ตอนที่ 18/2 ‘ผู้พิพักษ์รังโอเมก้า’

3273 Words
สามสิบนาทีต่อมา นิมมานคว้าเสื้อของผู้ชายหน้าโหดมาใส่ ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้คอเสื้อตกลงมาเห็นหัวไหล่นวลเนียนข้างซ้าย ตัวหลวมโพรกชายเสื้อยาวคลุมสะโพกเกือบถึงหัวเข่า ท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้นกันโป๊ เขายื่นแขนสองข้างไปตรงหน้าพลางมองอัลฟ่าเถื่อนที่ขมวดคิ้วแน่นสบตาเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ม้วนแขนเสื้อให้หน่อย” “มึงจะใส่เสื้อตัวนี้ลงไปกินข้าว?” “ใช่แล้ว มีกลิ่นเฮียติดด้วย งื้อออ หอมมม” มือเล็กคว้าคอเสื้อมาสูดกลิ่นหอมสดชื่นพลางหลับตาพริ้มอารมณ์ดี การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนน้องแสดงออกทำให้ไตรวิชญ์เผลอเลียปากแห้งผาก หัวใจกระตุกสั่นไหว ดวงตาลุ่มลึกร้อนแรงหรี่มองท่าทางน่ารักน่าใคร่นั้นอย่างไม่รู้จะจัดการยังไงกับคนช่างยั่วแบบไม่รู้ตัว เขาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจ แต่เหมือนจะหลงจะคลั่งรักมันหนักขึ้นทุกวัน “แต่งตัวแบบนี้คิดจะไปยั่วใคร เก็บไว้ใส่ตอนอยู่ในห้องกับกูแค่สองคนก็พอ ตอนอยู่นอกห้องก็ใส่เสื้อของมึงไป” “ไม่เอานะ เวลาได้กลิ่นเฮียแล้วนิมรู้สึกอุ่นใจ ถ้าไม่ใส่เสื้อของเฮียก็รู้สึกเหมือนไม่ปลอดภัย หวั่นใจแปลก ๆ” “ตัวจริงก็ยืนอยู่ตรงนี้ยังจะต้องกลัวอะไรอีก” “เฮียไม่เข้าใจ นิมอยากให้กลิ่นเฮียติดตัวตลอดเวลานี่” “เหม็น” “คนอะไรเหม็นกลิ่นตัวเองก็ได้ด้วย แล้วนี่ก็หอมออกจะตาย” ก้มลงถูไถฟัดเสื้อตัวที่ใส่อยู่พร้อมคลี่ยิ้มสุขใจ พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ส่งยิ้มหวานหยดออดอ้อนออเซาะใส่เขา ใบหน้าคร้ามเข้มดุดันส่ายไปมาอย่างอ่อนใจ จะไล่มันให้ไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เดี๋ยวก็ทะเลาะไร้สาระกันอีก ดวงตาคมกริบลึกล้ำกวาดมองคนน้องทั้งตัวอีกรอบก็ออกไปไล่ให้ไปหาเสื้อใส่ทับอีกตัว อย่างน้อยก็ไม่ให้ใครเห็นลาดไหล่เนียนขาวน่าขบกัดของมัน “ไปใส่เพิ่มอีกตัว แล้วก็อย่าโชว์ไหล่มึงให้ใครเห็นด้วย กูหวง” “อ้อ ที่แท้ก็หวงของนี่เอง แล้วก็ไม่บอกแต่แรก” เด็กหนุ่มยอมตกลงโดยไม่คิดอิดออดพลางเดินไปทางตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำมาสวมทับไว้หนึ่งตัว ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาหาคนพี่ให้ช่วยม้วนแขนเสื้อตัวแรกให้ ไตรวิชญ์พ่นลมหายใจทิ้งด้วยสีหน้าเอือมระอา