฮียพอเข้าใจว่าช่วงนี้เราต้องรักษาระยะห่าง สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้มันเกินเลย แค่อยากชวนไปด้วยกัน เผื่อถ้าตายขึ้นมาจริง อาจจะเป็นเวลาสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันเลยนะ” ผมพยายามจะขอให้เธอไป แต่เธอก็เอาแต่เงียบท่าเดียวเลย ทำไมแค่ไปเชียร์ผม มันถึงไม่ได้อ่า “อยากได้รางวัลขนาดนั้นเลยเหรอ” ถิงถิงถามขึ้นมา “ใช่ อยากได้รางวัลมากเลย” เอ้ย!!! หลุดปาก ถ้าเธอรู้ว่าจะไปเอาตุ๊กตาสยองมาเป็นเพื่อนกับคุณโจเซฟิน มันจะไม่เซอร์ไพรส์นะ “ฉันจะกลับละ” หะ?? อะไร ยังกินนมไม่หมดเลย จะไปแล้วเหรอ “เดี๋ยว เดี๋ยวสิ ถิงถิง” ผมที่วิ่งตามเธอไปต้องหยุดชะงัก เพราะมีดสั้นที่เธอปามา มันปักด้านหน้าของผมอย่างจัง ถ้าเมื่อกี้ผมหยุดไม่ทัน คงเข้ากลางอกผมเลย เป็นอะไรอีกเนี่ย!!! หลังจากแยกกับถิงถิงผมก็กลับมาออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน เพื่อฟอร์มร่างกายให้พร้อมขึ้นสู้ โทรศัพท์ก็พยายามจะโทรหาถิงถิงอยู่ตลอดเวลา แต่เธอไม่ยอมรับสายผมเลย โกรธอะไรขนาดนั้น โกรธอะไรก่อนดีกว่า ตอนแรกก็ยังดี ๆ กันอยู่เลย “498 499 500 ครบแล้วเฮีย 501 502 เฮียเกินแล้ว ฟิตเกิ๊นนนนน” เม่นบอกผมที่วิดพื้นเพลิน จนเลยที่ตั้งใจเอาไว้ “มึงกดโทรหาถิงถิงให้กูที” “เฮีย เม่นโทรแล้ว เธอไม่รับสาย วันนี้ไปเดทนี่ครับ ไปทำอะไรให้เธอโกรธอีกละครับ” เม่นถามในสิ่งที่ตัวผมเองยังไม่รู้เลย หรือโกรธเพราะบอกว่าไปกับไอ้วิน แล้วทำให้เธอมีงาน “ไม่รู้เลยว่ะ โกรธอะไรกูวะ โอ้ยยย ยัยนี่ก็เข้าใจยากเกินนนนน” ประสาทจะกิน 2 วันถัดมา “ไงมึง พร้อมนะ ถ้าตายอ่า กูจะเอาโคโยตี้ พริตตี้ไปเต้นในงานศพมึงให้” ไอ้น้องเวร ให้กำลังใจกูดีจริง ๆ ผมมองไอ้วินที่พันผ้าพันแผลที่มือให้ผม เพื่อเวลาที่จับอาวุธ จะได้ถนัดมือ “ถิงถิงงอนอะไรไม่รู้ ไม่รับสายมา 3 วันละ เขาบอกอาจจะมีงานกับมึง มึงมีงานไหนทำกับเขาบ้างมะ” ผมถามไอ้วินออกไป แบบไม่ได้คิดอะไร แต่สายตาของไอ้น้องชายผมดิ มันกะลิ้มกะเหลี่ยจนอยากจะเอานิ้วทิ่มตามัน “ก็ปกติอ่า ยัยนั่นมันพวก Introvert หนะ โลกส่วนตัวสูงมาก ทำใจเดี๋ยวอารมณ์ดี ๆ ก็โทรกลับมาเอง เอาเรื่องไอ้ 14 นี่ก่อน จุดอ่อนของพวกสายความเร็วคือ มันบาง จับให้อยู่ ทุบให้ได้สักสองที ความเร็วมันก็ตกแล้ว” ไอ้วินแนะนำจุดอ่อน ซึ่งผมรู้อยู่แล้ว ว่าร่างผอมบางของมันแค่ทุบสองที ก็นอนแล้ว “กูชวนเขามาเชียร์ แต่เขาไม่มา พอบอกว่ากูจะมากับมึงก็งอนกูเลย จนตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้เลย” “คุณไฟ แสตนด์บายนะคะ เดี๋ยวบนเวทีจะตะโกนเรียกค่ะ แล้วคุณไฟวิ่งไปเลยนะคะ” สต๊าฟเดินมาหาผม พร้อมกับบอกคิวที่ผมจะต้องขึ้นเวที แล้วหลังจากนั้นไม่นาน กรรมการบนเวที ก็ประกาศผ่านไมค์เสียงดัง ทำไมประวัติผมมันโคตรน่าเกียจจังวะ ใครมันเป็นเป็นคนเขียนสคริปให้กรรมการ พอผมหันไปเห็นน้องขายที่กำลังหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก็รับรู้ได้ทันที มึงสินะ [ ชายผู้มากับไฟ ร้อนแรงเหมือนไฟที่โหมกระหน่ำ ที่จะสะบัดพัดโหมสาว ๆ ให้ร้อนรัก และร่านราคะไปกับเขาเลย สาวแก่แม่หม้าย เด็กสตรีและคนชรา เขาเบิร์นได้หมด คุณชายไฟสายเบิร์น!!!! ทีมสีดำ!!!! ] เสียงเรียกชื่อผมทำให้ผมต้องเดินไปขึ้นเวทีด้วยความอับอายกับสคริปเปิดตัว [ บุคคลปริศนา ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร บุคคลที่มาพร้อมความว่องไว ฆ่าและขยี้ศัตรูทุกคนที่สู้ด้วย โม่งแมนนนน ทีมสีขาว!!! ] เออมีคนชื่อทุเรศกว่ากูแล้ว สกิลการตั้งชื่อของมึงแม่งแย่มาก กรรมการให้เราพ่นไฟ พ่นน้ำลายใส่กันสั้น ๆ เพื่อขิงกันไปมา รอยอดพนันมันขึ้นจนหมดเวลารับแทง ไมโครโฟนถูกส่งให้ผม แต่จะให้ผมพูดอะไร หล่อ ๆ แบบผม มีหน้าตาเป็นอาวุธ “ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อแพ้ และเรื่องส้นตีนเนี่ยยังไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลย วันนี้ฉันจะกระชากหน้ากากแกให้ได้ ขอดูหน่อยเถอะวะ ว่าใต้หน้ากากนี้มันเป็นยังไง” ผมจับที่หน้ากากของไอ้โม่ง แต่มันกลับปัดมือผมออก ผมที่จะเข้าใกล้มันก็ไม่ยอม ผลักผมออกอีก แต่บอกเลยคนดูชอบมาก ผมส่งไมค์คืนให้กรรมการ แล้วบอกไอ้เตี้ยตรงหน้าอย่างพิจารณา แม่งสูงแค่อกผมเอง ผมที่สูง 189 นี่ดูโย่งไปเลย “โม่งแมน อยากบอกอะไร คู่ต่อสู้ไหมเขาท้ามาขนาดนี้แล้ว” กรรมการแม่งเสี้ยมเก่ง “เก่งไม่กลัว กลัวช้า หน้ากากนี้ จะไม่ยอมเปิดเด็ดขาด วันนี้แกไม่มีทางชนะฉันเด็ดขาด ไม่มีวันที่ฉันจะให้ชนะด้วย” เสียงที่ออกมาจากไอ้โม่งแมน มันผ่านเครื่องดัดเสียงมา ไม่ใช่เสียงจริง ๆ ของมัน “ไม่มี กฏ ไม่มีกติกา ใครยอมแพ้ เท่ากับแพ้ ใครที่ตายหรือหมดสภาพสู้ เท่ากับแพ้” แกร๊งงงง ๆ ~* เสียงระฆังดังขึ้น บอกถึงการต่อสู้ที่เริ่มขึ้น ไอ้โม่งมันมองหาอาวุธมาจัดการผม