ประชากรโลกทั้งหมดกว่าเจ็ดพันล้านคน นอกจากจะมีเพศหลักชายหญิงแล้ว ยังมีเพศรองที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สถานะทางสังคมว่าจะได้อยู่บนจุดสูงสุดของยอดพีระมิด หรือจุดต่ำสุดของฐานล่าง โดยแบ่งแยกเพศสภาพรองออกเป็นสามชนชั้นได้แก่ อัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า โดยมีสัดส่วน 20:70:10 ตามลำดับ
Alpha (α) อัลฟ่า คือ ชนชั้นสูงสุด มีความเป็นผู้นำสูง มักจะมีรูปร่างสูงใหญ่ มีพละกำลังมาก สติปัญญาเป็นเลิศ เก่งกาจในทุก ๆ ด้าน ศักยภาพเหนือกว่าชนชั้นอื่น ในบางครั้งอัลฟ่าจะใช้กลิ่นเฉพาะตัวกดดันผู้อื่นให้หวาดกลัวและยินยอมทำตามคำสั่ง ยิ่งเป็นสายเลือดบริสุทธิ์จะยิ่งมีพลังมากกว่าสายเลือดผสม อัลฟ่าชายสามารถทำให้โอเมก้าท้องได้ ส่วนอัลฟ่าหญิงมีอวัยวะทั้งเพศชายและเพศหญิงอยู่ในตัว สามารถท้องได้ แต่ถ้าจับคู่อัลฟ่ากับอัลฟ่าจะท้องยากมาก มีโอกาสต่ำกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์
Beta (β) เบต้า คือ บุคคลธรรมดา ไม่มีลักษณะโดดเด่น เป็นเพียงผู้ชายและผู้หญิงทั่วไป มักเป็นลูกน้องใช้แรงงานมากกว่าใช้สมอง โดยเบต้าชายสามารถรับรู้กลิ่นของโอเมก้าได้ และอาจมีปฏิกิริยาเล็กน้อยต่อฟีโรโมนตอนโอเมก้าฮีท แต่ไม่ส่งผลรุนแรงเท่ากับอัลฟ่า เบต้าหญิงท้องได้กับทุกชนชั้น
Omega (Ω) โอเมก้า คือ ชนชั้นล่างสุด ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ในปัจจุบันไม่ได้ถูกเหยียบย่ำเท่าในอดีต โอเมก้าชายสามารถท้องได้เหมือนโอเมก้าหญิง โดยปกติจะมีรูปร่างบาง ตัวเล็ก แรงน้อย มักเชื่อว่าโอเมก้าเป็นพวกไม่ค่อยฉลาด มีดีแค่ร่างกายที่ปล่อยกลิ่นฟีโรโมนล่อลวงเหล่าอัลฟ่าให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งแย่งชิงกันเอง ถูกใช้เป็นเครื่องมือผลิตทายาทเพราะอัลฟ่าหญิงมีบุตรยากมาก
Heat ฮีท คือ อาการที่โอเมก้าเข้าสู่ช่วงสืบพันธุ์ มีความต้องการทางเพศสูง จะปล่อยฟีโรโมนกระตุ้นอัลฟ่าให้อยากมีเพศสัมพันธ์ด้วย ในหนึ่งเดือนจะเกิดอาการฮีท 3-7 วัน มีน้ำหล่อลื่นหลั่งออกมาเป็นจำนวนมากทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์สูง เป็นช่วงที่โอเมก้าอ่อนแอถึงที่สุด ไม่มีสติปกป้องตัวเองจึงมักซ่อนตัวอยู่ในห้องให้ปลอดภัยจากการถูกบังคับขืนใจโดยอัลฟ่า ปัจจุบันมียาระงับฮีททั้งแบบเม็ดและแบบฉีด ยิ่งราคาแพงยิ่งประสิทธิภาพดี ส่วนที่ราคาถูกจะมีประสิทธิภาพต่ำลงมา หากใช้เป็นเวลานานจะเกิดอาการดื้อยาได้ ยังมียาคุมกำเนิดสำหรับโอเมก้าที่ยังไม่พร้อมมีบุตร
Rut รัท คือ อาการติดสัดของอัลฟ่าที่ตอบสนองต่อโอเมก้าฮีทอย่างรุนแรงจนถูกสัญชาตญาณดิบครอบงำ จะโหยหาแต่การมีเซ็กซ์จนขาดสติ ก้าวร้าว และไร้เหตุผล ในบางครั้งจึงเกิดการต่อสู้ระหว่างอัลฟ่าด้วยกันเองเพื่อแย่งชิงโอเมก้า ปัจจุบันมียาระงับอาการรัททั้งแบบเม็ดและแบบฉีด โดยแบบฉีดระงับฉุกเฉินจะมีผลทันทีและอยู่ได้แค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
Knot น็อต คือ การที่ส่วนโคนของอวัยวะเพศชายอัลฟ่าซึ่งเป็นเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำขยายตัวเพราะเลือดคั่งจนล็อกติดกับช่องคลอดหรือทวารหนักของคู่นอน โดยจะปล่อยน้ำเชื้อเป็นระยะราว 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แล้วจะยุบลงไปเอง ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ของเหล่าโอเมก้า อาการน็อตจะเกิดขึ้นตอนช่วงที่โอเมก้าฮีท บางครั้งอาจเกิดขึ้นนอกฮีทในตอนที่ทั้งคู่มีอารมณ์ร่วมรักมาก ๆ หรือเจอคู่ที่สมน้ำสมเนื้อ
