ไม่อยากให้เป็นหลานเดี๋ยวจับทำผัวดีไหมเนี่ยฉันได้เพียงแต่คิดในใจคิดวนไปวนมาหลายต่อหลายครั้งฉันไม่ได้อยู่ในเพนท์เฮ้าส์ของลุงโคลด์แต่ฉันอยู่ในห้องที่คอนโดของเขาก็คือที่เดียวกันกับเพนท์เฮ้าส์ของเขานั่นแหละ เชื่อหรือไม่ว่าฉันไม่เคยได้เข้าไปในห้องของเขาหรือแม้แต่สนทนาสักคำก็ยังไม่มี
เมื่อตอนที่มาถึงลูกน้องของลุงโคลด์พาฉันไปเข้าลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้าล็อบบี้ส่วนลุงโคลด์เดินแยกออกไปอีกทางโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้ฉันอยู่ในห้องนี้คนเดียวไม่ใช่คนเดียวสิ ลุงโคลด์ยังมีน้ำใจส่งคนมาอารักขาฉันที่หน้าห้องตั้งหนึ่งคนไม่รู้ว่าที่ส่งคนมาอารักขาฉันเนี่ยเพราะกลัวฉันหนีหรือเป็นห่วงความปลอดภัยของฉัน
ฉันเดินไปเดินมาการที่ลุงโคลด์ช่วยเหลือฉันแบบนี้แม้ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตามฉันต้องตอบแทนเขาแน่ แต่ฉันจะตอบแทนเขายังไงดีล่ะในเมื่อฉันวิ่งมาหาที่พึ่ง และเขาก็ดูเหมือนไม่ได้อยากจะให้ฉันพึ่งสักเท่าไหร่แต่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเพราะว่าฉันเป็นเพื่อนของหลานสาว ในตอนที่วิ่งมาถึงเขาฉันยังจำได้ดีว่าเขานิ่งมากแค่ไหน นิ่งราวกับว่าปัญหานี้มันไม่ใช่ของเขา
หยิ่ง!
แล้งน้ำใจ!
'ฉันไม่มีหลานชื่อฟาง' หึ ไม่อยากมีหลานชื่อฟางงั้นอยากมีเมียชื่อฟางไหมล่ะเดี๋ยวแม่จะสงเคราะห์ให้หมั่นไส้นัก!
"ช่างเถอะ วันนี้ฉันรอดมาได้ก็ถือว่าดีตั้งเท่าไหร่แล้ว"
ฉันตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำในห้องนี้ที่ลุงโคลด์ให้ฉันอยู่ฉันพูดตามตรงว่ามันค่อนข้างที่จะหรูหรามากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องชุดแต่มีห้องนอนแยกถึงสองห้อง เมื่อเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าก็จะเจอกับโซนห้องครัวใกล้ ๆ กับห้องครัวจะมีเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารถัดออกมาอีกหน่อยก็จะเป็นโต๊ะทานข้าวซึ่งมีเพียงสองเก้าอี้กับโต๊ะหนึ่งตัวเท่านั้น
ถัดออกมาอีกนิดหนึ่งไม่ไกลกันมากที่ตรงนั้นเป็นโซฟา และโต๊ะกลางขนาดเล็กซึ่งก็คือโซนห้องนั่งเล่นถ้าให้เรียกกันตามความจริงก็คงจะต้องเป็นแบบนั้น ที่นี่มีหนึ่งห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวส่วนอีกหนึ่งห้องไม่มีห้องน้ำ และจะมีห้องน้ำแยกออกมาอยู่ด้านนอกซึ่งอยู่ตรงระเบียงด้านหลัง และตรงระเบียงก็จะมีพื้นที่กว้างขวาง ด้านหลังระเบียงนี่กว้างขนาดที่ว่าสามารถวางที่นอนขนาดสี่ฟุตได้เลยทีเดียว มองไปอีกฝั่งของตรงข้ามกับห้องน้ำด้านหลังจะมีที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์แต่แบ่งเป็นสัดส่วนเรียกได้ว่าไม่รกหูรกตาแถมยังมีที่ให้นอนเล่นอีกด้วย
ติ๊งน่อง~ ติ๊งน่อง~
หลังจากที่ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วแต่งตัวเรียบร้อยตอนนี้ฉันไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะใส่เลยสักตัวเดียวฉันใส่เพียงแค่ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวที่มีเอาไว้ให้อยู่ภายในห้องพักของที่นี่
"ใครมากัน"
ฉันสงสัยแต่ก็ยอมเดินไปเปิดประตูห้องพักโดยลืมกดที่หน้าจอมอนิเตอร์ดูว่าใครกันที่มากดออดเรียก แต่เมื่อเปิดประตูออกไปกลับกลายเป็นหนึ่งในคนที่มากับฉันแล้วก็ลุงโคลด์ตอนที่เราอยู่กันในรถขามาไงล่ะ
"คุณเจได มีอะไรเหรอคะ"
เขามีสีหน้าค่อนข้างลำบากใจแถมยังดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรออกมาแต่เหมือนกับว่ากำลังถูกบังคับให้มาที่นี่
"เอ่อ..." หรือว่าลุงโคลด์จะให้คุณเจไดมาไล่ฉันออกไป ถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิดเขาจะช่วยฉันตั้งแต่แรกทำไม เพราะถ้าลุงโคลด์ไล่ฉันออกไปจริง ๆ ฉันก็คงไม่มีที่ไหนให้ไปแล้วจะให้ไปลำบากมินนี่ก็คงไม่ได้ หรือจะให้ไปลำบากแตงกวาก็คงไม่ดี กลับบ้านก็ไม่ได้สมบัติติดตัวก็ไม่มีสักชิ้นมีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียวเท่านั้น
"นายให้คุณฟางข้าวนอนที่นี่ได้แค่คืนนี้คืนเดียวครับ"
ฉันว่าแล้ว!
คนใจดำ!
"แต่ว่า... ฟางไม่มีที่ไปแล้วนะคะ"
ฉันจะทำยังไงดี การอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของลุงโคลด์มันทำให้ฉันปลอดภัย แต่ความยากคือ คนอย่างลุงโคลด์น่าจะไม่อยากเกี่ยวพันกับใคร ฉันคงต้องหาวิธีทำให้ลุงโคลด์ยอมรับฉันให้ได้
"ฉันขอไปคุยกับลุงโคลด์ เอ๊ย! คุณคาเรลได้ไหมคะ"
"ผมขอเรียนนายก่อนแล้วกันครับ"
คุณเจไดมีสีหน้าลำบากใจมากกว่าเดิม การที่ฉันจะเข้าไปคุยกับลุงโคลด์ได้มันคงจะเป็นการยากเลยทีเดียว ส่วนชื่อคาเรลที่ฉันเรียก มันมาจากชื่อเต็มของลุงโคลด์ คาเรล โคลด์ วิลเบิร์ก
"ขอบคุณค่ะ คุณเจได"
ฉันรอเวลาที่จะได้เข้าไปคุยกับลุงโคลด์แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แววจะได้ออกไปคุยกับเขา ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไม่รอแล้วเพราะนี่เขาให้ฉันรอมามากกว่าสามชั่วโมงแล้ว
ฉันตัดสินใจเปิดประตูห้องแล้วมองซ้ายมองขวาอีกทีเห็นว่ามีคนที่ลุงโคลด์ให้อารักขาฉันยืนอยู่คนหนึ่ง และเขาก็มองฉันด้วยสายตาแปลก ๆ ราวกับสงสัยว่าฉันจะไปไหนจะว่าไปฉันอยู่รอที่ห้องก็ได้เพราะว่าฉันยังไม่รู้เลยว่าลุงโคลด์อยู่ที่ไหน อีกทั้งเสื้อผ้าของฉันก็ไม่มีใส่ฉันยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำอยู่เลย เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่า ยังไม่ออกไปดีกว่า
ติ๊งต่อง~ ติ๊งต่อง~
ฉันเผลอหลับไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงออดหน้าห้องของฉันดังขึ้นฉันมองขึ้นไปที่นาฬิกาแขวนผนังบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา ตีสองครึ่งแล้ว
"ตีสองครึ่ง! ใครกันมาปลุกเอาป่านนี้ มารยาทไม่มี!" ฉันเดินออกมาเปิดประตูด้วยอาการหงุดหงิด และทันทีที่ประตูเปิดออก
"ขอโทษที่รบกวนครับ คุณฟางข้าว นายให้ผมมาตามคุณครับ" ตีสองเนี่ยนะ! เขากวนตีนใช่ไหมเนี่ย!
"เวลานี่เหรอคะ" ฉันพูดเพื่อที่จะบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้มันตีสองแล้วนะ
"ครับ" หรือว่าลุงโคลด์อยากจะ ยุบยิ๊บ จุ๊บจิ๊บ มุบมิ๊บ กับฉัน เดี๋ยวฟาง! แกต้องมีสตินะ ถึงแม้ว่าลุงโคลด์จะหล่อ รวย รุ่นใหญ่ แต่เขาก็ใจร้ายกับแกมากนะ
"ค่ะ"
ประตูห้องพักของลุงโคลด์ถูกเปิดออกหลังจากที่ฉันเดินตามลูกน้องของเขาเข้าไปในลิฟต์ลูกน้องเขากดชั้น 60 ไม่นานประตูก็เปิดออกแล้วเดินเลี้ยวไปทางฝั่งขวาตรงไปจนสุดทางระหว่างนั้นก็ผ่านร้านอาหารหรูหลายร้าน เมื่อสุดทางเดินแล้วก็ต้องเปิดประตูเข้าไปโดยมีคนเฝ้าอยู่ถึงสองคน แล้วก็ผ่านประตูอีกชั้นก่อนจะเข้าไปในลิฟต์แล้วกดที่ชั้นบนสุด
ซับซ้อนจริง ๆ
"ออกไป"
"ครับนาย"
ฉันเข้ามายืนในห้องของลุงโคลด์ในช่วงเวลาตีสองครึ่งกว่า ๆ ฉันไม่ได้สังเกตเลยว่าห้องพักของเขาเป็นอย่างไรเพราะมัวแต่นั่งดูผู้ชายร่างใหญ่นั่งอยู่ที่โซฟาหรูในชุดเดียวกับฉันก็คือชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำตาลไหม้ส่วนของฉันเป็นสีขาวตามมาตรฐานแต่ของเขาดูแพงกว่ามาก ลุงโคลด์นั่งกางขาทำให้ฉันได้เห็นถึงมัดกล้ามเนื้อตามต้นขาของเขา
อึก...
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเพราะรู้สึกคอแห้งผากลุงโคลด์ยังคีบบุหรี่เอาไว้ในมือแผงอกกำยำเผยออกมารำไรทำให้ฉันรู้สึกอยากสัมผัสเขามาก ให้ตายเถอะสาบานได้ว่านี่คือผู้ชายวัยกลางคน เขาดูดีกว่าอีตาบ้าบรูคอะไรนั่นอีก ตานั่นก็หล่อใช้ได้แต่เขาดูผอมบางกว่าลุงโคลด์ เหมือนพวกดาราจีน เกาหลี อะไรแบบนี้ แต่ของลุงโคลด์ไม่ใช่ ลุงโคลด์รูปร่างดีตามแบบฉบับชายชาวยุโรปเลยแหละติดที่ว่าสีผิวของเขาคล้ำกว่าชายชาวยุโรปแต่ก็ไม่น่าเกลียดแถมยังดูเซ็กซี่ด้วยซ้ำ
"จะมายืนสมาธิให้ฉันดูรึไง" โอ้โห ปากร้ายไม่เบาเลยนี่!
"คือ ฟางจะมาคุยกับลุง เออ คุณคาเรล ค่ะ"
"พูดมา!" ฉันสะดุ้งกับน้ำเสียงของลุงโคลด์ที่ค่อนข้างดัง ทำเอาฉันใจหายใจคว่ำจนแทบจะขวัญกระเจิงไปเลยเชียว
"ฟางอยากจะขอความชะ!"
"ไม่!" เดี๋ยว! ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะไอ้ลุงบ้านี่!