Chapter 1
พบเจอ
ตุ้บ!
พลั่ก!
“ยะ...ยอมแล้ว ผมยอมแล้ว!” เสียงเข้มของชายคนหนึ่งเอ่ยร้องขออย่างจนตรอก พร้อมกับทรุดลงที่พื้นเมื่อไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านหลังจากถูกรุมทำร้ายอย่างหนัก จนตอนนี้ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้อีกแล้ว
“ยอมหรอ...ฮึ!” พายุบีบกรามของคนตรงหน้าด้วยมือข้างเดียว น้ำเสียงทรงพลังสร้างความตื่นกลัวและข่มขวัญอีกฝ่ายได้จนร่างกายสั่นระริก หากแต่การกระทำเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้คนโหดเหี้ยมยอมรามือหรืออ่อนข้อให้เลยแม้แต่น้อย
“อึก...ผมไม่มีเงิน ผมขอเวลา” ชายในชุดนักศึกษายกมือไหว้ขอโอกาส เขาเห็นปืนสีดำขลับข้างเอวของคนตรงหน้าก็เป็นต้องสั่นเทาจนเกือบพูดไม่ได้ศัพท์
“แต่มึงคิดจะหนี มึงคิดว่ากูควรใจดีกับมึงอีกเหรอ!” มือหนาออกแรงบีบที่กรามคมอีกครั้ง เขาไม่ใช่คนใจร้ายที่จะไม่ให้โอกาสใคร แต่ไอ้นี่มันตั้งใจจะหนีเขาต่างหากถึงได้หมดความอดทนลงไม้ลงมือในสภาพยับเยินแบบนี้
พลั่ก!
ตุ้บ!
“อึก...ผมไม่หนี ผมขอเวลาแล้วผมจะหาเงินมาใช้ให้! ผมสัญญา!”
“ก็ได้...กูจะให้โอกาสมึงสองเดือน” พายุพยักหน้ารับช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ระหว่างนี้มึงต้องมาทำงานในคลับของกู เพราะกูไม่ไว้ให้มึงอีกแล้ว มึงต้องมาทำงานที่คลับกู และครบกำหนดสองเดือนเมื่อไหร่กูค่อยมาคิดบัญชีกับมึง!”
พลั่ก!
“ดะ...ได้! ผมทำได้ทุกอย่าง” คนจนตรอกยิ้มกว้างเมื่อได้รับโอกาส อย่างน้อย ๆ ในวันนี้เขาก็มีชีวิตรอดกลับไปอีกครั้ง แม้ว่าสภาพร่างกายในตอนนี้จะสาหัสและเจ็บปวดมากเพียงใด
“ฮึ...ก็ดี ปล่อยมันไป!” เสียงเข้มเอ่ยสั่งลูกน้องชายชุดดำที่ยืนอยู่ห่าง ๆ จนกระทั่งคนตรงหน้าลูกลากตัวออกไปแต่ทว่ารอยเลือดกลับปรากฏอยู่บนรองเท้าหนังราคาแพงจนเขานึกหงุดหงิด
และมันก็พาลไปโกรธถึงการกระทำของตัวเองเมื่อครู่ที่ได้ให้โอกาสลูกหนี้อย่างที่ไม่ควรเป็น
ทั้ง ๆ ที่วันนี้เขาตั้งใจจะกะจัดมันให้สิ้นซาก เพราะรับรู้มาว่ามันกำลังจะหนีข้ามชายแดนแต่ทว่าด้วยอิทธิจึงทำให้เขาไล่ล่าตามขับตัวได้ทัน
และเขาก็ใจอ่อนให้โอกาสอีกครั้ง...
อีกด้าน
@ มหาวิทยาลัย C
มหาวิทยาลัยมีการจัดกิจกรรมของแต่ละคณะขึ้นทำให้วันนี้ดูครึกครื้นมากกว่าปกติ รงมไปถึงซุ้มประจำคณะบริหารที่ตอนนี้มีคนให้ความสนใจกันอย่างคับคั่ง
“ก่อนร่วมกิจกรรมช่วยลงชื่อทางนี้ก่อนน้าทุกคน” เสียงหวาน ๆ เอ่ยกับผู้ที่เข้าร่วมต่อแถวสำหรับกิจกรรมประจำคณะ ใบหน้าสะสวยเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย หากแต่มันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เอามองถึงกับหวั่นไหวใจละลายกันเป็นกอง
“ลิซไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่เอง” คนข้าง ๆ สะกิดพลางก้มหน้ากระซิบบอก
ตั้งแต่ช่วงเช้าก็เป็นเธอนี่แหละยืนเฝ้าซุ้มกิจกรรม ตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้ว เลยอยากเปลี่ยนการทำงานและให้เพื่อนไปพักบ้างจึงออกตัวแทน
“ฉันฝากด้วยนะ”
‘เอลิซ’ พยักหน้ารับให้กับเพื่อนข้างกายก่อนที่จะเดินแยกออไป
หนทางแรกที่ตรงไปก็คือโรงอาหาร เพราะเธอหิวจนปวดท้องไปทั้งหมด แต่ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นเพื่อนสนิทที่รู้จักและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กเดินผ่านพอดิบพอดี นั่นจึงทำให้เธอเอ่ยเรียกทักทายพร้อมกับการสาวเท้าเข้าไปหา
“เคน จะไปไหนเหรอ” เอลิซเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่ทว่าจังหวะที่เคนหันหน้ามากลับทำให้เธอชะงักไป และพลันได้สตติจึงรีบเอ่ยถามเสียงสั่น “เคนไปทำอะไรมา! ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ล่ะ!”
“หกล้มนิดหน่อยเอง” เคยเอ่ยแก้ตัวข้าง ๆ คู ๆ แต่เขาก็เชื่อว่าคำแก้ตัวนี้จะทำให้เพื่อนคนนี้เชื่อได้อย่างสนิทใจ
“ไม่ระวังเลย อย่าลืมทายาด้วยล่ะจะได้หายไว ๆ”
เป็นจริงอย่างที่คิด...เคนยกยิ้มพลางมองเพื่อนสนิทด้วยความอ่อนใจ
สนิทสนมกันมานานหลายปี รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้อ่อนต่อโลกมาก ไม่ว่าเขาจะพูดโกหกแค่ไหนเจ้าตัวก็จะเชื่อมั่นในเพื่อนคนนี้ตลอด พานทำให้เขารู้สึกผิดที่ต้องปิดบังความระยำของตัวเองที่ได้ก่อเอาไว้
“ลิซ...เธอพอมีงานให้ฉันทำบ้างไหม ช่วงนี้ฉันมีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อย” หลังจากที่เก็บงำปัญหามานาน คราวนี้จึงตัดสินใจเปิดปากเพราะจนปัญหาหมดหนทางจริง ๆ
“ทำไมเหรอ หนักขนาดนั้นเลยเหรอเคน”
“อื้ม ค่อนข้างหนักอะ เราเลยอยากทำงาน แล้วลิซพอจะมีแนะนำไหม เราได้ยินมาว่าลิซทำงานพิเศษอยู่ไม่ใช่เหรอ”
เอลิซพยักหน้ารับเมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ใจ เป็นครั้งแรกที่เคนมาปรึกษาเรื่องแบบนี้ แล้วเธอจะใจร้ายไม่ให้คำตอบกับเพื่อนได้ยังไงกัน
“ตอนนี้เราเสิร์ฟอยู่ที่ผับพายุอะ แต่เราเพิ่งเข้าไปทำงานได้แค่สองอาทิตย์เอง ยังไงเคนไปสมัครพร้อมเราวันนี้เลยดีไหม”
ฐานะทางบ้านของเอลิซอยู่ในขั้นปานกลาง เธอไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ลำบากแสนเข็ญ หากแต่ชีวิตในช่วงวัยมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายไม่เว้นแต่ละวัน นั่นจึงทำให้เธอเลือกที่จะหางานพิเศษทำระหว่างเลิกเรียน เพื่อแบ่งเบาและหาเงินเก็บเล็ก ๆ สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว
“อะ...เอ่อ คือฉันก็ทำที่นั่นเหมือนกัน” เคนมีสีหน้าตกใจแต่ก็พยายามปรับให้เป็นปกติมากที่สุด
เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะบังเอิญได้มากขนาดนี้!
“จริงเหรอ! ทำไมเราไม่เคยเห็นเลยอะ” เอลิซเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทคนนี้จะทำงานที่เดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ตลอดการทำงานสองสัปดาห์นั้นจะไม่เคยเห็นผ่านตาเลยก็ตาม
“เอ่อ...เราเพิ่งได้เริ่มทำงานวันนี้น่ะ คุณพายุเพิ่งรับเราเข้าทำงานวันนี้นี่เอง”
“คุณพายุเหรอ? ใครอ่า”
“เจ้าของร้านนี่แหละ”
“งั้นวันนี้เราไปทำงานด้วยกันนะเราจะได้มีเพื่อน” เอลิซพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม นึกขึ้นได้ว่าชื่อเจ้าของร้านเหมือนกับป้ายร้ายชัด ๆ มันเลยไม่แปลกที่เขาจะตั้งชื่อให้เหมือนตัวเอง