วันต่อมาชยันต์ย้อนกลับไปที่ร้านหนังสือร้านเดิมอีกครั้ง แล้วใช้เวลาเกือบทั้งวันเพื่อมองหาหญิงสาวคนเดิมผู้ทำให้หัวใจสั่น ยิ่งโมโหตัวเองหนักขึ้นเมื่อเขาคว้าน้ำเหลวและหิ้วหนังสือหลายสิบเล่มกลับมาบ้านแทน
“ซื้ออะไรมาเพียบเลยล่ะแท็ป”
“ก็เอาไว้อ่านยามว่างน่ะหาความรู้ใช้คัดต้นฉบับ”
“ส่องโลกดึกดำบรรพ์ คู่มิชลินสตาร์ ภาษาลาตินพื้นฐาน คู่มือท่องเที่ยวแอฟริกา อันนี้เด็ดสุดวิธีการดูแลครรภ์มารดาแต่ละเล่ม...น่าสนใจนะว่ามั้ย” หยิบมาไม่ดูก็แบบนี้แหละ ชวัลวิทย์ตบไหล่น้องชายไล่อ่านชื่อหนังสือพลอยสร้างเสียงหัวเราะให้สมาชิกคนอื่นไปพร้อมกัน
“เผื่อใครเขียนเรื่อง...ตัวเอกเป็นสูตินารีแพทย์ ชอบอาหารมิชลินสตาร์ ฟังเพลงภาษาลาติน อยากไปขุดฟอสซิลที่แอฟริกาใต้ไงครับเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ” ชยันต์แถ-ลงหน้าตายอย่างมีชั้นเชิง
ทุกคนประสานเสียงหัวเราะโดยมิได้นัดหมาย
“เดี๋ยวนะ แบบนี้ได้ด้วยเหรอไอ้แท็ป”
ทว่าได้เวลาเจี๊ยะปึ่งพอดี
สมาชิกครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะอาหาร อชิตาภรรยาของชวัลวิทย์กำลังประคองลูกชายวัยสี่ขวบเศษให้นั่งบนเก้าอี้สูงสำหรับเด็ก ส่วนอากงผู้ชราภาพผิวหนังเหี่ยวย่นทรุดนั่งข้างสุขสวัสดิ์ อายุอานามปาไปแปดสิบกว่าปีแล้วแต่...ยังหยิบจับอะไร ๆ ได้คล่องแคล้วและความจำเป็นเลิศ
ประมาณว่าฮาร์ดดิสไม่เคยเต็ม!
“ม้าว่าแท็ปปีนี้ก็อายุไม่น้อยแล้วนะ 31 แล้วนี่!” เจ้าตัวทราบแล้วครับ...นับเลขเป็น แต่จะเกริ่นนำไปเพื่อ
การแต่งงานสร้างครอบครัว มีทายาทสืบสกุลเพื่อรับช่วงต่อธุรกิจนับเป็นเรื่องสำคัญตามทัศนะของญาติผู้ใหญ่ แม้คนรุ่นใหม่จะไม่คิดเช่นนั้นก็มิอาจขัดได้ พี่สะใภ้คนเก่งยอมลาออกจากงานประจำมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ทั้งที่ก่อนหน้ามีหน้าที่การงานเป็นถึงผู้จัดการฝ่าย แม้บริษัทเสนอเงินเดือนและตำแหน่งที่สูงขึ้นให้เธอแต่ยังพ่ายแพ้ต่อคำขอจากพ่อแม่สามีจนได้
ที่สำคัญชวัลวิทย์กับอชิตาเจอกันจากการดูตัวผ่านแม่สื่อ
“ป๊าก็ว่างั้นนะแท็ป” นักเขียนชื่อดังวัยจวนเจียนแซยิดเลิกคิ้วจนเห็นริ้วรอยลึกบนหน้าผากชัดเจน อากงได้แทรกขึ้นเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วพลางโบกตะเกียบประกอบคำพูดกลางอากาศ
“อากงบอกว่าอยากอุ้มเหลนจากหลานคนเล็กก่อนซี้แหง่แก๋ตามอาม่าไป...!” สุขสวัสดิ์รับหน้าที่ล่ามอย่างเต็มใจ “จะได้ไปเล่าให้อาม่าอิจฉาเล่น ๆ บนสวรรค์” แต่อันนี้ตอกไข่ใส่สีเอง ลูกชายคนเล็กเบิกตาโพลง เต้าหู้ชิ้นโตเกือบติดคอ
“ตายเตยไร๊! อากงอย่าพูดว่าตายสิ มันเป็นลางไม่ดีนะ อากงกินเยอะ ๆ นะจะได้แข็งแรงอยู่กับแท็ปไปนาน ๆ กับข้าวฝีมือม้าอร่อยเหาะจริง ๆ”
ชยันต์ตักกับข้าวพูนช้อนใส่ชามให้อากงหมายเบี่ยงบานประเด็น ชายชรายิ้มร่าโชว์แผงฟันปลอมขาววาววับลอบสบตากับคนข้างกายเล็กน้อย
จะเลี่ยงยังไงไหว
คนบ้านนี้แต่งงานมีครอบครัวจากการดูตัวด้วยกันทั้งนั้น คนที่ยังไม่โดนก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย สุขสวัสดิ์หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ เจ้าลูกชายคนเล็กจะเอาตัวรอดได้อีกนานเท่าไหร่นักเชียว
ชยันต์มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก อยากจะด่าไอ้ตี๋หน้าโง่คนนั้นด้วยสารพัดคำด่าที่มีในโลก พอนึกย้อนไปสมัยเรียนชั้นมัธยมปลาย เขาและชวัลวิทย์จัดเป็นหนุ่มพิมพ์นิยมสเปกสาวมัธยมปลาย
แม้เป็นผลผลิตจากครอบครัวคนจีนที่โชคดีเกิดมาดวงตามีเหล่าเต๊งเป็นอาตี๋ตาโต จมูกโด่งเป็นสัน ใส่เหล็กดัดฟันกับเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนชายล้วนชื่อดังจึงกลายเป็นจุดสนใจของบรรดานักเรียนหญิงรุ่นเดียวกันได้ไม่ยากนัก
แต่ตี๋น้อยวันวานกลายเป็นคนบ้างานวัยสามสิบเอ็ดจนได้ สิ่งที่เรียกว่าโชคชะตายืนยิ้มหวาน กวักมือเรียกหาอยู่ร่ำไรแต่แล้วก็พลัดหลงกันอีกจนได้
ผู้หญิงอะไรชื่อย้าว...ยาว!