การสร้างพันธะ คือ การที่อัลฟ่ากัดหลังคอของโอเมก้าเพื่อตีตราสัญลักษณ์ในช่วงที่โอเมก้าถึงจุดสุดยอด เมื่อโอเมก้าถูกกัดคอจะไม่สามารถไปมีอะไรกับอัลฟ่าคนอื่นได้ หากฝืนทำจะมีอาการต่อต้านรุนแรง รอยพันธะหลังคอจะไม่มีวันหายไปตลอดชีวิตจนกว่าคู่จะตายลง ส่วนอัลฟ่ายังสามารถไปมีอะไรกับโอเมก้าคนอื่นได้
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการผูกพันธะโดยไม่ตั้งใจจึงมี ปลอกคอ ซึ่งทำขึ้นเป็นพิเศษไม่ให้เหล่าอัลฟ่ากัดคอโอเมก้าได้ ปัจจุบันมีหลายแบบให้เลือกซื้อ ทั้งแบบล็อกรหัสหรือสแกนนิ้วมือ ยิ่งมีราคาแพงก็ยิ่งเหนียวแน่นทนทานกัดไม่ขาดง่าย ๆ
คู่แห่งโชคชะตา คือ คู่อัลฟ่าโอเมก้าที่มีลักษณะฮอร์โมนตรงกัน ถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นของกันและกันโดยไร้เงื่อนไข จะมีปฏิกิริยาต่อกลิ่นของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนยาระงับฮีทกับยาระงับรัทไร้ผล ซึ่งจะพานพบได้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคนที่ได้พบคู่แท้ของตัวเอง
แม้ปัจจุบันเพศสภาพรองจะไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันเทียบเท่าในอดีต ที่โอเมก้ามักถูกข่มเหงรังแกเยี่ยงทาส เป็นที่เยียบย่ำของสังคม แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับในการเข้าทำงานของบริษัทหลาย ๆ แห่งเพราะกลัวโอเมก้าจะเกิดอาการฮีทแล้วสร้างความวุ่นวายจนทั้งอัลฟ่าทั้งเบต้าไม่เป็นอันทำงาน หรือแม้แต่การเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาลัยก็เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับโอเมก้าเช่นกัน
‘นิมมาน’ เดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมาเรียนต่อมหา’ ลัยที่ตัวเองได้รับทุนการศึกษา หลังจากลงสนามสอบแย่งชิงทุนกับนักเรียนคนอื่นสุดชีวิต แล้วก็เอาชนะมาได้ด้วยคะแนนสูงสุด ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เก่า ๆ ใกล้กับที่เรียน ถึงห้องจะดูทรุดโทรมไปบ้าง เส้นทางกลับตอนกลางคืนก็ดูเปลี่ยวจนไม่น่าเดินผ่าน แต่เพราะราคาถูกเลยจำใจต้องอยู่
เวลาห้าโมงเย็น เด็กหนุ่มเดินออกมาซื้อผักกับเนื้อสัตว์ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อนำไปประกอบอาหารมื้อเย็น ช่วงนี้ต้องอยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพราะค่ายาระงับฮีทในแต่ละเดือนกินเงินค่าขนมหายไปจนเกือบหมด ส่วนที่เหลือก็เป็นค่ารถกับค่าที่พัก แทบไม่พอเหลือสำหรับค่าข้าวด้วยซ้ำ
เห็นทีคงต้องเริ่มหางานพิเศษทำแล้วสิ เงินสำรองที่เก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินคงพอตุนอาหารได้อีกแค่หนึ่งสัปดาห์
จะมีที่ไหนรับโอเมก้าอย่างเขาเข้าทำงานไหมนะ
คิดแล้วกลุ้ม เกิดเป็นโอเมก้านี่โคตรลำบากเลย
ตระกูลหิรัญรชต ถือเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเขตภาคกลาง โดยผู้นำตระกูลคนปัจจุบันคือ ไตรวุฒิ อัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ พ่อของไตรวิชญ์ ซึ่งอีกไม่นานชายหนุ่มจะได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อจากบิดา แม้เขาจะเป็นบุตรชายคนที่สองก็ตามที แต่เพราะพี่ชายคนโตสละสิทธิ์ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว ภาระหน้าที่ทั้งหมดจึงถูกโยนมาให้เขาโครมใหญ่ อยากจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้เลยต้องจำใจรับมา
กิจการครอบครัวเขาทำแค่ธุรกิจสีเทาหม่นๆ เท่านั้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ และค้าขายอาวุธเถื่อน แต่มีบ่อนการพนันผิดกฎหมายและเปิดซ่องให้เหล่าอัลฟ่าเข้าใช้บริการอย่างลับๆ ยังมีการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง เพราะนอกเหนือจากเขตภาคกลางก็ยังมีคนจากอีกสี่เขตที่จ้องจะช่วงชิงพื้นที่แถบนี้ไป
เพราะเขตนี้เจริญรุ่งเรืองที่สุด ทั้งด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และยานยนต์ ผลผลิตของเขตกลางให้ผลกำไรได้ดีมากกว่าเขตอื่น ทำรายได้ได้มหาศาลต่อเดือนจนเป็นที่อิจฉาริษยาของเขตอื่น พวกมันจึงส่งคนมาก่อกวนหมายจะเล่นงานตระกูลเขา
อย่างเช่นเหตุการณ์ในวันนี้ที่มีคนลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาส่งมอบกันอย่างลับ ๆ ในเขตเขา แล้วจัดฉากให้พวกตำรวจผ่านมาเจอเข้าพอดิบพอดี เพื่อใส่ร้ายป้ายสีโยนความผิดให้ตระกูลหิรัญรชตรับผิดชอบ เพราะไม่สามารถดูแลพื้นที่ที่ตัวเองปกครองได้ เมื่อถูกถอดชื่อออกจากการถือสิทธิ์ครอบครองเขตแดน อีกสองตระกูลที่เหลือจะเข้ามามีบทบาททันที ซึ่งไตรวิชญ์จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้ตระกูลของเขาต้องแปดเปื้อนเด็ดขาด
“รนหาที่ตาย บอกมาว่าใครเป็นคนส่งพวกมึงเข้ามาซ่าในเขตกู!” เสียงตะคอกทรงพลังของไตรวิชญ์ทำให้พวกคนที่ถูกซ้อมจนมีสภาพสะบักสะบอมพลันสะดุ้งตัวโหยงขึ้นพร้อมกัน
ใครจะคิดว่าไตรวิชญ์จะแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ทั้งที่บุกมาจับกุมพวกเขาแค่คนเดียวยังซัดพวกเขาเกือบยี่สิบคนซะหมอบราบคาบ สภาพปางตายไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้อีก กลิ่นอายอำมหิตเลือดเย็นแผ่กระจายโอบล้อมพวกเขาไว้ แรงกดดันมหาศาลที่ส่งตรงมาให้ความรู้สึกเหมือนถูกแผ่นหินใหญ่ยักษ์กดทับร่างจนหายใจไม่ออก
นี่หรือคือพลังของผู้นำ ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร!
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน เกิดมาไม่เคยเจอคนที่มีสีหน้าท่าทางดุร้ายดำทะมึนเหมือนมีเงามัจจุราชมาซ้อนทับ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตายที่ยากจะหยั่งถึง แค่เพียงยืนอยู่ต่อหน้าสองขาก็สั่นระริกทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นท่า
สายตาดุกร้าวแกมสมเพชแบบนั้น ดูก็รู้ว่ากำลังสนุกกับการได้ทรมานเหยื่อ!
“อ๊ากกก!!”
“เป็นเสียงร้องที่ดีนี่! ถ้าพวกมึงยังปิดปากเงียบอยู่อีก บางทีกูอาจต้องตัดชิ้นส่วนบนร่างกายพวกมึงออกสักชิ้นสองชิ้น หรือไม่ก็ตัดขาแขนออก แล้วปล่อยให้พวกมึงเลือดหมดตัวตายอยู่ตรงนี้ ส่วนยาเสพติดพวกนี้ที่คิดจะให้ร้ายตระกูลกู กูคิดว่าคงหาที่มาของมันได้ไม่ยากว่ามาจากใคร เอาเป็นว่าพวกมึงไม่มีประโยชน์อะไรกับกูแล้ว สมควรที่จะต้องหายไปสักที”
ไตรวิชญ์ไม่เคยนำเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่น จริงอยู่ที่เขาไม่ชอบฆ่าใครเพราะไม่อยากให้มือตัวเองต้องแปดเปื้อนเลือด แต่กับคนที่คิดจะมาทำลายครอบครัวเขา เขาจะไม่ละเว้นชีวิตมัน
ชายหนุ่มหักนิ้วดังกร๊อบ ดวงตาสีน้ำตาลแดงวาววับดุจคมมีดที่ตัดเฉือนได้ทุกสิ่ง เพียงแค่ตวัดมองก็ราวกับถูกเคียวปีศาจมาพาดอยู่ตรงคอ ทำเอาพวกมันหนาวเยือกไปถึงกระดูกรีบลนลานถอยหนีพลางร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา แต่เมื่อไตรวิชญ์ตัดสินใจไปแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด
ศัตรูอย่างพวกมันไม่สมควรได้รับความปรานี!