แต่ผมใช้แรงที่มากกว่า คว้าคอเสื้อของมันจนลอยขึ้นมาจากพื้นเลย ตัวเบามาก!!! แค่มือเดียวก็ยกลอยแล้ว เท้าของมันตวัดขึ้นมาจนจะถึงหน้าผม ผมเลยต้องปล่อยมัน เพื่อเซฟตัวเอง “จะไปไหน” ผมที่จะตามไปจับมัน ไม่ให้มันวาดลวดลายบนเวทีได้ ก็โดนไม้หน้าสามหวดเข้ากลางลำตัว แอบจุกไม่น้อยเหมือนกัน คนที่ตั้งตัวได้แล้วตั้งท่าจะสู้กับผม ผมปล่อยโอกาสที่จะชนะไปแล้ว จะให้โอกาสกลับมาอีกครั้ง คือผมต้องจับมันให้ได้ ตอนนี้ไอ้โม่งมันวิ่งเข้าหาผม สลับซ้ายขวาแทบจะมอกไม่ทันเลย แล้วไม่นานมันก็มาโผล่จากทางด้านหลัง มือเล็ก ๆ กดหัวของผม จนหน้าทิ่มไปกับพื้นเวที โอ้ยยยย!!!! เจ็บ ๆ ใช้แรงทั้งตัวเพื่อกดผมให้ลง “บอกแล้วว่าไม่มีทางจะให้ชนะ ยอมแพ้ออกมาซะ” เสียงที่ดังจากเครื่องแปลงเสียง ดังขึ้นพร้อมกับหน้าแข้งที่กดลงที่ต้นคอของผม ทำไมถึงให้ผมยอมแพ้ ทำไมไม่ฆ่าเหมือนคนอื่น “เรื่องอะไร ฉันจะต้องชนะ” ผมคว้าขาของไอ้โม่งอีกข้าง แล้วออกแรงดึงอย่างแรง ทำให้หัวของมันกระแทกกับพื้นเวทีอย่างแรง ผมเลยตามไปคร่อมร่างเล็กของมันเอาไว้ เพื่อที่จะเปิดหน้ากากไอ้โม่ง แต่ดูเหมือนยังเวียน ๆ ที่หัว ผมเลยจะดึงหน้ากากมันออก มันกลับจับเอาไว้แน่น ด้วยสีหน้าตกใจ ผมเลยง้างหมัดจะชกเข้าหน้าของมัน แต่มันหันหน้าหลบ เหมือนจะตกใจ เอ๋!!! สำรวจร่่างกาย ตั้งแต่เอวขึ้นไปถึงหน้าอก เอวคอด หน้าอก ฮึ้ยยยยย นุ่ม “กรี๊ดดดดดด” ไอ้โม่งกรี๊ดเหรอ ชัดเลย ผู้หญิงแน่ แม้จะผ่านเครื่องแปลงเสียงก็ตาม “ขอโทษนะ แต่ผู้หญิงฉันก็ต้องชนะ ยอมแพ้ซะ” ผมพลิกเธอหน้าทิ่มลงกับสนาม แล้วรวบแขนทั้งสองข้างมาไขว่หลังเอาไว้ บีบให้เธอบอกยอมแพ้ ผมไม่นิยมทำร้ายผู้หญิง “ทำไมอยากชนะขนาดนั้น” เธอยังคงดิ้นไม่ยอมแพ้ “ก็จะเอาไอ้ตุ๊กตาสยองไปเป็นของขวัญวันเกิดแฟนอ่า ฉันจะไม่สามารถขอได้ ถ้าหากว่าเธอไม่ยอมแพ้” ผมบอกเธอให้ยอมดี “ยอมแพ้!!! ยอมแพ้แลัว” เสียงที่ดังผ่านเครื่องแปลงเสียงดังขึ้น ทำให้กรรมการเดินเข้ามายกมือผมให้ชนะ แต่ไอ้โม่งมันกลับพุ่งตัวเข้ามาใส่ผม แล้วนาบริมฝีปากลงมาแตะที่ปากผมก่อนจะลุกขึ้นไปเลย!! กลิ่น กลิ่นเมื่อกี้ กลิ่นนนนนน!!!! ผมมองตามหญิงสาวในหน้ากากไป แต่จะวิ่งไปหาก็ไม่ได้ ก็ติดมือไอ้กรรมการเนี่ย!!! “ผู้ชนะของคืนนี้ คือ คุณชายไฟสายเบิร์นคร้าบบบ!!!!” ไอ้เวรกรรมการ มึงช่วยรีบปล่อยกูสักที ผมมองหาหญิงสาวเมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับไม่เจอแม้แต่เงา แม่งเอ้ย!!! อยากชกกรรมการว่ะ มึงอ่า ต่อยกับกูมะ แม่งรั้งตัวกูเก่งจังเลย ผมลงเวทีมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด อยากจะซัดกับกรรมการให้มันรู้แล้ว รู้รอด ถ้านอกรอบได้ผมจะใส่เดี่ยวกับมันเป็นคนแรกเลย “มึงเห็นโม่งนั่นไหม” ผมถามน้องชาย ก่อนที่มันจะส่ายหัว “มันอ่อนกว่าที่คิดเอาไว้อีกนะ” ไอ้วินมองการต่อสู้ของมัน “มันไม่ได้อ่อน แค่มันสตั้นบ่อย โดนจับกดก็ตัวสั่นแล้ว มันมีโอกาสจะหยิบอาวุธ แต่ก็ยังดิ้นรนจะสู้มือเปล่า มันมั่นใจถ้าใช้อาวุธมันชนะแน่ แต่ดันใช้มือเปล่า แล้วเมื่อกี้มันจูบกูด้วย!!!!” ผมหงุดหงิดตรงที่จูบนี่แหละ!!!! แล้วไม่นานหญิงสาวในชุดกระโปรง ก็เดินมาหาผมด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวที่ผมชวนมา แล้วบอกว่าจะไม่มาแน่นอน ตอนนี้กลับยอมมา แถมยังมาในใบหน้าที่มีเครื่องสำอางบาง ๆ จนเหมือนแทบไม่ได้แต่ง “เฮียแข่งจบแล้วเหรอคะ ถิงถิงมาไม่ทัน” จ้ามาไม่ทัน “เหรอ ฉันหงุดหงิดเธอจนจะบ้าอยู่แล้ว” จูบแม่งเลย ผมกระชากคนที่อยู่ในชุดกระโปรงเข้ามาจูบ ใส่ชุดกระโปรงบ้าอะไร เหงื่อเต็มตัวเลย ไปฟัดกับหมามารึไง ผมป้อนจูบอย่างต่อเนื่องแม้เธอจะพยายามดันผมออก ผมก็ยังบดริมฝีปากจูบเธออยู่แบบนั้น ท่ามกลางคนเยอะ ๆ นั่นแหละ ผมจูบจากคนที่ต่อต้านกลายเป็นนิ่งเฉย จากนิ่งเฉยกลายเป็นตอบรับจูบของผมช้า ๆ ผมดึงแขนของเธอมาคล้องคอเอาไว้ “โอ้ยย!!!” “เจ็บเหรอ รุนแรงไปสินะ วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก อ้าปากหน่อย” ผมสั่งคนที่ตัวเล็กกว่าให้ทำตามก่อนจะประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง ครั้งนี้ผมสอดลิ้นเข้าในโพรงปากหวาน ร่างบางที่สั่นสะท้านตอนนี้เริ่มอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของผม ผมเลยทิ้งร่างเล็ก ๆ ของเธอลงพื้นเลย “โอ้ยยยย เฮียปล่อยฉันทำไมอะ!!!” “ก็บอกว่าถ้าเธอเยอะกับเฮียอีก จะจูบให้ล้มไง แล้วไม่ต้องหนีแล้วนะ ฉันจำกลิ่นไอ้หมีสยองของเธอได้” จำไม่ได้ได้ยังไง ก็กอดมันทุกคืน “เอ่อออ คือ….ฉันว่า ฉันกลับดีกว่า รู้สึกบรรยากาศไม่ค่อยดี” “ใครอนุญาต!!!! คืนนี้เธอต้องไปนอนกับเฮีย” ผมรวบร่างบางพาดบ่า แล้วหิ้วกลับบ้านเลย แม่ง กูก็ว่า ต่อสู้ห่าอะไรช็อคอากาศบ่อยจัง ที่แท้ ไอ้ที่นิ่ง ๆ คือยัยนี่กำลังเขินอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD