“กินแล้วก็กินอีกได้อีก” เขากุมแก้มของเธอเอาไว้ ตบกลับเบาๆ ก่อนจะทาบหน้าผากกับหน้าผากนูนเกลี้ยง กัดจมูกเล็กๆ อย่างเอ็นดู
“เดี๋ยวหนูดีจะดูนะคะว่ามีอะไรที่จะพอทำกินได้บ้าง” เธอแอบดัดแปลงอาหารทำโน่นทำนี่ออกบ่อยตอนอยู่กับมารดาเลี้ยงเพราะท่านไม่สนใจไยดีตั้งแต่บิดาเสีย ไม่หาข้าวปลาอาหารให้เธอกินด้วย เธอจึงหันมาสนใจทำอาหารด้วยตนเอง
ความอ่อนโยนของพจน์มันเต็มไปด้วยความใส่ใจดูแล เขาอบอุ่นและทำให้เธออุ่นใจยามได้ชิดใกล้ มือหนาเช็ดผมให้อย่างเบามือ ทำให้ดรุณีถึงกับอมยิ้ม หลับตาพริ้มเพราะรู้สึกสบาย
“หลับตาพริ้มเชียว” เขาแนบใบหน้าเข้ามาหา พลางกระซิบเบาๆ ที่ริมหู เธอหันไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่แล้วก็อมยิ้มให้เขา
“ก็สบายนี่คะ สบายหัว สบายตัวด้วย ได้แช่น้ำพุร้อนนี่สบายจริงๆ” เธอเอนหลังไปพักพิงอิงแอบกับอกกว้าง ซุกใบหน้าถูไถไปมาเหมือนลูกแมวตัวน้อย
พจน์อุ้มร่างน้อยออกไปยังห้องครัวทางด้านหลัง เธอเหยียบยืนบนพื้นแล้วมองไปรอบกายด้วยความรู้สึกถึงความสุข ความอิสระ และหายจากความหวาดระแวงและหวาดกลัวที่ทำร้ายเธอมานานหลายปี
เธอมองโน่นมองนี่แล้วอมยิ้ม ก่อนจะอุทานเบาๆ เมื่ออ้อมแขนแกร่งโอบกอดมาทางด้านหลัง
“อุ๊ย! อาพจน์”
“ชอบไหม” เขากอดรัดร่างน้อยแนบอก แนบแก้มเข้าหาด้วยความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู
“ชอบค่ะ อาพจน์ถามแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็ตอนที่อาสร้างครัวนี้ขึ้นมา อาก็นึกถึงหนูดีไปด้วย”
“อาพจน์ทำเองกับมือเลยเหรอคะ” เธอถามอย่างแปลกใจ
“ใช่ครับ อาชอบทำอะไรด้วยตัวเอง” พจน์คิดว่าการทำอะไรด้วยตัวเองมันจะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของมัน และได้ทำในสิ่งที่ต้องการอย่างเต็มที่ เราต้องการแบบไหนก็ออกแบบเช่นนั้น ให้คนอื่นทำแล้วไม่ได้ดั่งใจ จะให้เขาแก้ไขให้ตามที่ตนต้องการก็เกรงใจ เขาเลยเลือกที่จะทำอะไรเองตั้งแต่เด็ก
อาจเพราะมารดาสอนให้รับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็ก และดูแลน้องสาวด้วย เขาจึงเริ่มเรียนรู้ถึงความมีวินัยในการทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ และมีตารางการใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยมอยู่ในหัว ช่วงไหนพักผ่อนก็คือการพักผ่อนโดยแท้จริง เขาไม่ได้ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง แต่เน้นการทำงานให้เหมือนกับการใช้ชีวิต มีความสุขกับมันให้มากที่สุด
“นึกถึงหนูดีเหรอคะ”
“ใช่ครับ ฝันว่าอยากให้หนูดีมาอยู่ข้างๆ กันแบบนี้”
“ตอนนี้หนูดีก็มาอยู่ข้างๆ อาพจน์แล้วไงคะ หนูดีขอดูก่อนนะคะว่ามีอะไรที่จะทำกินได้บ้าง” เธอบอกเขาแล้วก็ต้องอมยิ้มกับอาหารมากมายที่เขาสรรหามาบรรจุเอาไว้ทั้งในตู้เย็นและตู้ต่างๆ ที่นี่มีเครื่องปั่นไฟจึงสามารถอยู่กันได้อย่างสบายแบบไม่ต้องก่อกองไฟเองหรือใช้ไม้ฟืนเหมือนอย่างที่เธอนึกจินตนาการเอาไว้
“หอมมากเลยครับ” เขาโอบกอดมาทางด้านหลัง หอมแก้มเธอฟอดใหญ่ มองอาหารที่เธอกำลังทำด้วยรอยยิ้ม
“อะไรหอมคะ” ที่เธอถามเพราะเขาหอมแก้มเธอซ้ำๆ ไม่ยอมหยุด
“กับข้าวก็หอม แก้มเมียก็หอม”
“เวลาอาพจน์เรียกแบบนี้รู้สึกจั๊กจี้จังเลยค่ะ”
“ไม่ชอบเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ไม่ชิน ก็เลยรู้สึกเขินๆ น่ะค่ะ” เธอทำท่าเขินอาย
“อาหารเสร็จแล้วเราช่วยจัดโต๊ะอาหารกัน นั่งกินอาหารท่ามกลางแสงจันทร์น่าจะดีนะครับ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วย”
“ในป่าแบบนี้ ยุงได้หามไปทิ้งป่าแน่ๆ เลยค่ะ”
“ไม่หามครับเพราะเรามีนี่” เขายกยากันยุงจากตะไคร้หอมขึ้นมาให้เธอดู
“บรรยากาศดีจังเลยค่ะ หนูดีไม่เคยกินอาหารท่ามกลางแสงจันทร์มาก่อน” เธอถึงกับอมยิ้ม รู้สึกตื่นเต้นกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะได้ทำร่วมกันกับเขา
พจน์จัดโต๊ะอาหารตรงระเบียงหน้ากระท่อม ลำเลียงอาหารออกไปนั่งรับประทานกันตรงนั้น เขาจุดเทียนหอม ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกและอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมทำให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น
“หนูดีไม่คิดว่าอาพจน์จะโรแมนติกขนาดนี้”
“อาไม่ได้คิดเรื่องโรแมนติกอะไรหรอกนะ คิดแค่ว่าอยากทำให้บรรยากาศดีแล้วก็รับประทานอาหารกันอย่างมีความสุขเท่านั้น”
ดรุณีนั่งกินอาหารไป ชมจันทร์ไปอย่างมีความสุข เธอรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ เพราะตอนนี้พ้นจากแม่เลี้ยงใจร้ายมาได้แล้ว
พจน์เป็นผู้ชายน่ารักใส่ใจเขามีความรักและความจริงใจให้เธอเสมอ ไม่เคยขาด
“อะไรครับ” พจน์เอ่ยถามเมื่อเธอตักอาหารยื่นมาที่ปากของเขา
“อาพจน์อ้าปากสิคะ หนูดีอยากป้อนอาพจน์คะ” เธอบอกเขาเสียงหวาน พจน์อมยิ้มก่อนจะอ้าปากรับอาหารที่สาวน้อยป้อนให้เขา
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อยครับ” เขาตักมาจ่อที่ปากของเธอด้วย
“อะไรคะ”
“อ้าปากสิครับ” เขาแทบหลุดขำออกมากับประโยคล้อเลียนของเธอ ไม่ได้นึกรำคาญหรืออะไรเลย เขามีความสุขที่ได้หยอกล้อกับภรรยาสาวคนสวย
“อาพจน์น่ารัก” เธอพูดแล้วอ้าปากรับอาหารที่เขาป้อนมาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย รู้สึกว่าวันนี้อาหารอร่อยเสียเหลือเกินในความรู้สึก
“มานั่งตักอามา” เขาตบหน้าตักของตัวเองไปมา เรียกให้ภรรยาสาวมานั่งบนตัก ดรุณีลุกไปนั่งบนตักของพจน์ คล้องคอหนาของเขาเอาไว้ ก่อนจะจุ๊บแก้มของเขาฟอดใหญ่
“กับข้าวอร่อยมากๆ เลยนะ ขอบใจนะที่ทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้อากินแบบนี้” เขาทาบหน้าผากไปกับหน้าผากนูนเกลี้ยงอย่างแสนรัก ก่อนจะขยี้จมูกเล็กๆ ของเธอเบาๆ ด้วยจมูกโด่งๆ ของเขา
“หนูดีอยากทำให้อาพจน์กินแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ” เธอตบแก้มเขาเบาๆ จุ๊บปากของเขาอย่างน่ารัก
“อาก็อยากกินทุกวันเลย” น้ำเสียงของพจน์แหบพร่าตวัดร่างน้อยขึ้นอุ้มก่อนจะพาเดินไปที่เตียงนอนกว้าง
“กินอะไรคะ”
“นั่นสิกินอะไร” เขาไล้แก้มสาวไปมาเบาๆ แทรกกายเข้าตรงหว่างขาสาว ความร้อนผ่าวที่แนบชิดเข้ามาหาทำให้เธอต้องร้องครางออกมาด้วยความรัญจวน
“อาพจน์น่ะ” เธอพูดอย่างเขินอาย ไล้แก้มสากของเขาเล่นเช่นเดียวกัน
พจน์งับนิ้วเล็กๆ ของเธอเล่นก่อนที่จะจุมพิตไปตามเรียวแขนของเธอเบาๆ จนถึงลาดไหล่ละมุน เขาค่อยๆ ปลดอาภรณ์ท่อนบนของเธอออกไปจากเรือนร่าง พร้อมด้วยมือหนาที่ลูบไล้ไปทั่วสรรพางค์กาย
ปลายนิ้วของเขาที่เกลี่ยไปทั่วผิวกายผุดผ่องของเธอให้ความรู้สึกสยิวพร้อมๆ กับความเสียวซ่านที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้งในห้วงความรู้สึก
ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาค่อยๆ จุมพิตผิวกายของเธออย่างไม่รีบร้อน มันทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความปรารถนาที่เขาค่อยๆ จุดขึ้นมาเหมือนเปลวไฟลุกโชนที่พร้อมจะมอดไหม้ในทุกๆ วินาที
ลิ้นของเขาเกลี่ยไปตามซอกขาด้านใน กดซ้ำๆ จนผิวกายส่วนนั้นสั่นระริก ปากของเขากำลังทำให้เธอแทบหลอมละลายลงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
ลิ้นและปาก รวมถึงนิ้วแกร่งของเขากำลังเล้าโลมจุดอ่อนไหวที่สุดในร่างกายของเขา ปลายลิ้นร้อนรุ่มซุกแทรกเข้ามาสัมผัสกับยอดเกสรสวาท พร้อมๆ กับการตวัดลามเลียที่สุดแสนเสียวซ่าน ในขณะที่นิ้วของเขาซุกแทรกเข้าหาปากถ้ำสวาทที่กำลังฉ่ำเยิ้ม
“อื้ม...” เสียงครางของเธอทำให้เขายิ่งเร่งเร้านิ้วแกร่งเข้าออกให้มากยิ่งขึ้น สะโพกสาวหยัดขึ้นมารับการจู่โจมของเขาด้วยความรัญจวน
“รักอาไหม” พจน์ขยับกายขึ้นมาทาบทับพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดรุณีพยักหน้าด้วยรอยยิ้มหวานหยด
“ไม่เอา ต้องบอกให้อาชื่นใจก่อน” เขากระซิบอยู่ตรงริมหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าปนเรียกร้อง ในขณะที่เธอหอมแก้มเขาก่อนจะกระซิบตอบกลับไปด้วยความรู้สึกขัดเขินไม่น้อย
“รักค่ะ รักอาพจน์ที่สุดเลย”
“น่ารักที่สุดสาวน้อยของอา” พจน์กอบกุมใบหน้านวลเนียนของเธอเอาไว้ ก่อนจะบดจูบริมฝีปากน้อยอย่างดูดดื่ม เธอจูบตอบเขาอย่างน่ารัก ให้ลิ้นของเขาเข้ามาสัมผัสกับลิ้นเล็กๆ ในโพรงปากของเธอระรัว ปลายลิ้นที่แตะเข้าหากันให้ความรู้สึกซ่านสยิวเหลือกำลัง