ก้องทวีป ศิรชัช จิตรกรหนุ่ม ผู้รักชีวิตอิสระวัย 27 ปี ขับรถไปยังร้านขายภาพของตัวเองซึ่งลงทุนกับเพื่อน... เจ้าของใบหน้าหวานจนผู้หญิงบางคนยังต้องอิจฉาหันไปมองภาพวาดที่วางอยู่บนเบาะข้างตัวด้วยความภาคภูมิใจ งานชิ้นนี้เขาใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะรังสรรค์ขึ้นมาได้ หลังจากไปต่างจังหวัดมาหลายวัน
เนื่องจากมัวแต่หันไปมองภาพเขียนของตัวเองจึงไม่ทันเห็นว่ามีรถคันหนึ่งเลี้ยวขึ้นมาปาดหน้า หันมาอีกทีก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน ล้อเบียดกับถนนเสียงดังสนั่น รถคันหลังที่ขับตามมาต่างเหยียบเบรกตามๆ กันเสียงลั่นไปทั่วบริเวณ พร้อมคำสบถด้วยความหงุดหงิดใจตามมาเป็นทิวแถว
“ขับรถยังไงนี่”
ชายหนุ่มหัวเสีย... โมโหอย่างที่สุด ร่างสูง 187 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตเนื้อดี กางเกงยีนส์สีซีดยี่ห้อดัง และรองเท้าบูทหนังราคาแพงรีบเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมาจากรถ ผมยาวถึงกลางแผ่นหลังปลิวไปตามสายลมที่พัดมาปะทะ จนต้องเสยขึ้นไปเป็นระยะ
“เฮ้ย! เกือบชน ซวยแล้ว...”
อันดามัน อ่าวสุดเขต หญิงสาววัย 24 ปี ผู้มีส่วนสูง 167 เซนติเมตร เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย รูปร่างอรชรกลมกลึง แต่ใครเลยจะรู้ว่าเธอเป็นทายาทเจ้าของโรงเรียนสอนเทควันโดชื่อดัง ภายใต้รูปร่างที่บอบบางคือศิลปะการป้องกันตัวที่ยอดเยี่ยมจนผู้ชายบางคนยังสู้ไม่ได้
หญิงสาวใช้มือปิดปากด้วยความตกใจที่เกือบเกิดอุบัติเหตุ แต่ลอบผ่อนลมหายใจโล่งอก ที่แค่ “เกือบชน” เท่านั้น
เธอรีบกลับบ้าน เนื่องจากพี่สะใภ้โทร. มาบอกว่าบิดาเป็นลมหมดสติไป ตอนนี้หมอกำลังตรวจอาการอยู่ ด้วยความร้อนใจเธอจึงขับรถเร็วกว่าปกติมาก
เมื่อตั้งสติได้จึงรีบก้าวลงจากรถ
ก้องทวีปหรี่ตามองเรือนร่างบอบบางที่สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบคู่สวย ดูจากการแต่งตัวแม้ดูจะห้าวๆ ไปหน่อยในความคิดของเขา ท่าทางทะมัดทะแมงนี้ทำให้เขานึกกระหวัดไปว่าหญิงสาวคงเป็นพวกผิดเพศ
“นี่คุณ ขับรถยังไง ไม่รู้หรือไงว่าทางเลี้ยวแบบนี้ต้องดูรถก่อนเลี้ยว ไม่ใช่อยู่ดีๆ เลี้ยวออกมาแบบนี้ ใช้สมองส่วนไหนคิดนี่”
อันดามันอ้าปากค้างทันทีที่ลงจากรถ ยังไม่ทันพูดอะไร คู่กรณีใส่เธอไม่ยั้ง ตอนแรกนึกว่าเป็นผู้หญิง แต่พอมองอีกทีเป็นผู้ชาย หน้าหวานซะไม่มี เวลากะพริบตาที ขนตางอนยาวชวนมองขยับขึ้นลงตามไปด้วย ผู้ชายอะไรนอกจากหน้าหวานแล้ว ยังขนตางอนอย่างกับผู้หญิง สงสัยเป็นพวกผิดเพศ เธอคิดเองออเองมองอีกฝ่ายตาขวาง
“อ้าว... นี่คุณ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย เป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่า พูดกันดีๆ ก็ได้”
อันดามันเท้าสะเอวอย่างไม่เกรงกลัว ยิ่งรีบๆ อยู่ ไม่น่ามาเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย
ก้องทวีปเงยหน้าขึ้นฟ้า กลอกตาไปมาเพื่อระงับอารมณ์ มือเสยผมยาวสลวยไปด้านหลัง ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วยังมาเรียกหาความเป็นสุภาพบุรุษเอากับเขาอีก แม่คุณ... ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนผู้หญิงแบบนี้
“นี่คุณ มีใบขับขี่หรือเปล่า ขับรถไม่รู้จักกฎจราจร”
เขากอดอกมองหญิงสาวอย่างเหลืออด จ้องมองด้วยดวงตาวาววับ ยิ่งอารมณ์ไม่ดีเรื่องบิดาอยู่ ยังมาเจอผู้หญิงปัญญาอ่อนแบบนี้อีก
“ใบขับขี่ฉันมี นี่ไง”
เธอรีบควักใบขับขี่จากกระเป๋าสตางค์ออกมาโชว์ให้เขาดู
ชายหนุ่มเสยผมบนศีรษะด้วยความโมโห หงุดหงิดใจยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกิริยาที่เขาชอบทำเวลามีเรื่องอะไรขัดใจ ไม่คิดว่าแค่เขาพูดประชด คุณเธอจะดันควักออกมาโชว์จริงๆ ซะงั้นให้ตายเถอะ! นอกจากจะปัญญาอ่อนแล้วยังงี่เง่าอีกด้วย
“นี่แม่คุณ ซื้อมาหรือเปล่าใบขับขี่ นี่ถ้ารถผมเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง คุณมีปัญญาจ่ายไหม” ในเมื่อเธอกวนมาก่อน เขากวนกลับบ้างจะเป็นไรไป
“รถคุณไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แต่ที่พูดมากโยกโย้นี่จะเอาเงินใช่ไหม” เธอเดินไปสำรวจรถเขาอย่างถี่ถ้วนก่อนเบะปาก
“โธ่... เอาไป แค่นี้คงพอสำหรับคนแบบคุณ บอกกันดีๆ ก็ได้ ทำมาพูดมาก ชักช้า ชิ!”
หญิงสาวควักธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทออกมาสองใบแล้วเดินอาจหาญเข้าไปยัดใส่มือเขา
ก้องทวีปได้แต่อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าแม่คุณจะบ้าดีเดือด แถมดูถูกคนอื่นขนาดนี้ เอากับเธอสิ... ผู้หญิงเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
“นี่ๆๆ แม่คุณ จะเอาเงินฟาดหัวหรือไง แค่นี้ไม่พอ ไหนจะค่าทำขวัญทำให้ตกใจ ไหนจะค่ารถที่ไม่รู้ถลอกตรงไหนอีกบ้าง”
ในเมื่ออวดร่ำอวดรวยนัก จะเรียกให้หมดตัวเลย ร่างสูงเดินไปลูบรถคันหรูที่หาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากการวาดภาพของตัวเองเหมือนว่ามันจะถลอกตามที่กล่าว แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นอะไรด้วยซ้ำ
อันดามันอ้าปากค้างอีกรอบ นอกจากจะงกแล้ว ยังเล่นละคร... ปั้นน้ำเป็นตัวได้ทุเรศที่สุด เห็นอยู่ว่ารถไม่ได้เป็นอะไร ก็เธอเข้าไปตรวจสภาพแล้ว
“นี่ๆๆ รถคุณไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย แต่ถ้าเป็นจริงก็ช่วยไม่ได้ ขับรถเร็วอย่างกับพายุ ใครจะไปมองเห็น”
เธอรวน ก้องทวีปมองหญิงสาวนิ่ง ดวงตาคมเข้มวาวโรจน์
“ผมนี่นะ ขับรถอย่างกับพายุ ยัยปากกรรไกรเอ๊ย เอาสมองส่วนไหนคิดนี่” เขาชี้ตัวเองอย่างเหลืออดในคำกล่าวหาของเธอ
เสียงแตรรถที่บีบไล่หลังมาทำให้ชายหนุ่มหันไปมองอย่างหัวเสียกว่าเดิม
“ผมว่าไปโรงพักดีกว่า”
เขาตัดบท... อยากจะดัดนิสัยเธอ เดี๋ยวจะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจจัดการเสียให้เข็ด
“เชิญไปคนเดียวเถอะ ฉันรีบ ไปก่อนล่ะ”
อีตาบ้า ประโยคหลังต่อในใจ...
อันดามันรีบวิ่งไปเปิดประตูรถ ขับออกไปทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนหัวเสียอยู่คนเดียว ร่างสูงของก้องทวีปได้แต่อ้าปากค้างเมื่อเรียกคู่กรณีไม่ทันเสียแล้ว มัวแต่มึน... ไม่คิดว่าเธอจะหนีไปทั้งที่ยังพูดกันไม่รู้เรื่องแบบนี้
“เร็วอย่างกับปรอท นี่คุณกลับมาเดี๋ยวนี้นะ จะหนีไปทั้งที่ยังคุยไม่รู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
ก้องทวีปวิ่งตามด้วยความโมโหสุดกำลัง กรามกัดกันแน่นเป็นสันนูน
“โธ่โว้ย ฝากไว้ก่อน ยัยตัวแสบ เจอเมื่อไหร่จะจูบให้หายแค้นเลย” ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูรถอย่างแรง หันไปขอโทษขอโพยรถคันหลังยกใหญ่โดยการพยักหน้าให้ด้วยใบหน้าเหยๆ แต่ในใจอยากด่ามากกว่า เห็นอยู่ว่าเกือบเกิดอุบัติเหตุ บีบแตรเร่งอยู่ได้
“ยัยปากกรรไกร เจอเมื่อไหร่ฉันจะจัดการให้หายซ่าเลย ไอ้รถบ้านี่... บีบแตรอยู่ได้”
ชายหนุ่มขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับหันไปสบถรถคันหลังที่เอาแต่บีบแตรไล่สนั่นถนน แต่หากหันไปด่าตอนยังไม่ขึ้นรถ ไม่อยากคิดว่าจะโดนกระทืบกี่เท้ากัน แล้วไม่ต้องหวังว่าจะรอดชีวิตขึ้นรถมาแบบนี้
“เป็นอะไรวะเพื่อน หน้าบอกบุญไม่รับมาเชียว”
ฐานทัพ มหาละลวย จิตรกรหนุ่ม... ทักเพื่อนที่เดินหน้ายุ่งเข้ามาในร้าน
“เจอผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ แต่ปากเหมือนกรรไกร เถียงคำไม่ตกฟาก ทั้งๆ ที่คุณเธอขับรถเลี้ยวไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำเอาฉันเกือบชน แถมแม่คุณยังชิ่งหนีไปหน้าตาเฉย ก่อนไปยัดเงินค่าทำขวัญให้ฉันสองพัน”
ก้องทวีปกระแทกตัวนั่งบนโซฟาในร้านด้วยความหงุดหงิดจนฐานทัพมองโซฟาด้วยความสงสาร
พอเล่าจบ เพื่อนรักกลับหัวเราะท้องแข็ง ชายหนุ่มหน้ายุ่งกว่าเก่า
“หัวเราะบ้าอะไรของนาย”
ก้องทวีปถามเพื่อนด้วยความหงุดหงิด
“เปล่าๆ ใจเย็นเพื่อน นายอย่าหงุดหงิดไปเลย ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง แต่คิดไปคิดมา ฉันว่าอาจจะเป็นเนื้อคู่นายก็ได้ เคยได้ยินไหมบุพเพสันนิวาส”