เช้าวันใหม่ของผมในรั้วคฤหาสน์แอนเดสันได้เริ่มต้นจากการได้ยินเสียงคนเปิดลิ้นชัก ดังกุกกักเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง หันไปมองก็เห็นคุณนาธานสวมใส่ชุดสูทอย่างเนี้ยบเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะตื่นเช้ากว่าผมเสียอีก
“คุณจะไปแล้วเหรอ หาววว” ว่าแล้วก็อ้าปากหาวหวอด ส่งมือขึ้นเกาศีรษะแกร็ก ๆ หมดสภาพคนหน้าตาดีกันเลยทีเดียว
“อยู่ที่นี่ตื่นให้มันเช้า ๆ หน่อย แม่ฉันเป็นคนเข้มงวด อย่าทำอะไรให้มันเดือดร้อนมาถึงฉันก็แล้วกัน อยากได้อะไรก็บอก จะสั่งคนส่งมาให้”
กล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งทำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้นผมก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเริงร่า เพราะนับจากนี้ห้องนี้จะเป็นของผมคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำอย่างสบายใจ แต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อเอาใจคุณนายวิมล เลือกในตู้ที่คุณนาธานซื้อมาไว้นั่นล่ะครับ
เดินลงมาข้างล่างก็เห็นแม่บ้านสูงวัยกำลังตั้งโต๊ะ จึงเดินเข้าไปทักทายเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ป้าแม่บ้านคนนี้ชื่อ ‘ป้าแหวน’ ทำงานที่นี่มาตั้งแต่สมัยสาว ๆ จนกระทั่งตอนนี้อายุเกือบห้าสิบแล้ว แถมยังเป็นแม่นมของคุณนาธานด้วย จึงมีอภิสิทธิ์ในบ้านมากกว่าแม่บ้านคนอื่น ๆ และที่สำคัญได้รับความไว้วางใจจากคุณนายวิมลมาก ผมตีซี้ป้าแหวนจนเริ่มรู้จักนิสัยใจคอ ท่านเป็นคนใจดีมาก พูดจาสุภาพและมีความรู้เรื่องการทำอาหารและงานฝีมือมากอีกด้วย
“ปกติแล้วคุณแม่จะลงมาทานข้าวเช้ากี่โมงครับป้าแหวน”
“ปกติก็เจ็ดโมงครึ่งถึงสองโมงเช้าค่ะ มีคุณบิวมาอยู่ด้วยก็ดีท่านจะได้ไม่ต้องทานข้าวคนเดียว”
“อ้าว! ปกติคุณนาธานไม่กลับมาบ้านบ้างเลยเหรอครับ”
“นานทีค่ะ คุณหนูงานยุ่งหากไปกลับคงไม่ได้พักผ่อนกันพอดี ถามอย่างนี้เหมือนคุณบิวไม่ค่อยได้อยู่กับคุณหนูเลยนะคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับป้า พอดีว่าเราไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวกันเท่าไหร่”
“ออค่ะ ถ้าอย่างนั้นป้าเข้าไปในครัวก่อนนะคะ คุณบิวนั่งรอคุณนายไปก่อน”
“ได้ครับป้า”
ผมนั่งรอคุณนายวิมลอยู่สักพัก ไม่นานท่านก็เดินลงมาในชุดสุภาพเรียบร้อย ท่านเป็นสตรีที่นิยมผ้าไทยมาก ชุดเป็นผ้าไหมทั้งหมด แต่การออกแบบคือสวยงามดูดีมีมูลค่ามากเลยทีเดียว เมื่อเห็นท่านผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่”
“นั่งลงเถอะ เธอรอนานหรือยังล่ะ”
“ไม่นานครับ เพิ่งช่วยป้าแหวนเตรียมโต๊ะสำรับเสร็จเมื่อสักครู่”
ท่านมองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพินิจพิจารณา “ชุดสวยดีนะ เหมาะกับเธอดี รู้ใช่ไหมว่าฉันชอบสะใภ้ที่เรียบร้อยอ่อนหวาน เก่งงานบ้านงานเรือน ดูแลสามีและลูกได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”
แหนะ! ยังเพ้อเรื่องลูกไม่หยุด สงสัยว่าท่านคงมีอาการทางประสาทแน่ ๆ
“ทราบครับคุณแม่ คุณนาธานบอกผมหมดทุกอย่างแล้ว”
“แปลกจริง เป็นผัวเมียกันแล้วแต่ยังเรียกคุณนาธานมันไม่ดูห่างเหินไปหน่อยเหรอ”
“เอ่อ...ผมเคยเรียกอย่างนี้เลยติดปากครับคุณแม่” ผมยิ้มแหย ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองเผยพิรุธออกมา ไม่รู้ว่าท่านจะเอะใจหรือไม่
“ไม่เอา ต่อไปนี้เรียกว่าพี่นาธาน มันจะได้ดูสนิทสนมคุ้นเคยกัน วันนี้ทานข้าวเช้าแล้วไปกรองมาลัยกับฉันในสวน อยากจะดูว่าฝีมือเธอเหมาะจะเป็นสะใภ้ฉันไหม”
กรองมาลัย...ใช้คำโบราณเสียจริง แต่ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เรื่องนี้ผมรับรองว่าท่านจะต้องอึ้งแน่ เพราะอะไรน่ะเหรอ เห็นอย่างนี้ผมเคยได้แชมป์ร้อยมาลัยระดับเขตสมัยเรียนมัธยมปลายมาแล้วน่ะสิ หวานหมูแน่นอนงานนี้
“ครับคุณแม่ ผมเคยมีประสบการณ์มาบ้าง”
“ดีเลย ฉันเองก็อยากจะเห็นฝีมือเธอเหมือนกัน ทานข้าวกันเถอะ”
ผมยิ้มให้ท่านแต่กลับได้รับความเฉยเมยมา รอยยิ้มเจื่อนลงทันที นั่งรับประทานอาหารตัวเกร็ง พยายามหาเรื่องมีสาระสนทนากับคุณนายวิมล แต่ดูเหมือนท่านเอาแต่ถามถึงเรื่องราวของผมกับคุณนาธานตลอดเวลา
รับประทานอาหารเช้าแล้วเราก็ออกมาที่ศาลาทรงไทยในสวน ข้างศาลาคือสระบัวขนาดใหญ่ เห็นแล้วก็หวนให้นึกถึงละครพีเรียดสมัยก่อนที่คู่พระนางมักจะพายเรือไปเก็บดอกบัวเกี้ยวพาราสีกันอย่างหวานชื่น แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ผมนั่งพับเพียบอยู่ข้างป้าแหวน ตรงข้ามนั้นก็คือคุณนายวิมล ท่านให้สาวใช้เตรียมทุกอย่างมาไว้พร้อมแล้ว ดอกไม้นานาชนิด เข็มร้อยมาลัย เชือก กรรไกร และอื่น ๆ วางอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“ลองโชว์ฝีมือให้ดูสักพวงสิ”
“ได้เลยครับ”
ผมเริ่มลงมือหลังจากนั้น เมื่อได้ทำสิ่งที่ถนัดก็ทำได้โดยไม่มีสะดุด มีความสุข มีรอยยิ้ม เป็นตัวของตัวเอง นอกจากคุณนายวิมลและป้าแหวนแล้ว ยังมีสาวใช้อีกสองสามคนที่นั่งดูด้วย โดยที่ผมไม่ได้รู้สึกกดดันเลยสักนิด ประมาณยี่สิบนาทีก็ได้มาลัยหนึ่งพวง แม้ไม่ได้พวงใหญ่มากแต่เก็บรายละเอียดทุกเม็ดทุกดอกไม่ให้มีข้อบกพร่องเลย
“นี่ครับคุณแม่”
ท่านรับไปแล้วก็พลิกไปมาเพื่อยลโฉมมันอย่างละเมียดละไม ดูจากสีหน้าไม่อาจคาดเดาได้ว่าท่านพอใจหรือไม่ ดูจนเสร็จแล้วก็ส่งต่อให้ป้าแหวนช่วยดูอีกแรง ผมนั่งลุ้นเสียยิ่งกว่าอะไร
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ฝีมือพอใช้ได้ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ถ้าฝึกบ่อย ๆ คงจะโอเคขึ้นกว่านี้”
“ผมสัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นแน่นอนครับ จะฝึกทุกวันเพื่อให้คุณแม่นำไปใส่บาตรตอนเช้าดีไหมครับ”
“ก็ดี”
“อิฉันว่าสวยเลยทีเดียว ฝีมือดี ละเมียดละไม เก่งกว่านังพวกนี้ตั้งหลายขุมเชียวค่ะคุณนาย” ป้าแหวนเอ่ยชมยกใหญ่ ทำเอาคุณนายกระแอมไอเพื่อเตือนไม่ให้ชมจนเกินไป เห็นอย่างนั้นผมก็แอบอมยิ้มน้อย ๆ และได้รู้ว่าท่านเป็นคนปากแข็ง อยากจะชมแต่ไม่กล้าชมตรง ๆ
“ขอบคุณครับป้าแหวน ผมจะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นนะครับ”
“แค่นี้ก็สวยมากแล้ว ถ้าฝึกมากกว่านี้ก็ไม่รู้จะสวยขนาดไหนแล้วค่ะ”
“แหวนพูดมากจังเลยนะวันนี้” คุณนายวิมลชำเลืองมองแม่บ้านคนโปรดเหมือนไม่พอใจ ป้าแหวนจึงต้องก้มหน้าลงเพื่อเอาใจเจ้านาย
“คุณแม่อย่าเอ็ดป้าแหวนเลยนะครับ ท่านเป็นคนตรง ๆ คิดยังไงก็พูดออกมาอย่างนั้น เหมือนคุณแม่ยังไงละครับ”
“เธอเองก็พูดมากกว่าที่คิดเอาไว้ งั้นเย็นนี้จะให้เธอโชว์เสน่ห์ปลายจวัก เข้าครัวทำกับข้าวคนเดียว คนอื่นให้ช่วยแค่เตรียมวัตถุดิบเท่านั้น เข้าใจไหม”
“คนเดียวเหรอครับ!”
“ก็ใช่น่ะสิ หรือทำไม่ไหว?”
“ไหวครับ ผมพอทำกับข้าวได้อยู่บ้าง ว่าแต่คุณแม่อยากทานเมนูไหนเป็นพิเศษไหมครับผมจะทำให้”
“เมนูไหนก็ได้ที่คิดว่าฉันกินแล้วไม่ตาย”
“ได้เลยครับคุณแม่”
“คุณบิวไหวแน่นะคะคนเดียว” ป้าแหวนถามพร้อมด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วงไม่น้อย
“ไหวแน่นอนครับป้าแหวน”
“ถ้าไม่ถูกปากฉันล่ะก็...เก็บข้าวของกลับบ้านเธอไปเลย ฉันไม่ต้องการสะใภ้ไม่ได้เรื่อง”
“ผมจะทำให้คุณแม่ยอมรับให้ได้เลยครับ”
ผมสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ส่งยิ้มให้ทุกคนเพื่อให้อุ่นใจว่าผมทำได้แน่นอน ดูเหมือนว่าทุกคนจะเชื่อว่าผมทำได้ จะเว้นก็แต่คุณนายวิมลคนเดียวตามเคย
.
.