ยื่นมือไปพันแขนเสื้อให้คนน้องจนเกือบถึงข้อศอกทั้งซ้ายและขวา โอเมก้าหน้าเด็กคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะชะงักนิ่งค้างมองเขาตาโตอย่างตกใจ เมื่อจู่ ๆ เขาก็เอื้อมมือปัดปอยผมที่ติดข้างแก้มออกให้กะทันหัน วินาทีที่ดวงตาของพวกเขาสบประสานกันก็เหมือนกับเวลาได้ถูกหยุดลง “...” บรรยากาศรอบตัวของนิมมานราวกับมีดอกไม้สวยงามบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมหวานดึงดูดให้เหล่าภมรอยากดอมดมด้วยความหลงใหลคลั่งไคล้ ไตรวิชญ์มุ่นหัวคิ้วเผลอนึกภาพว่ามีอัลฟ่าอื่นมาเดินตามตูดเมียเขา เพียงเท่านั้นใบหน้าคมดุก็ถมึงทึงดำคล้ำด้วยความไม่พอใจ ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางให้คนตัวเล็กขยับมายืนใกล้ ๆ จ้องมองด้วยแววตาคมกริบน่าเกรงขามราวกับพยัคฆ์ร้ายทรงพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหนือใคร “เฮียเป็นอะไรไป จู่ ๆ ก็ทำหน้าตาน่ากลัวอีกแล้ว นิมทำให้โกรธเหรอ” “ไม่ใช่มึงหรอก กูหงุดหงิดตัวเอง” “ทำไมต้องหงุดหงิดด้วย เฮียไม่พอใจตัวเองเรื่องอะไร บอกนิมได้ไหม” “ไปแดกข้าว กูหิวจนจะจับมึงเขมือบลงท้องเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว” “ทำตัวมีพิรุธ ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่” “อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องไอ้เด็กมะลิ ปัญหาของกู กูจัดการเองได้ มึงอยู่นิ่ง ๆ ไปซะ” เสียงทุ้มต่ำข่มขู่ ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องพร้อมกับ โอเมก้าหน้าสวยที่กอดแขนกำยำไว้พลางเอาหัวเอนซบอย่างออดอ้อน เมื่อเดินมาถึงชั้นล่างก็เจอกับพ่อแม่พี่น้องของไตรวิชญ์ซึ่งวันนี้มาดในเซอร์ ๆ ปอน ๆ เหมือนคนไม่มีเงิน ทั้งที่หน้าติดจะดิบเถื่อนเร้าใจและรวยมากแท้ ๆ ร่างสูงใหญ่ร้อยเก้าสิบเซ็นต์สวมเสื้อยืดคอวีสีน้ำตาลทองกับกางเกงยีนขายาวขาดเข่าสีซีดพอดีตัว ผมสีตาลแดงถูกเสยขึ้นไปลวก ๆ ไม่ได้ปาดเจลจัดทรงให้อยู่ตัว แต่กลับดูดีหล่อเท่จนผู้ชายด้วยกันยังต้องอิจฉารู้สึกไม่เป็นธรรม ในบรรดาพี่น้องสามคนของบ้านหิรัญรชต แต่ละคนก็มีสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง คนโตออกแนวสุขุมลุ่มลึก ท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่เย็นชาเคร่งขรึม ระเบียบจัด คนรองดูแข็งแกร่งทรงพลังมีอำนาจในตัว ออกแนวดิบเถื่อนโหดร้ายไม่สนหน้าใครทั้งนั้น ส่วนคนเล็กก็ขี้เล่นทะเล้น เอาตัวรอดเก่งเป็นที่หนึ่ง ช่างสังเกต ช่างเอาใจ รู้จักปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ เป็นน้องเล็กสุดของบ้านที่เหมือนชอบเล่นไปทุกเรื่อง แต่ก็เก่งไม่ได้ด้อยไปกว่า พี่ ๆ สองคน นิมมานเบียดตัวหาไตรวิชญ์มากขึ้นแล้วเหลือบตามองทุกคน รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยหลังจากไปได้ยินเรื่องนั้นเข้า ถึงทุกคนจะออกโรงปกป้องเขาก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลาบปลื้มดีใจ ถ้าลูกของเขาเกิดมาเป็น โอเมก้าไม่ใช่อัลฟ่าอย่างที่พวกเขาคาดหวังให้เป็น สีหน้ากังวลกลัดกลุ้มใจของโอเมก้าน้อยอยู่ในสายตาของทุกคน โดยเฉพาะคู่แห่งโชคชะตาอย่างไตรวิชญ์ที่เห็นท่าทางตื่นกลัวนั้นก็คิ้วกระตุก ใช้มืออีกข้างดึงตัวคนน้องให้ออกมายืนข้างหน้าเขาพลางตวัดวงแขนโอบกอดเอวบางไว้คล้ายกับปกป้อง วางปลายคางลงบนศีรษะเล็กสบตาทุกคนโดยปราศจากความกลัว ทำให้นิมมานใจชื้นขึ้นมาได้หน่อย “หนูนิมรู้สึกอย่างไรบ้างจ๊ะ หลับสบายดีไหม มีอาการแพ้ท้อง เวียนหัว คลื่นไส้ หรืออยากกินของเปรี้ยว ๆ บ้างไหม” ดาหลาที่เอ็นดูนิมมานมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้าก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลใจดี ดวงตาเรียวรีมองวงหน้างามล้ำอ่อนใสของเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปี ร่างเพรียวบางใส่เสื้อของลูกชายเธอลงมาชั้นล่าง ช่างน่ารักน่าหยิกแก้มซะจริง “ไม่รู้สึกเลยครับ” “อาจจะยังไม่มีอาการตอนนี้ ยังไงก็ต้องดูกันไปอีกสักระยะ แสดงว่าเจ้าหนูในท้องรักแม่มาก ถึงไม่ก่อกวนให้ต้องหัวหมุน ไม่เหมือนเจ้าเด็กสามคนนี้ ดื้อมาก ทำแม่เกือบหัวทิ่มไปก็ตั้งหลายครั้ง พอออกมาได้ก็ขยันก่อเรื่องกันไม่เว้นแต่ละวัน” “โธ่! อย่าเผาพวกผมสิครับ พวกเราไม่ได้ชอบก่อเรื่อง แต่เรื่องมันวิ่งเข้ามาหาเองต่างหาก แม่ไม่เข้าใจหรอกว่านี่เป็นธรรมชาติของเด็กผู้ชาย” ไตรภูมิลุกขึ้นจากโซฟาเดินเอามือล้วงกระเป๋ามาหยุดยืนตรงหน้าโอเมก้า หนึ่งเดียวของบ้าน ถึงจะอายุเท่ากันแต่เมื่อเป็นเมียของพี่ชายก็เท่ากับเป็นพี่สะใภ้ของเขา “วันนี้แต่งตัวน่ารักเชียว” “ไอ้ภูมิ” “แค่พูดชมหน่อยเดียวก็ส่งเสียงขู่ใส่ผมซะแล้ว ผมไม่จีบเมียพี่หรอกน่า แต่คนอื่นน่ะไม่แน่” เขาขยิบตาส่งให้พี่ชายจอมดุโหดเถื่อนเหมือนหน้าตา คิ้วเข้มของไตรวิชญ์กระตุกแรง ดวงตาคมกริบแดงก่ำเหมือนย้อมด้วยสีเลือดตวัดมองน้องชายที่จงใจพูดจายั่วโทสะให้คุกรุ่น ชายหนุ่มเปลี่ยนจากกอดเอวเมียมากุมมือพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน พออยู่ต่อหน้าพ่อเขาไอ้เด็กมะลิก็นั่งตัวเกร็งหลังตัว ไม่กล้าทำตัวกระเง้ากระงอดใส่เขาอีก “สีหน้าดูดีขึ้นฉันก็เบาใจ ขาดเหลืออะไรก็บอกได้ ตอนนี้เธอนับว่าเป็นคนในครอบครัวเราแล้ว ไม่ต้องทำตัวเกรงใจไปซะทุกเรื่อง เจ็บป่วยไม่สบาย มีคนทำให้อึดอัดคับข้องใจก็มาเล่าให้ฉันฟัง จะได้ช่วยจัดการให้ ในเมื่อท้องแล้วก็คงต้องจัดงานหมั้นก่อน ส่วนงานแต่งรอหลังคลอดลูกค่อยจัดให้ยิ่งใหญ่สมฐานะ ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลคนถัดไป” นิมมานอยากจะคัดค้านว่าไม่ต้องจัดงานใหญ่โตให้เปลืองเงินทอง ความจริงแล้วไม่ต้องจัดเลยก็ได้ เพราะเขาไม่อยากประกาศให้คนอื่นรู้ว่าเป็นอะไรกับไตรวิชญ์ อนาคตข้างหน้าใครเล่าจะรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขาไม่อยากผูกมัดตัวเองไว้จนเมื่อถึงเวลาไม่กล้าที่จะจากไป ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือเรื่องลูก ถ้าลูกเป็นโอเมก้าเขาจะต้องไปจากที่นี่มันที จะอยู่ให้ใครมาเอาตัวไปไม่ได้เด็ดขาด เด็กหนุ่มตั้งสติเก็บซ่อนสีหน้ากังวลให้อย่างมิดชิด หวังเพียงจะซ่อนความคิดนี้ไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ได้กลิ่นระแวดระวังตัวเองจากทุกคน ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงลุ่มลึกวูบไหวเล็กน้อย ไม่ได้เปิดเผยความคิดในใจของคนข้างกาย มีเพียงท่อนแขนที่กระชับเอวนิมมานแน่นขึ้น แผ่กลิ่นอายอบอุ่นหอมไอแดดยามสายบนทุ่งหญ้าเขียวขจี “ขอบคุณครับ” สองมือพนมไหว้บิดาของอัลฟ่าเถื่อน เจ้าของรอยพันธะบนหลังคอตัวเอง ตอบรับความใจดีนั้นอย่างสุภาพอ่อนน้อม ริมฝีปากบางผุดยิ้มหวานตรึงใจสะกดสายตาทุกคนให้เผลอไผลจ้องมอง ก่อนที่เสียงไอจะแหวกอากาศขัดบรรยากาศชวนเคลิบเคลิ้มหลงใหลของเมียเด็ก ไตรวิชญ์เอียงตัวไปขบกัดขอบหูโอเมก้าตัวดีที่โปรยเสน่ห์ใส่คนในครอบครัวเขาโดยไม่รู้ตัว ให้เขาหลงมันแค่คนเดียวก็พอแล้ว จะไปทำตัวน่ารักให้คนอื่นตามเอาใจอีกทำไม “เจ็บนะ” มือเล็กป้องหูไว้หันมาขู่ฟ่อแยกเขี้ยวเล็ก ๆ ใส่ตาดุ “อย่าล่อลวงคนในครอบครัวกู แค่นี้แม่กูก็หลงมึงจะแย่แล้ว” คนถูกจ้องทำหน้าตายเอ่ยเสียงโหด ขืนปล่อยให้มันทำตัวน่ารักมาก ๆ ทั้งพ่อทั้งพี่และน้องชายเขาคงพากันหลงมันหมด “ระวังนะนิม พี่ชายฉันหึงโหด ถ้าหน้ามืดขึ้นมาจับกินลงท้องทั้งตัวแน่ ถ้าอยู่มหา’ลัยแล้วโดนรังแกมาบอกฉันได้ ใครกล้ารังแกพี่สะใภ้ฉันจะต่อยมันให้คว่ำเลย ตามด้วยกระทืบซ้ำอีกสักทีสองที มันจะได้หลาบจำไม่กล้ามายุ่งกับนายอีก” “คนของฉันต้องให้แกออกหน้าปกป้องด้วยรึไง” “เอ้า! อยู่ดี ๆ ก็หวงเมียซะงั้น แล้วเฮียว่างอยู่เฝ้าเมียตลอด? ไม่ต้องไปทำงานทำการเหรอครับ” “เดี๋ยวกูก็ว่างแล้ว จะเตะเด็กปากมากแถวนี้ไปทำงานแทน” “ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเรียน” “สายแล้วยังคิดจะไปอีก เย็นนี้ไปอยู่เฝ้าคลับคอยสังเกตการณ์ดูลูกค้าที่เข้าออกทุกคน” “ใช้ให้ลูกน้องไปเฝ้าก็ได้นี่ เฮียเห็นใจผมหน่อยเถอะ” “ช่วงนี้มึงทำตัวได้ใจเกินไป เอาเวลาที่มัวแต่เที่ยวไปรับส่งหญิงทุกวันมาทำงานให้กู เดี๋ยวจะเพิ่มค่าขนมให้ เพราะกูไม่ชอบเลี้ยงคนไร้ประโยชน์” “ตอนนี้ผมโคตรมีประโยชน์เลยว่ะ” ไตรภูมิเหงื่อตกยืดตัวตรงแสดงสีหน้ามุ่งมั่นกระตือรือร้นอยากทำงานขึ้นมาทันควัน “ดูด้วยว่าช่วงนี้คนของกลุ่มไหนเข้าออกในคลับเราบ้าง และถ้ากูรู้ว่ามึงแอบอู้จะเอาไม้กอล์ฟฟาดลูกรักมึงให้พังยับจนจำสภาพเดิมไม่ได้เลย” “เฮีย! ขู่เรื่องอื่นผมยังพอทนได้ แต่อย่ามาขู่ทำร้ายลูกรักผมสิ คันนั้นคันโปรดเลยนะ ถ้าโดนมุบทำลายหัวใจผมแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ แน่” เสียงโอดครวญโหยหวนของน้องชายคนเล็กไม่ได้ทำให้พี่ชายคนรองของบ้านเห็นใจ “พ่อครับ งานหมั้นผมอยากให้จัดช่วงกลางเดือนหน้า รอดูอาการของไอ้เด็กนี่ก่อนว่าจะแพ้ท้องหนักแค่ไหน ถึงตอนนี้ยังไม่มีอาการก็เถอะ แต่ผมก็ห่วงกลัวมันไปเป็นลมหมดสติในงาน ส่วนแขกที่เชิญมาคงเลี่ยงคนจากสองตระกูลใหญ่ไม่ได้ ผมจะให้ลูกน้องคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้ทั่วงานไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” “เดี๋ยวกูจะช่วยประสานงานกับฝ่ายจัดงานให้อีกที เตรียมสถานที่ไว้ก่อนพอถึงเวลจะได้ไม่ฉุกละหุก” ดวงตาเฉียบคมสีดำสนิทหลังเลนส์ใสฉายแววห่วงใย ถึงภายนอกตรีภพจะเป็นคนสุขุมเจ้าระเบียบดูเหมือนเครียดขรึมตลอดเวลา แต่ก็ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะน้องชายทั้งสองคนของเขา ถึงพวกมันจะเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาแล้วหลายครั้งจนแข็งแกร่งเก่งกล้าเกินวัย เขาก็ยังคงเป็นห่วงพวกมันเสมอ “ฝากด้วยแล้วกัน งานจุกจิกเรื่องเยอะแบบนี้กูทำไม่เป็น ได้มึงมาช่วยกูจะได้ไปทำอย่างอื่นแทน” ไตรวิชญ์บอกพี่ชายแล้วถึงหันไปมองทางมารดา “เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงผมจะออกไปดูงานข้างนอก ฝากแม่ช่วยดูแลไอ้นิมให้ผมหน่อยได้ไหมครับ มันยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่เท่าไหร่ กลัวมันจะเดินหลงเข้าไปในป่าหาทางกลับไม่เจอเหมือนครั้งก่อน” “อันนั้นผมว่าเมียพี่ตั้งใจหนีไปนะ” “อยากโดนลูกตะกั่วเจาะทะลุปากไหม อย่าเสือก” “ด่ามาแต่ละคำโคตรเจ็บเลย ดุอะไรขนาดนี้” ไตรภูมิแสร้งทำ สีหน้าเจ็บปวดพร้อมยกมือขึ้นกุมหัวใจด้านซ้าย แต่แทนที่จะได้รับการปลอบใจกลับถูกพี่ชายจอมโหดส่งสายตาพิฆาตคมกริบเหมือนมีดดาบกระหน่ำฟันแทงไม่มีปรานี “นิมมึงอยู่กับแม่กูก็ทำตัวดี ๆ อย่าสร้างปัญหาให้ท่านต้องปวดหัว” “อื้อ เฮียไม่ต้องห่วงหรอก นิมไม่ใช่คนที่ชอบก่อปัญหา ไม่ได้ชอบสร้างเรื่องให้ใครต้องมาคอยปวดหัวด้วย” “ให้จริงเถอะ” มือหนาบีบจมูกเล็กน่ารัก หมั่นไส้ท่าทางยืดอกทำหน้ามั่นใจว่าตัวเองจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายแน่นอน หวังว่าระหว่างที่เขาออกไปตรวจตราความเรียบร้อยข้างนอก จะไม่มีใครโทรมาบอกว่ามันเล่นสนุกจนได้เรื่อง เพี๊ยะ “นิมเป็นเด็กดีเสมอหรอก มีแต่เฮียนั่นแหละที่นิสัยแย่ ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น” นิมมานกุมจมูกที่ถูกบีบจนเจ็บนิด ๆ เอนตัวเอาหัวพิงไหล่กว้างกระซิบถามเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน “กลับมาเร็ว ๆ นะ นิมรอ อยู่” “อือ ดูแลตัวเองดี ๆ อย่าทำให้กูเป็นห่วง” “เอ่อ นิมลืมถามเรื่องหนึ่ง ให้แม่ของนิมมาร่วมงานด้วยได้ไหม นิมไม่ได้เจอหน้าท่านเป็นเดือนแล้ว โทรไปหาก็ไม่ติด ไม่มีคนรับสายเลย นิมเป็นห่วงอยากกลับไปหาท่าน” หนึ่งเดือนมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายไม่หยุดหย่อน ไหนจะฮีทไม่มีสติรับรู้เรื่องราวภายนอก พอหายดีก็คิดแผนการหนีออกจากบ้านเฮียไตรอีก หลังจากโดนจับตัวกลับมาได้ก็ถูกเคี่ยวเข็ญเข้าคอร์สฝึกอบรมทักษะการต่อสู้กับครูจอมโหดเพื่อเตรียมตัวไปเรียนหนังสือ เผลอแป๊บ ๆ อีกทีก็ท้อง เขาแทบไม่มีเวลาให้คิดถึงแม่เลย ป่านนี้ท่านจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เขาไม่เคยขาดการติดต่อกับท่านนานขนาดนี้เลย “งานหมั้นทั้งทีจะขาดคนสำคัญที่สุดของมึงได้ยังไง ไม่ต้องกังวลว่าวันงานจะไม่เห็นแม่มึงมาร่วมงานด้วย กูจะให้คนไปเชิญท่านมา กูไปแล้ว จำที่กูสั่งไว้ ห้ามดื้อ ห้ามซน อย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัว” “แม่นิมจะมาได้จริง ๆ นะ” “เรื่องที่กูรับปากไว้จะต้องทำให้ได้ มึงอย่าเพิ่งคิดไปไกลจะเสียสุขภาพหมด” “ทำไมนิมไม่รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนท้องเลยล่ะ ท้องจริงอะ” ดวงตากลมโตใสแจ๋วเหมือนน้ำใสสะอาดไร้สิ่งเจือปนหลุบมองหน้าท้องแบนราบของตัวเอง ถึงตอนนี้จะเริ่มสร้างรังและติดกลิ่นคนพี่ มาก ๆ ก็ยังไม่เห็นมีอาการอย่างอื่น ปกติคนท้องต้องคลื่นไส้อาเจียน อยากกินของเปรี้ยว ๆ แต่เขากลับอยากกินของหวาน ๆ เย็น ๆ ให้ชื่นใจ “ดีแล้ว ตัวเล็กเท่าพริกขี้หนูอย่างมึงให้วิ่งไปวิ่งมา เดี๋ยวก็ได้สะดุดเกี่ยวขาตัวเองล้มเข้าเรื่องมันจะยิ่งแย่ ไปอยู่กับแม่กู เบื่อก็ดูหนังฟังเพลง ชอบวาดรูปใช่ไหม กลับมาต้องมีผลงานหนึ่งชิ้นให้กู “อืม…ก็ได้ ตกลง นิมวาดให้หนึ่งรูปนะ” “รูปกู” “ทำไมต้องวาดเฮียด้วย” ริมฝีปากจิ้มลิ้มคว่ำลงอย่างน่ารัก ทำคนพี่อดใจไม่ไหวเอื้อมมือมาประคองใบหน้างดงามอ่อนหวานใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไล้เรียวปากบางอมชมพูน่าสัมผัส “กล้าวาดรูปคนอื่นที่ไม่ใช่กู คืนนี้มึงไม่ต้องนอน” ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงวาวโรจน์หรี่ต่ำอย่างอันตราย กลิ่นอายเสน่หาลุ่มหลงห้อมล้อมคนน้องไว้ให้จิตใจปั่นป่วนตื่นตัว ไตรวิชญ์แสยะยิ้มร้ายเมื่อเห็นสีแดงระเรื่อระบายลงบนใบหน้าสวยหวานให้มีสีสันน่ามอง ก่อนจะปล่อยตัวโอเมก้าแม่ของลูกเขา ลุกขึ้นยืนเหล่ตามองไปทางพ่อแวบหนึ่งแล้วเดินออกไปจากโถงใหญ่ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าแม่เด็กนี่อยู่ที่ไหน แต่การจะพาตัวออกมาจากรังของอีกฝ่ายคงไม่ง่าย ‘วิกเตอร์ ฮาล์ฟ’ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวฝรั่งเศส ลูกครึ่งไทย เป็นอัลฟ่าสายเลือดแท้ที่เกิดในไทย แต่ถูกส่งตัวไปอยู่กับทวดตั้งแต่เด็กเพื่อฝึกอบรมกิริยามารยาท และกลับมาตั้งรกรากในไทยเมื่อห้าปีก่อน แค่เพียงเวลาสั้น ๆ ผู้ชายคนนี้ก็นำพาบริษัทมากมายในเครือฮาล์ฟให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของทุกคน ทั้งที่อยู่ในอาณาเขตการดูแลของพวกเขา อยู่ใกล้แค่ปลายจมูกกลับใจร้อนบุ่มบ่ามเข้าไปทวงคนคืนไม่ได้ เพราะเบื้องหลังของวิกเตอร์มีกลุ่มอิทธิพลของทวดคอยหนุนหลัง มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส ‘วิลลี่ ฮาล์ฟ’ ถึงจะอายุแปดสิบก็ยังแข็งแรงดี เลือดเย็นอำมหิตแค่ไหน ดูจากรายงานช่วงที่ผ่านมาหลายปีนี้ก็รู้ คนที่บุกรุกเข้าไปไม่เคยได้กลับมาสักราย ถ้าไม่เตรียมการให้ดีคงพาแม่ของไอ้เด็กมะลิออกมาไม่ได้ จะเป็นมิตรหรือศัตรู เดี๋ยวก็ได้รู้กันเร็ว ๆ นี้

Read on the App

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD