ตอนที่ 5/2 'เผชิญหน้า'

3518 Words
เมื่อเดินมาถึงโถงใหญ่ดาหลาที่อยากเจอเด็กน้อยที่ลูกชายพาตัวมาก็ลุกพรวดจากโซฟาเดินตรงเข้ามาหาด้วยท่วงท่าสง่างามดุจนางพญา แต่กลับทำให้นิมมานก้าวถอยหลังหนีพร้อมกับดึงชายเสื้อไตรวิชญ์แน่นไม่ยอมปล่อย เรียกสีหน้าหงุดหงิดกึ่งรำคาญของไตรวิชญ์จนต้องตัดบทคว้ามือบางกระชากทีเดียวก็ตัวปลิวมายืนอยู่ตรงหน้ามารดาตน “เอ่อ…สวัสดีครับคุณป้า” นิมมานยกมือไหว้อย่างสวยงามน่าชื่นชม ดาหลารู้สึกพอใจมากที่เด็กหนุ่มคนนี้ยังพอรู้จักการทำความเคารพผู้ใหญ่ ไม่เหมือนกับเด็กบางคนที่มือไม้แข็งยกมือไหว้ใครไม่เป็น เห็นแบบนี้แล้วก็ยิ่งเอ็นดู อยากเข้าไปลูบหน้าลูบตัวทำความรู้จักอย่างใกล้ชิด แต่ก็จนใจที่เด็กน้อยยังตื่นกลัวและระแวงคนแปลกหน้าอยู่ ส่วนเจ้าลูกชายของเธอก็ยื่นตีหน้ายักษ์แข็งทื่อเป็นรูปปั้น ไม่มีกะจิตกะใจจะช่วยปลอบขวัญโอเมก้าของตัวเองเลย น่าตีนักเชียว “ไปนั่งคุยกันข้างในเถอะ สามีกับลูกๆ ของป้าอยากเห็นหน้าหนู อยากทำความรู้จักด้วย ไม่ต้องเกร็งนะ ไม่มีใครทำอะไรหนูอย่างที่นึกกลัวหรอก” ดาหลาพูดด้วยเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน หวังว่าคำพูดเธอจะช่วยคลายความกลัวในใจของเด็กน้อยลงได้บ้าง เธอเข้าใจความกลัวของโอเมก้าดีเพราะมีเพื่อนที่เป็นโอเมก้าสองคน การที่น้องมาอยู่ในดงอัลฟ่าถึงจะเข้มแข็งแค่ไหนก็ทำใจให้สงบลงไม่ได้ง่าย ๆ ร่างกายจะมีปฏิกิริยารุนแรงตอบสนองรุนแรงคล้ายกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่พอเจอสัตว์ใหญ่ก็ต้องรีบวิ่งหนีไปหลบซ่อนตัว ดาหลาเดินกลับไปนั่งที่โดยมีสายตาของนิมมานมองตามอย่างประหลาดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าท่านจะน่ากลัวกว่านี้ซะอีก ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มอ่อนโยนมอบให้ตลอดการพูดคุยผิดกับลูกชายที่ทำหน้าเคร่งขรึมตาดุจ้องเขม็งเขาเหมือนจะงับหัวให้ได้ นิสัยแม่กับลูกนี่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คนแม่น่าคบหากว่ากันเยอะ หากแต่จิตใจกับร่างกายเขากลับไม่สัมพันธ์กัน ต่อให้คุณป้ารนนี้จะใจดีแค่ไหน ร่างกายเขาก็จดจำแต่กลิ่นของอัลฟ่าหน้าโหด พออยู่ใกล้แล้วรู้สึกปลอดภัยมากกว่า เพราะงั้นตอนเดินไปเจอกับคนอื่น ๆ เขาก็หลบอยู่ข้างของไตรวิชญ์ โผล่ลูกกะตาออกมาให้ทุกคนเห็นเพียงเพียงเท่านั้น “จำที่กูบอกได้ไหม” เสียงกระซิบดังอยู่เหนือศีรษะ นิมมานเม้มปากเหลือบตาขึ้นมองดวงตาสีน้ำตาลอมแดงของอีกฝ่ายก็เห็นแววข่มขู่ที่ส่งมาให้ ราวกับว่าการทำตัวไร้มารยาทของเขาจะทำให้ตัวเองเดือดดาลเอาได้ง่าย ๆ หรือไตรวิชญ์จะเป็นพวกที่คนอื่นจะปฏิบัติตนกับตัวเองยังไงก็ได้ แต่กับคนในครอบครัวห้ามใครพูดจาล่วงเกินหรือทำตัวแย่ ๆ เป็นอันขาด เด็กหนุ่มหน้ามนเริ่มจะเข้าใจนิสัยของอัลฟ่าหน้าโหดขึ้นมาบ้างแล้ว ร่างเพรียวบางในชุดพาสเทลน่ารักก้าวออกมายืนข้างร่างสูงกำยำ พนมมือไหว้ชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามมากกว่าคนอื่น แถมกลิ่นอายที่แผ่ออกมายังทรงพลังมากจนชวนให้สั่นกลัว ต่อมาก็เป็นชายใส่แว่นที่บุคลิกค่อนไปทางเงียบขรึมจริงจังดูเป็นผู้ใหญ่ และอีกคนก็เป็นผู้ชายอารมณ์ดี ตาชี้เหมือนตัวร้าย ท่าทางกำลังสนุกเหมือนรอดูละครฉากเด็ด ไตรวิชญ์ตวัดดวงตาแข็งกร้าวมองน้องชายที่ทำตัวน่ากระทืบอยู่ข้างพี่ชายเขา นอกจากในนี้จะมีพ่อแม่ ตรีภพและไตรภูมิ ก็ยังมีอากับอาสะใภ้ ลูกพี่ลูกน้องเขา และหลานสาวคนเล็กซึ่งเป็นลูกของลูกชายลุง ลำดับญาติของตระกูลเขาค่อนข้างซับซ้อนเพราะมีเยอะ และเป็นอัลฟ่าเกือบทั้งหมด ส่วนที่เป็นโอเมก้าก็ถูกกักตัวอยู่ในบ้านไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านสร้างความวุ่นวาย เดี๋ยวจะกลายเป็นปัญหาเหมือนอย่างเรื่องของเขา ไม่ได้ตั้งใจจะฉุดใครทำเมียก็ดันมาติดกลิ่นโอเมก้าหน้าเด็กนี่เข้าให้ และเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเขายับยั้งชั่งใจไม่ทันว่ามีปัญหาตามมาภายหลัง ไม่อย่างนั้นคงฝืนสัญชาตญาณสุดฤทธิ์ไม่กัดคอเด็กนี่เพื่อตีตราหรอก ตัวเล็กแบบนี้จะเอามาเป็นแม่พันธุ์ได้ยังไง ทว่าเขารู้ดีที่สุดว่านิมมานตอนฮีทยั่วยวนเร้าใจแค่ไหนและเด็ดมากตอนอยู่บนเตียง แทบจะแตกต่างจากตอนปกติทุกอย่าง ไม่ขี้ยั่วและออดอ้อนเว้าวอนเขาเหมือนตอนนั้นแล้ว “แค่ก” เสียงไอดังขึ้นเรียกสติไตรวิชญ์ให้กลับคืนมา พอตวัดตาไปมองก็เห็นน้องชายตัวดีนั่งเอามือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เขาถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่เมื่อรู้ตัวว่าเผลอลดสายตามองต่ำยังสะโพกกลมแน่นของร่างบางข้างกาย โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้ถึงสายตาหื่นกระหายของเขาเลย “นั่งลงก่อนสิ ไม่ต้องกลัวนะ ที่นี่มีแต่คนใจดีทั้งนั้น ไม่คิดทำร้ายหนูหรอก” นิมมานที่ได้ฟังคำพูดนั้นก็อยากจะแย้งว่ามีอยู่คนหนึ่งที่คิดทำร้ายเขาอยู่ตลอดเวลา และอาจรวมน้องชายของคนร้ายกาจเข้าไปด้วย เพราะเขาสัมผัสได้ถึงนิสัยขี้แกล้งของอีกคน ร่างบอบบางนั่งลงตรงโซฟาพร้อมกับมีร่างใหญ่หนาบึกของไตรวิชญ์นั่งเบียดชิดอยู่ข้าง ๆ ไอ้อึดอัดก็อึดอัดอยู่หรอก แต่ถ้าไม่มีคนคนนี้อยู่เขาก็เตลิดหนีไปที่อื่นนานแล้ว “หนูชื่อนิมมานใช่ไหม ลูกชายแม่คงรังแกหนูไว้มาก แม่ต้องขอโทษแทนตาไตรด้วยนะที่ทำเรื่องไม่ดีกับหนูไว้” ไตรวุฒิซึ่งนั่งข้างภรรยาลากสายตามามองโอเมก้าที่ลูกชายไปฉุดลากมาทำเมีย เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นคู่แห่งโชคชะตาจนควบคุมสัญชาตญาณไม่อยู่ ถ้าแค่ขืนใจธรรมดาคงพอปล่อยตัวให้กลับไปได้ แต่เจ้าลูกชายของเขากลับสร้างรอบแห่งพันธะ โอเมก้าที่ถูกกัดคอชั่วชีวิตนี้จะไม่สามารถไปมีอะไรกับใครอื่นได้นอกจากคู่ตัวเอง หรือจนกว่าลูกชายเขาจะตายถึงจะเป็นอิสระ ถึงเขาจะไม่พึงใจที่ลูกชายไปยุ่งเกี่ยวกับโอเมก้า แต่ถ้านี่คือลิขิตฟ้าก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ป่วยการที่จะขัดขวางไม่ให้เด็กคนนี้อยู่ที่นี่กับลูกชายเขา ตรีภพกับไตรภูมิไม่มีความคิดเห็นอื่นนอกจากรอสมน้ำหน้าลูกชายคนรองของตระกูล ที่ผ่านมาไตรวิชญ์ไม่เคยสนใจสิ่งใด ไม่ห่วงแม้กระทั่งชีวิตตน อารมณ์ร้อน โหดเหี้ยม ทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการด้วยความเคยชิน เพราะถือดีว่ามีพลังแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ถึงฝ่ายที่เริ่มก่อนจะเป็นพวกศัตรู แต่ไตรวิชญ์ก็ยังถือว่าเลือดเย็นเกินไปจนเหมือนพวกไร้หัวใจ ถ้าหากได้ลองสัมผัสกับความรักบ้างคงจะนุ่มนวลลงมาหน่อย พวกเขาไม่ได้หวังให้พี่น้องร่วมสายเลือดคนนี้ทำตัวอ่อนโยนกับใคร แต่มันคงจะดีกว่าถ้าลดความดุดันลงบ้าง เพื่อแสวงหาความสุขใส่ตัวเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่งควรจะทำ หลังจากเพียรพยายามปกป้องครอบครัวจากคนภายนอกที่มุ่งร้ายหวังทำลายความสงบของพวกเรา “ฉันชื่อไตรวุฒิเป็นพ่อของเจ้าพวกนี้ ฉันเองก็ต้องขอโทษเธอที่ลูกชายทำตัวร้ายกาจข่มเหงรังแกเธอ ฉันเตรียมเงินก้อนหนึ่งไว้ให้ หวังว่าเงินพวกนี้จะช่วยเยียวยารักษาบาดแผลทางใจของเธอได้บ้าง” “ผมไม่ได้ต้องการเงิน” นิมมานขมวดคิ้วแน่นโต้แย้งตามที่ใจคิดโดยไม่ทันใคร่ครวญให้ดีก่อนว่าเวลานี้ตัวเองควรสงบเสงี่ยมเจียมตัว หากเป็นคนทั่วไปเขาคงสวนกลับได้เต็มที่ แต่นี่มีเรื่องของสถานะอัลฟ่าโอเมก้าเข้ามาเกี่ยวข้อง ต่อให้เขาเป็นผู้เสียหายแล้วยังไง จะเอาผิดอัลฟ่าได้เหรอ คำตอบก็รู้ดีอยู่แล้ว ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ จนอยากลุกขึ้นมาโวยวายต่อว่าลูกชายอีกฝ่ายให้สาสมกับความผิดที่ก่อไว้ แต่ก็ทำได้แค่เก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจ เขาทำอะไรแบบนั้นที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่อยากตาย คนลูกว่าน่ากลัวแล้วก็ยังเทียบไม่ได้กับคนพ่อ กลิ่นอายรอบตัวผู้ชายคนนี้บ่งบอกให้รู้ว่าผ่านโลกมามากแค่ไหน ผ่านการต่อสู้แย่งชิงอำนาจมามากเท่าใด แค่เพียงตวัดตามองก็ทำฝ่ายตรงข้ามแทบล้มทั้งยืน “ผมแค่อยากกลับบ้าน จะให้ผมกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ” ถามออกไปอย่างมีความหวัง ทว่าสีหน้าของทุกคนกลับนิ่งเรียบซะจนคาดเดาคำตอบไม่ถูก ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ถึงกระแสความโกรธกรุ่นทำให้ตกใจ พอหันมองก็พบว่าคนข้างกายหน้าดำคล้ำไปทั้งแถบเหมือนกับอยากจะฆ่าใครสักคน ก็คงหนีไม่พ้นเขาคนนี้นี่แหละ เขาถามแบบนี้ไม่ได้รึไง ที่นี่ไม่ใช่บ้านเขาจะให้อยู่ไปตลอดไม่ได้หรอก แล้วพวกเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เขาจะไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ขอแค่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้ก็พอ ขอแค่นั้นเอง เงินหรืออะไรอย่างอื่นนอกจากนี้เขาไม่ต้องการ ดาหลาเข้าใจความรู้สึกของนิมมาน แต่ถึงยังไงก็อยากรั้งตัวไว้ให้อยู่ด้วยกันซะที่นี่ไปเลย ช่วงฮีทเจ็ดวันลูกชายเธอแทบไม่ไปไหนเลย คลุกอยู่กับเด็กน้อยในห้อง ใครจะเข้าไปทำความสะอาดก็ถูกสั่งห้ามหมด หวงอาณาเขตเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า แม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ยังไม่ได้เลย เมื่อเช้านี้เธอลองโทรคุยกับกวินถามเรื่องยาคุมกำเนิดว่าได้ให้นิมมานกินไหม กวินบอกเธอว่าไม่ได้ให้เพราะคิดว่ากินไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะไตรวิชญ์วนเวียนอยู่กับคู่ตัวเองแทบจะทั้งวันและทุกคืนไม่เคยห่าง ต่อให้ยาแรงแค่ไหนก็คุมไม่อยู่ เชื้อคนพ่อก็ทำเธอที่เป็นอัลฟ่าติดลูกถึงสามคน ส่วนคนลูกก็คงเชื้อแรงไม่ต่างกันนัก ยิ่งเป็นโอเมก้าที่โครงสร้างร่างกายเข้ากันได้ดีกับอัลฟ่าด้วยแล้ว ผลลัพธ์คงมาออกมาน่าดูชมไม่น้อย เธอชอบเลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ถ้าเด็กคนนี้ให้กำเนิดทายาทเป็นเพศหญิงได้ เธอคงดีใจตัวลอยเลย จะยิ่งอยากสนับสนุนให้นิมมานขึ้นรับตำแหน่งว่าที่นายหญิงของผู้นำรุ่นถัดไป ซึ่งก็คือไตรวิชญ์นั่นเอง “เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ แม่ไม่อยากให้หนูรีบร้อนกลับบ้านไปตอนนี้นะ ถึงอย่างไรลูกชายแม่ก็ทำให้หนูเสียหายไปแล้ว รอยพันธะที่เกิดขึ้นก็ลบไม่ได้ด้วย ลองอยู่ที่นี่ไปก่อนสักสองสามวันเถอะ แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ” “ผม…” “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ จะคิดทำอะไรไปตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเพียงคนเดียวไม่ได้ ตอนนี้มันเป็นเรื่องของส่วนรวมแล้ว ทันทีที่ก้าวเข้ามาในอาณาจักรของหิรัญรชต ชีวิตนายก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก” นิมมานมองผู้ชายอีกคนที่พูดกับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาปราศจากการล้อเล่น เมื่อลองขบคิดดูโดยไม่ใช้อารมณ์ คำตอบก็ชัดเจนดีอยู่แล้วว่าตระกูลนี้ไม่ธรรมดา ถึงได้มีบุคลิกน่าเกรงขามเหมือนกันหมด “ความจริงก็ไม่เห็นต้องสนใจเลยนี่ครับว่าผมจะเป็นยังไง ผมคงไม่ใช่คนแรกที่ลูกชายของคุณป้ามีความสัมพันธ์ด้วย กับคนอื่นยังปล่อยให้กลับไปได้ ผมเองก็ต้องกลับไปได้เหมือนกัน” ถึงข้างกายจะมีคนนั่งไฟลุกท่วมตัวเพราะความโกรธเกรี้ยวเขาก็ไม่สนใจแล้ว เขาอยากกลับบ้านตัวเองมากกว่าจะอยู่ที่นี่ แม้ทุกคนจะไม่แสดงท่าทีรังเกียจโอเมก้าอย่างเขา แต่การต้องอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนแปลกหน้า มิหนำซ้ำยังเป็นอัลฟ่าทั้งหมดทำให้เขาข่มใจให้สงบไม่ได้ ความกลัวฝังลึกไปในกระแสเลือด เป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรมาลบล้างได้ จะให้ทำใจเย็นอยู่ที่นี่เฉย ๆ เขาทำไม่ได้หรอก “แต่หนูเป็นคนแรกที่ตาไตรพากลับ ถ้าไม่พาหนูกลับมาพวกเราคงไม่ต้องเป็นห่วงมาก เชื่อแม่เถอะนะ หนูกลับไปตอนนี้ก็มีแต่จะเป็นเป้าให้พวกศัตรูลักพาตัวหนูไปเพื่อต่อรองกับพวกเรา” ดวงตาเรียวสวยของนิมมานเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร คนที่ควรเดือดร้อนกับเรื่องนี้มากที่สุดก็คือผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอ ...การที่จะมีเขาอยู่หรือไม่อยู่ ไม่ได้สำคัญกับคนคนนี้เลยสินะ ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องออกมาแนวนี้ อัลฟ่าก็ยังเป็นอัลฟ่าอยู่วันยังค่ำ ไม่เคยเห็นโอเมก้าอ่อนแออย่างพวกเขาอยู่ในสายตา ไตรวิชญ์นั่งฟังอย่างเงียบเชียบไม่มีปฏิกิริยาใดอื่น แต่หากนิมมานสังเกตคนข้างกายให้ดี ๆ จะพบว่าดวงตาสีน้ำตาลแดงของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเหมือนถูกย้อมด้วยเลือดเข้าไปทุกที กลิ่นอายที่พวยพุ่งออกมาจากร่างก็เจือกระแสความเกรี้ยวกราดเหมือนชนวนระเบิดที่ใกล้ถึงจุดอันตราย ถ้าไม่รีบหยุดยั้งไว้คงได้ทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ใกล้ให้พังพินาศเป็นจุณ และอาจไม่ใช่แค่โอเมก้าน้อยคนเดียวที่จะโดน คนอื่นๆ ก็จะพลอยถูกลูกหลงไปด้วย เพราะอานุภาพของระเบิดลูกนี้ร้ายแรงถึงขั้นสังหารหมู่บ้านเลยทีเดียว อารมณ์ร้าย ๆ ของไตรวิชญ์น่ากลัวยิ่งกว่าที่ใครจะคาดคิด นิมมานแค่ยังไม่เคยเผชิญหน้า ทว่าไม่ใช่กับคนในบ้านที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าเวลาที่คนคนนี้โกรธอะไรก็มาหยุดยั้งไม่ได้ “หนูนิม ลองอยู่ที่นี่ไปก่อนสักสามวัน ถ้าอยู่แล้วรู้สึกไม่ดีหรือไม่สบายใจ ถึงตอนนั้นแม่จะให้คนไปส่งถึงที่บ้านเลยจ้ะ” ดาหลาลองไกล่เกลี่ยดูอีกครั้ง หากนิมมานยังดื้อรั้นอีก เห็นทีเจ้าลูกชายอารมณ์ร้อนเหมือนไฟคงได้ใช้วิธีการบีบบังคับโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจหรือไม่อีกแน่ ๆ นิมมานก็ตัวเล็กแค่นี้ จะไปสู้อัลฟ่าตัวเท่ายักษ์อย่างไตรวิชญ์ได้ยังไง “ถ้าผมขอไปอยู่ห้องอื่น...” ทันทีที่พูดประโยคนั้นออกมา ระดับอารมณ์ของไตรวิชญ์ก็แทบแตะเข้าใกล้จุดระเบิด ที่เขาไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไร การที่เขานิ่งเงียบคือการเตือนว่าอย่าท้าทายขีดจำกัดความอดทนของเขา แต่ดูเหมือนเจ้าลูกแกะนี่จะไม่เข้าใจอะไรง่าย ๆ ผู้ชายสี่คนที่นั่งอยู่ภายในห้องด้วยรู้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปแล้ว และรู้ด้วยว่าความอดทนของไตรวิชญ์กำลังจะสิ้นสุดลง แม้ใบหน้าดิบเถื่อนหล่อเหลาจะเรียบเฉย แต่หัวคิ้วกลับขมวดแน่นทำให้ดวงตาดูดุดันเหี้ยมเกรียมมากกว่ายามปกติ ถึงไตรวุฒิจะแปลกใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปแบบสุดโต่งของ ลูกชาย แต่ก็เข้าใจว่าอัลฟ่าเป็นพวกหวงของหวงถิ่นของตัวเองมาก อะไรที่เป็นเจ้าของแล้วจะไม่ปล่อยให้หลุดมือหรือถูกใครมาแย่งชิงเอาไป ยิ่งถ้าปักใจว่าจะยึดครองเป็นของตัวเองก็ต้องช่วงชิงมาให้ได้ ต่อให้จะต้องใช้วิธีการที่เลวร้ายที่สุดเพื่อให้ได้มาไว้ในกำมือก็ตาม ตอนแรกยังทำท่าจะปล่อยโอเมก้าคนนี้ไป ตอนนี้กลับหวงแหนราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าของตน ไปเอานิสัยแบบนี้มาจากใคร? ตรีภพกับไตรภูมิรับรู้ถึงแรงกดดันมากขึ้นของไตรวิชญ์เช่นเดียวกับคนอื่น แถมยังรุนแรงถึงขั้นที่อัลฟ่าด้วยกันยังรู้สึกหวั่นเกรง ใครที่ทนไม่ไหวก็ต้องรีบผละหนีไป พวกเขาสองเหล่ตามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย ดูท่าว่ารอยพันธะของคู่แห่งโชคชะตาจะมีผลต่อพี่น้องร่วมสายเลือดของพวกเขามาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกอาการชัดอย่างนี้ “นายอยู่ห้องเดียวกับพี่ชายฉันก็ดีอยู่แล้ว จะออกไปอยู่ห้องอื่นทำไม ทนแค่สามวันก็จะได้กลับบ้านแล้ว นายน่าจะยอมพวกเราสักหน่อยนะ” ไตรภูมิช่วยพูดอีกแรง นิมมานมองใบหน้าของไตรภูมิอย่างใช้ความคิด อีกฝ่ายอายุพอ ๆ กับเขา แรงกดดันก็น้อยกว่าคนอื่นในนี้ หน้าตาก็ดูจริงใจเป็นมิตรกว่าไตรวิชญ์หลายเท่า จริง ๆ ทุกคนในที่นี้ก็ดูใจดีกว่าไตรวิชญ์หมดนั่นแหละ ขนาดพ่อของอีกฝ่ายยังไม่ทำหน้ายักษ์ใส่เขาเลย สามวันนี่นานไหมนะ เขาจะไม่เป็นไรแน่เหรอ ถ้าต้องอยู่กับคนคนนี้ในห้องที่ปิดมิดชิด จะโดนฆ่าตายคาห้องไหม “ผมอยู่ก็ได้ แต่แค่สามวันนะครับ มากกว่านั้นไม่เอาเด็ดขาด” นิมมานบอกเจตจำนงของตัวเองชัดเจน ทำเอาคิ้วเข้มพาดเฉียงกระตุกด้วยความไม่พอใจ แต่กระนั้นใบหน้าคมคร้ามดิบเถื่อนก็ยังเรียบเฉยรักษาสีหน้ายามอยู่ต่อหน้าทุกคนไว้ได้ดี ดาหลาที่ได้ยินคำตอบก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รั้งตัวไว้ได้สามวันก็ยังดี สามวันนี้เธอต้องหาทางเปลี่ยนใจโอเมก้าน้อยคนนี้ให้ได้ เรื่องอะไรจะยอมให้คู่แห่งโชคชะตาที่มีเพียงหนึ่งเดียวของลูกชายไปผจญภัยอยู่ข้างนอก ท่ามกลางอันตรายรอบด้านกันเล่า นิมมานก้มหน้ามองมือที่กุมกันบนตักพลางมุ่นคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกไหม ตอนนี้เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา คอก็ถูกกัดไปแล้ว อนาคตที่เคยคาดหวังไว้ก็ยิ่งห่างไกลออกไปอีก โอเมก้าที่ถูกอัลฟ่ากัดคออาจเป็นเรื่องดี เพราะไม่ต้องกลัวว่าอัลฟ่าอื่นจะกระโจนเข้าฟัดเวลาฮีท แต่ก็กันไม่ได้เต็มร้อย แถมถ้าห่างคู่ก็จะทรมานมากตอนฮีท ยังไม่นับรวมเรื่องที่อาจตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกถ้าข้างกายเขาไม่มีอัลฟ่าเจ้าของรอยกัดคอยปกป้อง ต้องถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามกลับมาแน่ มีแต่เรื่องให้กังวลและหวาดกลัวเต็มไปหมดเลย แค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็เปลี่ยนชีวิตเขาให้พลิกผันไปหลายตลบ เขาไม่ได้แข็งแกร่งพอจะรับมือกับทุกเรื่องที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกันหรอกนะ “พาน้องไปกินข้าวสิ กินเสร็จจะได้ไปเดินสูดอากาศข้างนอกให้จิตใจปลอดโปร่งหายเคร่งเครียด” ไตรวิชญ์ลุกขึ้นยืนเดินออกไปก่อนโดยไม่รอคนด้านหลัง นิมมานเม้มปากมองแผ่นหลังกว้างที่ไกลออกไป ก่อนจะหันมาผงกศีรษะให้ทุกคนแล้วลุกขึ้นเดินตาม แต่พอไปถึงตัวคนร่างสูงตรงหน้าก็คว้าชายเสื้ออีกฝ่ายจับไว้โดยไม่ทันคิดอะไร คนเดินนำหยุดชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย เพียงครู่เดียวก็เดินต่อปล่อยให้โอเมก้าหน้าเด็กจับยึดชายเสื้อไว้อย่างนั้นพลางสาวเท้าตามมา ภาพนั้นอาจดูธรรมดาสำหรับคนภายนอก แต่ไม่ใช่กับคนในครอบครัวอย่างพวกเขาที่มองภาพเหตุการณ์นั้นตั้งแต่ต้น ไตรวิชญ์เป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้อน โมโหร้าย เกลียดพวกอ่อนแอยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่คราวนี้กลับยอมให้โอเมก้าที่ไม่เคยคิดจะเฉียดเข้าใกล้ได้เดินตามอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือทำสีหน้ารำคาญใส่เหมือนเช่นที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อยสำหรับพวกเขา เป็นภาพที่หาชมได้ยากและอาจเป็นแบบนี้กับแค่คนคนเดียวไปตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถ้าชีวิตรู้จักแต่การเข่นฆ่าทำลายศัตรู สักวันหนึ่งไตรวิชญ์จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่เหลือใคร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD