Chapter 7
คลั่ง
Phayu’s Part ;
เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจากคนข้างกายดังเคล้าใกล้หู ตอนนี้เธอกำลังนอนหลับตาพริ้ม ร่างกายเล็กซุกกอดกับแผงอกแกร่งของผมด้วยความเหนื่อยอ่อน พอมองต่ำลงไปก็เห็นผิวกายที่เป็นรอยแดงจ้ำ ปรากฏชัดได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
อันที่จริงผมตื่นนานแล้วล่ะแล้วก็นอนมองหน้าเธอมานานแล้วด้วย โดยปกติแล้วผมไม่ใช่คนตื่นเช้า แต่ที่ตอนนี้ผมยังตื่นอยู่ก็อาจเป็นเพราะผมยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน สามารถหลัก ๆ ที่ผมไม่ยอมนอนนั้นก็เพราะผมกลัวว่าเธอจะรีบหนีกลับไปซะก่อนเนี่ยแหละ
“อื้อ” คนในอ้อมแขนส่งเสียงร้องเบา ๆ พร้อมกับการขยับตัวเล็กน้อย
ผมกดสายตามองไปยังใบหน้าหวาน เคล้าคลอริมฝีปากของตัวเองไปตามพวงแก้มใส ๆ จวบจนดวงตากลมโตเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงก่อถูกก่อกวน
“ไง ตื่นแล้วเหรอ” เพียงแค่เห็นดวงตาหวาน ๆ คู่นั้นก็ทำให้ผมเอ่ยปากออกไป รอยยิ้มร้ายหยัดขึ้นแต่วงแขนกลับกระชับกอดรัดเธอให้แน่นขึ้น
เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหมือนกับคนที่กำลังประมวลความคิดจนได้สติว่าตอนนี้สภาพของเธอและผมนั้นเปลือยเปล่ากันทั้งคู่
“ปล่อย” มือเล็กออกแรงผลักไสรีบดันตัวผมให้ออกห่าง หากแต่ผมเองกลับต่อต้านและกอดรัดเธอให้แน่นขึ้นหวังจะปราบพยศคนดื้ออย่างเธอให้อยู่หมัด
“ตื่นมาก็ดื้อเลยนะ”
“ข้อตกลงของเรามันจบแล้วใช่ไหม”
“เมื่อคืนครั้งแรก นี่เธอไม่เคย...”
“ทำไม มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย ปล่อยฉันนะ!” คนตัวเล็กผละตัวออกจนเป็นอิสระ เธอกำปมผ้าห่มให้คลุมกายไปจนถึงต้นคอ แต่มันก็ยังปรากฏชัดถึงรอยแดงจ้ำที่ผมตั้งใจฝากฝังเอาไว้อยู่ดี
“มะ...เมื่อคืนฉันให้นายแล้ว แปลว่าข้อตกลงของเราจบสิ้นแล้วนะ” เสียงเล็กสั่นพร่าพร้อมกับใบหน้าหวานที่ออกสีแดงซ่านอย่างเห็นได้ชัด
เอลิซผุดตัวลุกขึ้นจากเตียง เธอกำผ้าห่มไว้แน่นก่อนจะหยัดกายลุกแล้วเดินออกไป หากแต่ผมกลับกระชากรั้งปลายผ้าห่ม ส่งผลให้ร่างกายเล็กเซถลาจนล้มลงมาทาบทับที่ตัวของผมโดยไม่ทันตั้งตัว
“อ๊ะ! นี่นาย!”
“จะอายทำไมก็เห็นมาหมดแล้ว” ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจนัก ไอ้ท่าทางปิดบังทั้งที่ผมสำรวจมาหมดทั้งร่างกายแล้ว
อยากย้ำชัดอีกครั้งจริง ๆ ว่าร่างกายของเธอน่ะเป็นของผมไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว!
“นี่หยุดพูดนะ!”
“ฉันจำได้นะว่าเมื่อคืนเธอเองก็มีความสุขกับมัน” ผมออกแรงกดล็อกตรึงให้คนตัวเล็กอยู่ใต้ร่าง ย้ำชัดถึงคำพูดว่าเมื่อคืนนี้ทั้งผมและเธอต่างก็สุขสมในรสสัมผัสของกันและกัน
ผมไม่ได้หักหาญน้ำใจเธอ และผมก็ทำให้เธอถึงฝั่งฝัน ผมตั้งใจมอบสัมผัสให้กับเธออย่างเต็มใจ และเธอเองก็ตอบรับมันอย่างเต็มเช่นกัน...
“ก็...ก็ฉันทำตามข้อตกลงของนายนี่ไง คราวนี้นายก็อย่าลืมลดหนี้ให้เพื่อนของฉันด้วย” คนตัวเล็กตอบเสียงแผ่วเบาพลางหลบหน้าหนี แต่ผมกลับจับรั้งใบหน้าหวานให้ประสานมอง จนทำให้เห็นพวงแก้มใส ๆ ที่ออกสีแดงระเรื่อบ่งบอกถึงความเขินอายได้เป็นอย่างดี
“ฉันไม่เคยผิดคำพูด และอีกอย่าง...ฉันลดหนี้ให้เพื่อนเธอไปตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว ลดหนี้ให้ก่อนที่ฉันจะได้เธออีกรู้เอาไว้ด้วย” ผมแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อนึกถึงการกระทำของตัวเอง
ความจริงแล้วผมจัดการลดจำนวนหนี้สิ้นที่ไอ้เคนต้องชดใช้ให้ก่อนที่ผมจะจัดการกับเธออีกด้วยซ้ำ แต่เหตุผลที่ทำไปอันนั้นผมเองก็ให้คำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไปทำไม รู้สึกได้เลยว่าผมมีแต่เสียกับเสีย แต่พอได้ลิ้มรสหวาน ๆ จากกายสาวกลับทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนไปซะงั้น
ตอนนี้มีแต่คุ้มกับคุ้ม!
“จะ...จริงเหรอ! นายพูดจริงใช่ไหม
“เก็บอาการหน่อยเถอะแม่คุณ!” จากความบึ้งตึงแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มกว้างที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นคนละคนจากเมื่อครู่นี้เลยก็ว่าได้
ผมใช้มือหยิกที่แก้มใสของเธอด้วยความมันเขี้ยว จนเธอนิ่วหน้าเบ้บิดด้วยความเจ็บผมถึงได้ยอมปล่อยมือออกนั่นแหละ
“งั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน”
“แล้วถ้าบอกว่าไม่ปล่อยล่ะ” ผมเลิกคิ้วยียวนมองคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ แต่คำพูดที่เอ่ยออกไปล้วนเป็นสิ่งที่ต้องการทุกอย่าง
เพราะผมไม่อยากปล่อยเธอไปจริง ๆ
“นี่! นายต้องรักษาสัญญานะ ฉันให้ในสิ่งที่นายต้องการไปแล้ว นายต้อง...”
“มาเป็นผู้หญิงของฉันไหมเอลิซ” ผมเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกไปตรง ๆ อย่างไม่คิดปิดบัง
ยอมรับแต่โดยดีเลยว่าตอนนี้ผมโคตรคลั่งเธอเลย ชอบทุกสัมผัส ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ จนผมอยากได้เธอมาครอบครองซ้ำ ๆ
และแน่นอนว่าทันทีที่ผมเอ่ยออกไปก็ทำให้แววตาหวานเบิกกว้าง เธอรีบขยับตัวหนี พร้อมกับการรัวกำปั้นน้อย ๆ ถาโถมลงมาที่แผงอกแกร่งของผม
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ ที่ฉันยอมนอนกับคุณก็เป็นเพราะเพื่อนของฉัน!”
“ฉันไม่ได้มองเธอไม่ดีเลยนะ เราก็แค่หาความสุขให้ตัวเอง แล้วฉันก็แค่ถามเธอเท่านั้นว่าเธออยากมาเป็นผู้หญิงของฉันไหม เธอไม่ต้องทำงาน เธอจะมีเงินใช้ พอเพียงแค่เธอมาเป็นผู้หญิงของฉัน แค่นั้นเลย”
ผมพยายามใช้โทนน้ำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด ในขณะที่มือก็ค่อย ๆ ลูบประโลมไปตามเรือนผมนุ่มของเธออย่างอ่อนโยน
ผมไม่ได้ตั้งใจเหยียดหยามเธอ แต่ผมแค่อยากถามในความต้องการของตัวเองเท่านั้น
“ไม่...ยังไงฉันก็ไม่มีทางเป็น...อื้อ!”