นิมมานเดินสำรวจบริเวณใกล้เคียงจนทั่วแล้วถึงกลับเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ขณะที่ไตรวิชญ์ถูกลูกน้องเรียกตัวออกไปหลังจากได้รับรายงานว่าเกิดอะไรขึ้นสักอย่างนี่แหละ เขาฟังไม่ค่อยถนัด หลังจากเห็นอัลฟ่าหน้าโหดเดินออกจากบ้านไปแล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ข้างล่างอีกจึงรีบวิ่งกลับขึ้นชั้นบน ปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อความปลอดภัย
วันนั้นทั้งวันคนคนนั้นไม่ได้กลับมาที่ห้องเลย กระทั่งเย็นก็ยังไม่เห็นวี่แววหรือเงาร่างของอีกฝ่าย เขาไม่กล้าออกจากห้องคนเดียวเลยนั่งหิวไส้กิ่ว ก่อนที่สักพักประตูห้องจะถูกเคาะเบา ๆ เขาค่อย ๆ ย่องไปแอบเปิดดูก็เห็นหญิงวัยกลางคนถือถาดอาหารไว้ในมือ
“คุณผู้หญิงให้นำอาหารมื้อเย็นมาให้คุณนิมค่ะ ส่วนนี่เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ คุณผู้หญิงให้นำขึ้นมาให้คุณหนูด้วย”
นิมมานมองเลยไปยังสาวใช้น่ารักรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เธอส่งยิ้มหวานแววตาสดใสเป็นประกาย ใครเห็นเข้าก็ต้องพลอยอมยิ้มตามไปด้วย เด็กหนุ่มหลบไปยืนข้าง ๆ ปล่อยให้ทั้งสองคนนำของเข้าไปวางไว้พลางกล่าวคำขอบคุณ รอให้ทั้งสองคนออกไปแล้วถึงเดินลิ่วไปที่โต๊ะ
ต่อไปคงไม่ได้ลิ้มรสชาติอาหารอร่อย ๆ อีกแล้วล่ะ วันนี้ต้องซัดให้เต็มคราบเพื่อจดจำอาหารเลิศรสพวกนี้ไว้ หลังกลับไปถึงห้องคงต้องต้มมาม่าประทังชีวิตแล้วแหละ
พอกินอิ่มก็นั่งเหม่ออีกสักพักแล้วลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วพลางถอนหายใจ สายตาวนเวียนอยู่แถวประตูห้องว่าเมื่อไหร่ถึงจะถูกผลักให้เปิดออก จากยืนก็เปลี่ยนมานั่งรอที่โซฟา สองทุ่มผ่านไปก็ยังเงียบเชียบ เที่ยงคืนอีกฝ่ายก็ยังไม่โผล่หน้ามา จนไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้ว
“เช้าแล้วเหรอเนี่ย” เสียงหวานพึมพำแล้วอ้าปากหาวหวอดใหญ่ ก่อนจะกะพริบตาถี่ ๆ มองไปยังข้างกายก็ไม่เห็นแม้แต่เงาร่างสูงใหญ่ของคนโหด
นิมมานพ่นลมหายใจลองเอามือแตะ ๆ ที่ฟูกนนก็ต้องเลิกคิ้วเพราะมันยังอุ่นอยู่ แปลว่าเพิ่งลุกไปจากที่นอนเมื่อครู่นี้ก่อนหน้าที่เขาจะตื่นได้ไม่นาน คนที่อุ้มเขากลับมานอนบนเตียงก็เป็นคนคนนั้นแหละ
วันที่สองของการได้สติก็ไม่มีอะไรมาก เขาไม่ได้โผล่หน้าออกไปจากห้อง แล้วก็ไม่มีใครเข้ามารบกวนนอกจากนำอาหารและน้ำเข้ามาส่งให้
“ต้องหนีออกไปวันนี้แหละ ไม่อย่างนั้นคงหมดโอกาสจะหนี”
นิมมานรีบอาบน้ำแล้วพันผ้าขนหนูที่เอวเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้ คุ้ยหาเสื้อผ้าของไตรวิชญ์หลายตัวออกมาวางกองไว้กับโซฟา เพื่อไม่ให้คนอื่นได้กลิ่นโอเมก้าถึงต้องเอาเสื้อผ้าของอัลฟ่ามาใส่ เพียงแต่ชุดของไตรวิชญ์ตัวใหญ่มาก ใส่ทีกางเกงหลุดเอวกองอยู่กับพื้น เสื้อหลวมโพรกคลุมสะโพกจนมิด
“ช่วยไม่ได้แฮะ ขืนไม่ใส่ก็โดนจำได้ว่าแอบหนีออกไปน่ะสิ ตัวเดียวคงไม่พอ ใส่อีกสักสองสามชั้นแล้วกัน”
เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง ก่อนจะลงมือจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขาค้นของตามตู้และชั้นหนังสือบังเอิญเจอกล้องส่องทางไกล ทำให้เห็นว่าด้านข้างมีประตูออกไปยังข้างนอกได้ พวกการ์ดก็ใช้เส้นทางนั้น มือเล็กคว้าเงินสดจำนวนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียงออกมานับดู อย่าเรียกว่าเป็นการขโมย แค่ขอหยิบยืมชั่วคราวเท่านั้นแหละ
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มปฏิบัติการได้!
ร่างเพรียวบางที่ถูกห่อตัวจนมิดชิดด้วยเสื้อผ้าของคู่แห่งโชคชะตาค่อย ๆ แอบย่องลงจากบันไดมายังชั้นล่างสุด ในเวลาแบบนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอก ถ้าอยู่ก็คงหลบอยู่บนห้องพักผ่อนเงียบ ๆ คนเดียว กวาดสายตามองรอบหนึ่งเห็นทางสะดวกก็รีบผลุบออกประตูหลัง
ถึงจะอดแปลกใจไม่ได้ที่ภายในบ้านเงียบผิดปกติ แถมข้างนอกยังไม่มีการ์ดเดินไปมาหรือเฝ้ายามเลยสักจุด แต่เพราะความรีบร้อนอยากออกไปให้ได้ โอเมก้าน้อยจึงปัดความคิดฟุ้งซ่านพวกนั้นไป
คิดในแง่บวกก็คือเขาโชคดีที่ทุกอย่างเป็นใจให้หลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย ถ้าคิดในแง่ลบล่ะก็…อย่าเพิ่งคิดถึงมันเลยดีกว่า
แต่ว่าประตูทางเข้าก็ยังมีคนเฝ้าอยู่ตั้งสองคนแน่ะ แล้วจะหนีออกไปได้ยังไง ในเวลาแบบนี้คงต้องใช้หัวคิดสักหน่อยแล้ว
นิมมานสุดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด เริ่มทำการมองหาตัวช่วยรอบด้าน ก่อนจะปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมา แผนเด็ก ๆ ที่ใช้ได้ดีเสมอ ปากบางยกยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็เดินไปคว้าก้อนหินโยนไปทางต้นไม้พุ่มหนึ่ง หนึ่งในคนเฝ้าประตูพอได้ยินก็รีบวิ่งไปดูว่ามีอะไรผิดปกติตรงนั้น ส่วนอีกหนึ่งก็ถูกเขาใช้วิธีการเดิมล่อออกไปอีกทาง
ตอนนี้ทางก็เปิดโล่งหนีออกไปได้แล้ว หลังประตูบานนี้คืออิสระของเขา หวังว่าพอออกไปแล้วจะไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกนะ
ประตูถูกปิดลงอีกครั้งพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่หายไป คนเฝ้าประตูทั้งสองเดินกลับมายังจุดเดิมก็ต้องมุ่นคิ้วเพราะได้กลิ่นอัลฟ่าของคุณชายรองอยู่แถวประตู ปกติพวกเขาสองคนไม่ได้ทำหน้าที่เฝ้าตรงนี้หรอก เป็นแค่คนสวนคอยดูแลทำความสะอาดพื้นที่รอบบ้านเท่านั้น แต่เพราะบอดี้การ์ดถูกเรียกตัวออกไปหมดจึงไม่เหลือคนเฝ้า พวกเขาจึงถูกนายหญิงสั่งให้มาดูแลแทน
นิมมานอาจคิดว่าวันนี้เขาโชคดีเลยหนีออกไปได้ง่าย ๆ แต่แท้จริงแล้วมันคือแผนการของดาหลา นายหญิงคนสำคัญของบ้านหิรัญรชต
“คุณไม่น่าไปเหนื่อยยุ่งกับเรื่องของเด็ก ๆ โต ๆ กันแล้วก็ปล่อยให้พวกมันจัดการกันเองสิ”
“พูดอะไรอย่างนั้นคะ ถ้าไม่ช่วยลูกก็แย่น่ะสิ หรือคุณไม่ชอบหนูน้อยคนนั้น ฉันว่าหนูนิมก็น่ารักดีออก เห็นแล้วอยากหยิกแก้มเล่น นี่ถ้ามีลูกสาวต้องออกมาน่ารักน่าเอ็นดูมากแน่ ๆ”
“อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย คุณก็รู้ว่าความต่างของชนชั้นจะเป็นปัญหาใหญ่ให้สองคนนั้นในภายหลัง อีกทั้งตระกูลเราก็ไม่เคยแต่งงานกับโอเมก้าเลยสักคน คิดว่าจะมีสักกี่คนที่คัดค้านไม่ต้องการให้สองคนนี้อยู่ด้วยกัน ถ้าแค่เป็นเมียมีลูกอยู่แต่ในบ้านก็แล้วไปเถอะ แต่ถ้าถึงขั้นพาออกหน้าออกตาเป็นเมียแต่งประกาศให้ทุกคนรู้ คุณคิดว่าพวกเครือญาติสายตระกูลรองจะยอม”
“ยอมไม่ยอมแล้วยังไง หรือคุณอยากให้ไตรวิชญ์เจอประสบการณ์เดียวกับคุณ ให้ฉันทิ้งคุณไปอีกรอบดีไหม”
ดาหลาจิ้มนิ้วชี้ไปที่อกซ้ายของชายวัยกลางคนตรงหน้า เธอเคยถูกสามีสุดที่รักคนนี้ทำร้ายจิตใจจนต้องหนีไป เพราะไอ้ความคิดบ้า ๆ ไร้สาระที่โดนพวกญาติยัดใส่หัว ตอนนี้เธออุ้มท้องลูกชายคนแรกหอบผ้าหอบผ่อนหนีออกจากบ้าน คิดจะให้เธอที่มาก่อนเป็นเมียรองแล้วแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อหน้าตาทางสังคม
เหอะ อยากแต่งก็แต่งไปสิ คิดว่าเธอจะง้อเหรอ ถึงไม่ร่ำรวยมีอิทธิพลเท่า แต่ครอบครัวเธอก็มีฐานะไม่น้อยหน้าใคร แต่เพราะเธอช่วยสนับสนุนธุรกิจสีเทาของเขาไม่ได้ ถึงโดนพวกญาติตัวดีของเขารุมทึ้งรังแก
ดาหลาจิกเล็บลงไปบนอกของสามีแรงขึ้น สีหน้าแววตาฉายชัดถึงความโกรธแค้นไม่เคยลืม ต่อให้ผ่านไปยี่สิบกว่าปีเธอก็ลืมไม่ลง เพราะผู้ชายตรงหน้าดันหูเบาหลงเชื่อคำพูดนั้น กว่าจะได้สติรู้ตัวว่าทำผิดก็ตอนที่เธอคลอดลูกชายไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่ากลัวลูกจะขาดพ่อจะทิ้งให้เลย
“พูดเรื่องเจ้าไตรอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงวกมาเรื่องของผมได้ล่ะ”
“คุณบอกว่าจะตามใจฉันเรื่องหาลูกสะใภ้ ต่อให้ญาติคุณคัดค้านก็จะไม่ห้าม อย่าได้คิดจะผิดคำพูดกับฉันเชียว ไม่งั้นฉันหนีไปเที่ยวเล่นเมืองนอกคนเดียวไม่ยอมกลับบ้านสักปีหนึ่ง ปล่อยให้คุณแห้งเหี่ยวเฉาตายไปเลย”
ไตรวุฒิรวบมือน้อยของภรรยามากุมไว้พลางถอนหายใจยาว ความผิดพลาดในอดีตถูกขุดคุ้ยขึ้นมาตอกย้ำแผลเดิมเพียงเพราะอยากได้เด็กโอเมก้านั่นเป็นลูกสะใภ้ ไม่รู้ไปถูกตาต้องใจตรงไหนถึงออกโรงปกป้อง ทำตัวเป็นนกเหยี่ยวเฝ้าระวังลูกน้อยไม่ให้ถูกใครรังแก
“ผมยอมแพ้คุณแล้ว ตามใจคุณเถอะ ถ้ามีปัญหาแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ก็บอกผม ผมจะช่วยคุณจัดการเอง”
“ระดับฉันยังต้องให้ถึงมือคุณด้วยเหรอ รอดูไปเงียบ ๆ เลยค่ะ ฉันคนเดียวเอาอยู่ พวกเราควรจะซื้อเสื้อผ้าเด็กเตรียมไว้เลยดีไหมคะ”
“ยังไม่แน่ว่าเจ้าไตรจะตามไปสักหน่อย คุณจะรีบร้อนไปทำไม”
“เมียหายไปทั้งคน ตาไตรใจเย็นอยู่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิ แต่ถ้าไม่ยอมออกตามหาหนูนิมของฉันล่ะก็ ทั้งชีวิตนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอตัวอีกเลย”
ดวงตาเรียวหงส์ฉายแววเด็ดเดี่ยว น้ำเสียงปราศจากการล้อเล่นหรือแค่พูดขู่ไปอย่างนั้น
ไตรวุฒิรู้ว่าภรรยาเป็นคนหน้ายิ้มแต่ในใจคิดอ่านลึกซึ้งรอบคอบ เป็นพวกอ่อนนอกแข็งใน ตัดสินใจอะไรแล้วจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด จริงจังกับทุกเรื่อง ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนในครอบครัวจะให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
ถ้าไตรวิชญ์เลือกที่จะไม่ตามหาเด็กคนนั้น เมียเขาคงจะขโมยตัวไปซ่อนไว้ ชั่วชีวิตคงหมดสิทธิ์ได้เห็นหน้าเห็นตาอีก
ดาหลาหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมามองไปยังทิศทางเดียวกับที่นิมมานเพิ่งจากไป เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าลูกชายที่วัน ๆ เอาแต่ออกไปจัดการเรื่องนอกบ้าน ทั้งตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือดกลับมาไม่เว้นแต่ละวัน เธอก็พอรู้ว่ามีศัตรูมากมายที่จ้องเล่นงานครอบครัวเรา
ทว่า… ผู้ชายจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์ได้ยังไงถ้าหากขาดความรัก
อยากจะขึ้นเป็นผู้นำไตรวิชญ์ก็ต้องเรียนรู้เรื่องพวกนั้นก่อน เพราะคนที่แม้แต่จะปกป้องคนสำคัญของตัวเองไว้ยังทำไม่ได้ ไม่สมควรที่จะให้ใครมาฝากชีวิตไว้
เธอเดิมพันหมดหน้าตักว่าตาไตรต้องตามไปช่วยหนูนิมแน่ แต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนเกิดความล้มเหลวขึ้น ก็จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองให้แก้ตัวอีก
ในป่าที่กว้างใหญ่กินพื้นที่เยอะแบบนั้น ต่อให้คนเก่งแข็งแรงแค่ไหนถ้าเดินด้วยเท้าก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มกว่าจะเดินทะลุออกไปเจอถนนใหญ่
ถึงจะแอบสงสารหนูนิม แต่นี่ก็เพื่อพิสูจน์ความรู้สึกของทั้งสองคน
คู่แห่งโชคชะตาจะมีสายใยบาง ๆ เชื่อมต่อกันไว้ หากต้องแยกจากกันในวันนี้แล้วยังทนอยู่ได้ วันต่อ ๆ ไปก็คงไม่มีปัญหาหากว่าต่างฝ่ายต่างแยกไปใช้ชีวิตของตัวเอง
และแม้ว่าเธอจะอยากได้หนูนิมมานเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจไตรวิชญ์มากแค่ไหน แต่ถ้าจนแล้วจนรอดทั้งสองคนยังไม่รักกันอีก เธอนี่แหละจะเป็นคนพาหนูนิมออกไปจากชีวิตตาไตรเอง
ชีวิตคู่ที่ปราศจากความรักไม่มีทางมีความสุขหรอก เธอเห็นมานักต่อนักแล้ว จึงไม่อยากให้เด็กดี ๆ น่ารัก ๆ อย่างนิมมานต้องมาประสบกับเคราะห์กรรมเหล่านั้น
“หวังว่าเจ้าลูกชายของฉันจะไม่หลงผิดเหมือนคุณหรอกนะ ไม่งั้นฉันเอาตายแน่!”