สนับมือถูกสวมเข้าที่นิ้วมือทั้งสองข้าง ไตรวิชญ์ก้าวตรงเข้าไปจัดการเพียงลำพัง โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากลูกน้องเลยสักคน และพวกลูกน้องก็รู้จักนิสัยเจ้านายเป็นอย่างดีว่าถ้าไม่เรียกก็อย่าเสนอหน้าเข้ามาสอด เพราะไม่แน่ว่าคนที่จะถูกสั่งสอนเป็นรายต่อไปอาจเป็นพวกเขาซะเอง
เสียงโหยหวนยังไม่ทันได้หลุดออกจากปาก ใบหน้าก็ยุบหายไปครึ่งซีกจนผิดรูป หยดเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนกำแพง แลเห็นเงาปีศาจร้ายจากขุมนรกบดขยี้พวกสวะอย่างเลือดเย็น พอจัดการธุระเสร็จไตรวิชญ์ก็เดินออกมาจากตรอกมืดพร้อมกับหลังมือที่อาบชุ่มเลือด เขาถอดสนับมือส่งคืนผู้ติดตามพลางรับผ้าสีขาวมาเช็ดคราบเลือดออกจนสะอาดหมดจด
“จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย แล้วรีบส่งคนไปควานหาตัวคนที่บงการพวกมันมา ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสะสม! โดยเฉพาะพวกสวะที่ขอแค่ให้เงินมากหน่อยก็รีบกระดิกหางแปรพักตร์ ลากตัวพวกมันมาให้ฉัน ฉันจะสั่งสอนพวกมันเอง”
นี่คือโลกในปัจจุบันของพวกเขา แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแต่ขนบธรรมเนียมเดิมยังคงอยู่
อัลฟ่าคือผู้นำสูงสุด ผู้ที่ควบคุมครอบครองทุกอย่างได้ด้วยพลังจากสายเลือดบริสุทธิ์อันแข็งแกร่งของพวกเขา แต่เพราะอัลฟ่าไม่ได้มีอยู่แค่คนสองคนจึงเกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้น เพื่อที่จะเป็นจ่าฝูงอยู่เหนืออัลฟ่าทั้งปวง
ตระกูลเขาที่มีสิทธิ์ได้ครองตำแหน่งจ่าฝูงมากกว่าใครจึงถูกเพ่งเล็งและตกเป็นเป้าให้ตระกูลอื่นคิดล้มล้าง ทันทีที่ตระกูลเขาล่มสลายลง อีกสองตระกูลก็จะเข้ามาแย่งสิทธิ์การเป็นจ่าฝูง รวมถึงครอบครองพื้นที่ในเขตปกครองของพวกเขาด้วย
“จะตรงกลับบ้านเลยไหมครับ”
“กลับสิ เหม็นกลิ่นสาบเน่า ๆ ของพวกมันจะแย่”
บนเสื้อยืดสีน้ำตาลมีคราบเลือดติดอยู่จำนวนมาก ไตรวิชญ์ขมวดคิ้วก้มมองสภาพตัวเองด้วยสายตาหงุดหงิด ถึงเขาจะไม่สนใจว่าใครจะมองยังไงและคิดอย่างไรกับสไตล์การแต่งตัวของเขา แต่เขาก็เป็นพวกรักสะอาด เกลียดสุดก็เวลาที่มีกลิ่นอื่นติดอยู่บนตัว
ลักษณ์มองคุณชายรองของตระกูลหิรัญรชตด้วยสายตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ในแววตายังคงมีความเคารพห่วงใยในฐานะลูกน้อง ชายหนุ่มติดตามรับใช้คุณท่านพ่อของคุณไตรมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ก่อนจะถูกส่งต่อให้มาคอยดูแลรับใช้คุณชายรองแทน ปีนี้เขาอายุได้สามสิบหกปีแล้ว ถึงวัยที่ควรมีครอบครัวมีผู้หญิงสักคนมาเป็นภรรยา
เพียงแต่เขาเลือกครองตัวเป็นโสดเพื่อที่จะได้ใช้ทั้งชีวิตตอบแทนบุญคุณของท่านไตรวุฒิ ซึ่งเคยช่วยชีวิตเขาไว้ตอนสมัยยังเป็นวัยรุ่น ในตอนนั้นเพราะความคึกคะนองจึงเผลอไปมีเรื่องกับพวกทรงอิทธิพลเข้า โดนพวกมันตามไล่ล่าหมายเอาชีวิตจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ตอนที่เกือบจะถูกยิงตายก็ได้ท่านช่วยไว้ เขาจึงสาบานว่านับแต่นี้ไปจะปกป้องคุ้มครองคนในตระกูลหิรัญรชตจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ไตรวิชญ์เตรียมเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ไม่ไกล แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักฝีเท้า แหงนหน้าขึ้นสูดกลิ่นหอมเย็นที่โชยมาในอากาศ แค่เพียงได้กลิ่นจิตใจก็พลันสั่นไหวรุนแรง เลือดในกายพลันร้อนรุ่มพลุ่งพล่าน เริ่มสูญเสียการควบคุมตัว ฝ่ามือหนากำหมัดแน่น แข็งใจหันหน้ากลับไปถามผู้ติดตาม
“มีใครได้กลิ่นหอมประหลาดนี่บ้างไหม!”
นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงเข้มขึ้นเผยแววดุดันแข็งกร้าว ลมหายใจหอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าแดงก่ำผุดพรายด้วยหยาดเหงื่อไหลซกราวกับน้ำตก สีหน้าดูทรมานเหมือนกับกำลังอดทนอดกลั้นต่ออะไรบางอย่างที่มีอิทธิพลมากๆ จนใกล้จะขาดสติ ทำเอาลูกน้องที่อยู่ใกล้เผลอผงะถอยหลังด้วยความตกใจ
“คุณไตรเป็นอะไรไปครับ ทำไมถึงได้เหงื่อออกมากขนาดนี้” นาราถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
ลักษณ์หรี่นัยน์ตาแคบลงสังเกตอาการของเจ้านายแล้วก็พอจะคาดเดาได้ว่าเกิดจากอะไร
กลิ่นหอมที่คุณไตรพูดถึงคือกลิ่นฟีโรโมนของพวกโอเมก้า แต่พวกเขาที่เป็นอัลฟ่ากลับไม่มีใครได้กลิ่นหอมที่ว่านั่นเลยสักคน สีหน้าของคุณชายรองตอนนี้ไม่สู้ดีนัก เครียดขมึงดุร้ายคล้ายกับสัตว์ป่าคลุ้มคลั่งเข้าไปทุกที
ไตรวิชญ์กำลังรัท!
“พวกนายรออยู่แถวนี้ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“ให้พวกเราตามไปด้วยเถอะครับ”
“ไม่ต้อง! ห้ามใครโผล่หัวตามไปเด็ดขาด ถ้าใครไม่ยอมทำตามฉันจะฆ่าให้หมด!!”
สายตาเอาจริงเอาจังของไตรวิชญ์บอกให้ทุกคนรู้ว่าไม่ได้ล้อเล่น หากใครฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกช่วงชิงลมหายใจไปอย่างไร้ความปรานี ก่อนจะเดินตัวสั่นเทาไปยังทิศทางที่ได้กลิ่นหอมรุนแรงจนฉุนจมูก ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายกลิ่นนั้นก็ยิ่งแรงขึ้น ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ยังอีกตรอกหนึ่ง
หาเจอแล้ว ไอ้คนที่มันปล่อยกลิ่นยั่วยวนเขาจนร้อนไปหมดทั้งตัว!
อุ้งมือใหญ่คว้าท่อนแขนของคนที่กำลังจะเดินออกจากตรอกไว้แล้วเหวี่ยงกลับเข้ามาเหมือนเดิม นิมมานที่กำลังเดินทะลุออกจากตรอกแคบกลับไปยังอพาร์ทเมนท์ ก็ต้องหลุดเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกกระชากแขนจนตัวปลิวไปกระแทกผนังอย่างแรงจนแผ่นหลังเจ็บร้าว เหงื่อแตกซิก ใบหน้าเหยเกขาวซีดแทบหมดสติไปเสียเดี๋ยวนั้น
เดิมทีโอเมก้าก็เป็นพวกอ่อนแออยู่แล้ว ยิ่งมาเจออัลฟ่าบ้าพลังจับเหวี่ยงอีกไม่ยั้งแรง กระดูกทั่วร่างเขาก็แทบจะแตกละเอียดในคราวเดียว
“กลิ่นเลือด” เสียงพึมพำหลุดดังพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
ไตรวิชญ์ที่ได้ยินเข้าก็ขบกรามแน่นถอดเสื้อบนตัวจับเหวี่ยงทิ้งไปไกลๆ ก่อนจะใช้สองมือยันผนังกักขังร่างเพรียวบางเจ้าของกลิ่นหอมเย็นที่เป็นต้นตอของอาการติดสัด ทั้งที่เขาฉีดยาระงับรัทมาก่อนที่จะออกจากบ้านแล้ว แต่ยากลับไร้ผลเมื่อมาเจอกับเด็กนี่
“มะ...มึงเป็นใครวะ! จู่ๆ ก็โผล่มาทำร้ายกูทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน!”
นิมมานพยายามตั้งสติไว้ เพราะกลิ่นของอัลฟ่ารุนแรงมาก ฉุนกึกจนเขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ ไม่ทันไรลมหายใจก็ติดขัด ความร้อนแล่นพล่านไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ดวงตาเรียวสวยปรือขึ้นมองสบดวงตาแดงก่ำราวกับสีเลือด ฉับพลันหัวใจก็บีบรัดแน่นเหมือนถูกโซ่ตรวนพันธนาการไว้
ราวกับมีบางอย่างค่อยๆ เชื่อมต่อถึงกัน พวกเขาต่างรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ เพราะส่วนลึกของจิตวิญญาณกำลังกู่ร้องว่าพวกเขาคือคู่แห่งโชคชะตา
“กูได้กลิ่นตัวเมียจากมึง!”
ไตรวิชญ์ที่ผลักร่างของชายแปลกหน้าคนหนึ่งติดผนังตึกอยู่เปรยขึ้นเสียงเข้ม มือหนาเอื้อมมาบีบปลายคางอีกฝ่ายไว้จับจ้องด้วยสายตาดุดันแข็งกร้าว กลิ่นกายของมันยั่วยวนหอมหวานจนอยากลิ้มลอง สัญชาตญาณดิบสั่งให้กระโจนเข้าขย้ำมันโดยไม่สนใจสถานที่ และความกระหายอยากก็เอาชนะทุกสิ่ง
“กลิ่นของมึงกำลังทำให้กูคลั่ง…จากวันนี้ไปมึงต้องมาเป็นตัวเมียของกู!”
สิ้นเสียงประกาศกร้าว มือหนาก็คว้าใบหน้าสวยซีดเผือดมาบดขยี้จูบรุนแรงดุดัน รุกล้ำกลืนกินเรียวปากหอมหวานซาบซ่านอย่างหิวกระหาย กวาดต้อนเกี่ยวพันอย่างกักขฬะจาบจ้วง บังคับให้อีกฝ่ายตอบรับทุกสัมผัสจากเขาโดยดุษณี
ไม่มีโอกาสได้ขัดขืน ร้องขอ หรือดิ้นหนี เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน!
นิมมานไม่คาดคิดว่าการเข้ากรุงเทพฯ ครั้งนี้จะกลายเป็นนำภัยร้ายมาสู่ตัว
เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่นเหลือเพียงเศษซากกระจัดกระจายเต็มพื้น เผยเนื้อตัวขาวเนียนเปลือยเปล่าอวดยอดอกสีชมพู แผ่นท้องแบนราบ และเรียวขากลมกลึง ไตรวิชญ์กวาดตาขึ้นลงรอบหนึ่ง ใช้มือลูบไล้แก่นกายสีสวยที่ยังคงอ่อนตัวอยู่ แต่เพียงสัมผัสแผ่วเบาก็เริ่มตื่นตัว
นิมมานตัวสั่นเทิ้มหลุดเสียงครางหวานอย่างกลั้นไม่อยู่ มือของผู้ชายตรงหน้าทั้งหยาบทั้งสากระคายแต่กลับให้ความรู้สึกดีจนตัวอ่อนยวบ กลิ่นแดดยามบ่ายโชยมาแตะปลายจมูก พอสูดดมเข้าไปร่างกายก็ตอบสนองบดเบียดเข้าหา ช้อนดวงตาฉ่ำเยิ้มแดงระเรื่อขึ้นมองอีกฝ่ายคล้ายกับจะอ้อนวอนขอบางสิ่งบางอย่างที่มีแต่คนคนนี้เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
ริมฝีปากหนาอุ่นจัดประทับตราไปทั่วทุกจุด กัดเม้มจนเนื้อตัวขาวๆ มีแต่รอยแดงจ้ำ นิมมานครางเสียงแผ่วหวาน หลุบมองแผ่นอกและหน้าท้องที่มีแต่ร่องรอยที่อีกฝ่ายฝากรักไว้ ไม่อาจต่อต้านสัญชาตญาณของตัวเองได้ เมื่อพลังอำนาจของผู้นำกดข่มโอเมก้าตัวเล็กๆ อย่างเขาให้ยินยอมทำตามโดยไร้เงื่อนไข
ยิ่งในส่วนลึกสุดของจิตวิญญาณร้องตะโกนว่าอีกฝ่ายคือคู่แท้ของเขา คู่แห่งโชคชะตาที่มีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ถึงจะได้พบพาน แต่กลับต้องมาเจอกันในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แม้ใจอยากจะหลบหนีสุดชีวิต ทว่าร่างกายกลับโหยหาปั่นป่วนรุนแรงลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
ร่างบางถูกจับให้หันหน้าเข้าผนังตึก ไตรวิชญ์คำรามเสียงต่ำจ้องเขม็งน้ำสีใสที่หลั่งรินออกจากช่องทางหลัง เขาหรี่ตาดุกร้าวพลางสบถด่าอะไรก็ตามที่ทำให้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เพราะในหัวมีแต่ภาพเซ็กซ์อันรุนแรงเร้าใจ อยากย่ำยีร่างกายนี้ให้แหลกสลายหายไปด้วยน้ำมือเขา
“มึงชื่ออะไร”
น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบถามข้างใบหูเล็ก ใบหน้าคมเข้มโน้มเข้าใกล้ปลอกคอใช้จมูกดุนดันสูดกลิ่นกายหอมเย็นเหมือนดอกมะลิ ทั้งที่มันควรจะทำให้เขาจิตใจสงบลง กลับยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ไฟราคะลุกโชน อุ้งมือหนาเคลื่อนมากอบกุมสะโพกแน่นกระชากให้โก่งโค้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
“นะ นิมมาน อื้อ! กูชื่อนิมมาน อ๊ะ”
ไตรวิชญ์กระชากกางเกงยีนส์สีซีดเข่าขาดที่ใส่อยู่ไปไว้ตรงหน้าขา ก่อนจะพาท่อนเนื้ออวบใหญ่ปวดร้าวกระแทกล่วงล้ำเข้าสู่เส้นทางคับแน่นที่ขมิบเชิญชวนจนสุดลำ
“อ๊าาส์!!”
เพียงแค่เข้ามา นิมมานก็ถึงกับเสร็จสม ด้านในเกร็งกระตุกบีบรัดสิ่งแปลกปลอมแน่นหนา ทำเอาไตรวิชญ์ครางกระหึ่มในลำคอ ดวงตาร้อนแรงแผดเผามองร่างกายเย้ายวนเซ็กซี่สั่นสะท้านน้อยๆ ใบหน้าสวยแดงปลั่งเชิดขึ้นเปล่งเสียงครางกระเส่าเว้าวอน นิมมานที่เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ขยับก็ส่ายสะโพกบดเบียดจนผิวกายเสียดสีกัน
ไตรวิชญ์สูดลมหายใจเข้าลึก กรามแกร่งบดเข้าหากันจนได้ยินเสียงดังกรอด ถึงจะเกิดอาการรัทตอบสนองฮีทของโอเมก้า แต่เพราะเขาเป็นอัลฟ่าที่ควบคุมสัญชาตญาณได้ดี ถึงยังพอยับยั้งสติให้ตัวเองไม่พลั้งทำร้ายเด็กยั่วยวนตรงหน้า แต่เห็นทีว่าจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพราะมันทำตัวร่านร้อนวอนขอสัมผัสจากเขา
คล้ายกับกระทิงคลั่ง ไตรวิชญ์โถมกระหน่ำแท่งเอ็นอุ่นจัดจ้วงโจนสู่โพรงนุ่มอย่างรุนแรงจนบั้นท้ายขาวอวบสั่นกระเพื่อมครั้งแล้วครั้งเล่า สองมือจับกุมเอวบางไว้ให้รับแรงกระแทกหนักหน่วง
นิมนามหวีดครางเสียงแหลมเมื่ออารมณ์เหวี่ยงขึ้นสูง และดิ่งลงต่ำเหมือนกำลังเล่นรถไฟเหาะ เขาใช้มือเกาะติดผนังกรีดนิ้วระบายความเสียว ขณะที่สองเท้าเดี๋ยวลอยเดี๋ยวแตะพื้นตามจังหวะถาโถมกระชากกระชั้นเอาแต่ใจ
เด็กหนุ่มหลับตาลงอย่างยอมรับชะตา การที่โอเมก้าจะตกเป็นเหยื่อของอัลฟ่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขนาดเพื่อนของเขายังถูกอัลฟ่าที่ไหนไม่รู้ฉุดไปข่มขืนแล้วนำไปทิ้งไว้เลย ส่วนตัวเขาที่คิดว่าดูแลตัวเองดีมาตลอด พยายามหนีไปให้ไกลจากพวกอัลฟ่า ก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันในที่แบบนี้
เพียงพริบตาเดียวก็ถูกช่วงชิงทุกอย่างไปไม่มีเหลือ แต่ขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เขายังสามารถปกป้องไว้ได้
“กะ…กูขอร้อง อย่ากัด อย่า…” เสียงวิงวอนนั้นดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงอีกคน
แล้วสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็ได้เกิดขึ้นจริง แม้แต่อิสรภาพที่หวงแหนเฝ้าปกป้องมาตลอดสิบเก้าปีก็ยังถูกช่วงชิงไป โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่สูญเสียการควบคุม ไตรวิชญ์กัดกระชากปลอกคออีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งมันด้วยสายตาน่ากลัว กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสันนูน ลมหายใจหอบหนักถี่กระชั้นขึ้น พอๆ กับความร้อนพลุ่งพล่านในร่าง กัดทึ้งปลอกคอให้ขาดออกจากกันไม่ลดละ เมื่อปราการป้องกันหลุดร่วงไป หลังคอขาวเนียนส่งกลิ่นหอมกระตุ้นกำหนัดก็ถูกจู่โจมอย่างไม่มีปรานี
กึก!
ความเจ็บที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้นิมมานน้ำตาไหลพรากสติคล้ายจะหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่งไม่ทราบได้ เพราะหลังจากนั้นภาพเบื้องหน้าก็ตัดเป็นสีดำ มืดมิด เหมือนร่างกายจมดิ่งสู่ใต้มหาสมุทรอันหนาวเหน็บ พร้อมรอยตีตราที่ไม่มีวันจางหายไปชั่วนิจนิรันดร์
แต่ก่อนที่สติจะวูบดับไปอย่างสมบูรณ์ก็ได้ยินเสียงทุ้มเข้มแว่วดังข้างหู
“กูชื่อไตรวิชญ์…จดจำชื่อกูไว้ไปตลอดชีวิต”
เมื่ออีกฝ่ายหมดสติไปแล้ว ไตรวิชญ์ก็เตรียมจะถอดแก่นกายออก แต่คิ้วเข้มกลับต้องขมวดแน่นเมื่อพบว่าตัวเองกำลังน็อต! ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นมืดสนิท เป่าลมออกจากปากด้วยสีหน้าถมึงทึงดุดัน
เขาไม่เคยนึกสมเพชตัวเองมาก่อนในชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อยากสบถด่าตัวเองให้ลั่น
ในสถานที่ที่เหม็นอับเปลี่ยวร้าง เขากลับถูกสัญชาตญาณของอัลฟ่าชักนำจนลากโอเมก้าที่ไหนไม่รู้มาปลุกปล้ำขืนใจจนเสร็จสม หลังจากที่เพิ่งฆ่าคนมา
เขาดึงกางเกงขึ้นมาสวมไว้กอดเอวบางแล้วหมุนตัวไปพิงผนังตึก ปล่อยตัวให้ลื่นไถลนั่งลงบนพื้นสกปรกโดยมีร่างเปลือยชุ่มเหงื่อนั่งบนตักหมดสติอยู่ ดวงตาคมกวาดมองสำรวจร่องรอยที่ตัวเองทำไว้ ตัวของมันเล็กจ้อยเท่ามด แต่มาโดนคนตัวเท่ากระทิงอย่างเขาขวิดเข้าแบบไม่ออมแรง วันพรุ่งนี้คงระบมไปทั้งตัว อาจจะเป็นไข้ไปหลายวัน
ทั้งๆ ที่กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งกระจายรุนแรงถึงขนาดนี้ แต่กลับไม่มีอัลฟ่าหน้าโง่ที่ไหนโผล่มาสักคน เป็นเพราะถูกกลิ่นอัลฟ่าของเขากางอาณาเขตหวงห้ามไว้ จนพวกมันไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว
รอจนร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติ ไตรวิชญ์ก็ล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดเบอร์โทรหาคนติดตาม ไม่นานลักษณ์ก็เดินมาเข้ามาหา แต่กลับหยุดชะงักก่อนจะทันได้ถึงตัว
“โยนเสื้อคลุมมา”
ลักษณ์ทำตามคำสั่งอย่างไม่อิดออด โยนเสื้อคลุมของเจ้านายส่งให้ ก่อนจะเดินกลับออกไปอย่างรู้งาน
ไตรวิชญ์เอาเสื้อคลุมสวมเข้ากับร่างบางแล้วช้อนอุ้มเดินออกไปจากตรอกแคบ ระหว่างนั้นพวกลูกน้องก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองคนที่เจ้านายหิ้วตัวกลับมา เพราะเกรงรังสีคุกคามที่แผ่พุ่งรอบทิศเหมือนหนามแหลมของเม่น ทำเอาพวกเขาหวาดเสียวขนลุกชัน กลัวจะถูกปลายแหลมพุ่งเสียบทะลุลำคอ
แม้จะเป็นชนชั้นอัลฟ่าเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงเลือดผสมชั้นปลายแถว อาจอยู่เหนือพวกเบต้ากับโอเมก้า แต่ก็ยังต่ำกว่าอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ ทั้งสติปัญญา ทั้งพละกำลังเทียบกันไม่ติดเลย
เมื่อขึ้นมาบนรถได้ ไตรวิชญ์ก็จับร่างบางนอนราบกับเบาะใช้ตักเขาเป็นหมอนหนุน ส่วนตัวเขาก็นั่งนิ่งเอนหลังพิงเบาะ สองมือกอดอกพลางหลุบตามองใบหน้ายามหลับของเจ้าเด็กที่ตกเป็นเหยื่อตัณหาของเขา ถ้าไม่น็อตซะก่อนคงได้ต่ออีกยกสองยกทั้งที่อีกฝ่ายสลบไปแล้ว
คาดคะเนจากสายตาไอ้เด็กนิมมานคงเป็นรุ่นน้องเขาสามหรือสี่ปีได้
เห็นเขาออกมาทำเรื่องเลวร้ายได้เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ความจริงแล้วเขาเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ และยังเหลือเรียนมหา’ ลัยอีกปีถึงจะจบการศึกษา
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องเตรียมตัวสำหรับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลต่อจากพ่อที่คิดสละตำแหน่งเพื่อไปเที่ยวเล่นกับแม่ตามประสาคู่รัก ไม่ได้เกรงใจอายุอานามที่มากโขของตัวเองจนเขาปวดประสาท แต่จะให้ขัดขวางพ่อแม่บังเกิดเกล้าก็คงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกอกตัญญูเลยปล่อยๆ ไป แล้วตอนนี้เขาก็มีเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีกเรื่อง
เป็นตัวปัญหาที่อยากผลักไสไล่ส่งไปไกลๆ แต่กลิ่นหอมฟุ้งที่อบอวลภายในรถกลับทำเขาแทบคลั่งจนไม่อยากผละห่าง
ขนาดหมดสติยังเป็นได้ถึงขั้นนี้ ไม่รู้ว่าตื่นมาเขาจะอาการหนักแค่ไหน
หลังจากหมดช่วงฮีทค่อยคิดดูอีกทีว่าจะจัดการกับมันยังไง ตอนนี้เลี้ยงดูมันเล่นไปก่อนแล้วกัน