“คุณอินฟินีตี้ ผมผิดไปแล้ว!” เขาทำได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้น
ช่วงกลางดึกคืนเดียวกันสุขสวัสดิ์กำลังพลิกแฟ้มเล่มใหญ่ที่มีรูปถ่าย ชื่อ-นามสกุล อายุของหญิงสาวมากมายที่จะมาดูตัวผ่านแม่สื่อ สองพ่อลูกพิจารณาอย่างตั้งอกตั้งใจพลางพูดคุยถามความเห็นซึ่งกันและกัน
“คนนี้ดีมั้ยป๊ายังสาวยังสวยดูไม่ออกว่าอายุมากกว่าไอ้แท็ปตั้งสี่ปี” อากงส่ายหน้าแกว่าผู้หญิงอายุเกินสามสิบห้าปีจะมีลูกยากแถมจะคลอดยากอีกต่างหาก
“แล้วคนนี้ดีหรือเปล่า” แกก็ส่ายหน้าอีกด้วยเหตุผลจมูกไม่โด่งพอ เดี๋ยวเหลนออกมาไม่หล่อหรือไม่สวย
“ไอหยา! คนนี้อั๊วไม่ชอบ ตาเท่าเม็ดก๋วยจี๊ อาแท็ปออกจากตาโต เดี๋ยวเหลนอั๊วได้เชื้อแม่มัน”
“โธ่เอ๊ย! แล้วอยากอุ้มเหลนหรือจะปั้นดารากันล่ะป๊า” สุขสวัสดิ์โครงศีรษะบ่นไปพลาง อากงคนช่างเลือกมาตรฐานสูงลิบลิ่วเหลือเกิน เสียดายเกิดเร็วไปไม่งั้นคงได้เป็นนักปั้นมือทองไปแล้ว
สองชั่วโมงผ่านไปทั้งสองก็เห็นตรงกันว่า ลูกสาวเจ้าของธุรกิจประดับยนต์อายุน้อยกว่าชยันต์ ตากลมโต จมูกโด่ง สมใจสองพ่อลูกเหยียดยิ้มดั่งผู้มีชัย...ได้เวลานัดวันทานข้าวกับแม่สื่อแล้ว
ปาราวตีเหยียดแขนยกขา บิดเอว ยืนท่ากระต่ายเดียว ท้าวแขนหัวทิ่มพื้นตามประสาผู้หญิงชอบเล่นท่ายาก
หนึ่งชั่วโมงกับลีลาโยคะขั้นเทพบนระเบียงริมน้ำที่มีลมพัดเย็นสบายจากแม่น้ำเจ้าพระยา เธอนอนหงายราบกางแขนยืดขาตามสบาย หลับตาผ่อนหายใจเข้าออกผ่อนคลายท่าจบบนเสื่อโยคะ หลายนาทีต่อมากลับรู้สึกหายใจไม่สะดวก หน้าอกเหมือนถูกบางสิ่งกดทับเข้าให้ ตามด้วยเสียงแปลก ๆ ดังครืดอยู่ตรงหน้าคล้ายอาการผีอำ ปาราวตีลืมเปลือกตาขึ้นช้า ๆ
มันจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเหลืองอำพัน ขนยาวหยุบหยับสีน้ำตาลเข้ม หูแหลม หนวดยาว จมูกกับปากแบนราบในระนาบเดียว แยกเขี้ยวยิงฟันพยายามสื่อสารด้วยภาษาของมัน
“หิวแล้วใช่มั้ย ร่ำรวย” ได้เวลาไปปฏิบัติหน้าที่ทาสที่ดี
‘ร่ำรวย’ เดิมเป็นลูกแมวจรเพศเมียขี้ตากรัง ผอมแห้งมอมแมมเหมือนหนูท่อนั่งร้องขอความเห็นใจอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อท่ามกลางฝูงหมาเจ้าถิ่น โชคดีที่ปาราวตีได้ไปพบเข้าแต่ใครจะรู้ว่าแมวน่าเกลียดตัวนี้จะเป็นลูกผสมเปอร์เซีย ตัวอ้วนกลมจากการทำหมัน น่ากอดน่าฟัด หลายครั้งที่ร่ำรวยออกไปเที่ยวนอกบ้านแล้วกลับมาพร้อมแผ่นกระดาษใบเล็กที่ปลอกคอ ‘เบอร์โทรศัพท์กับไอดีไลน์’ จากคนแปลกหน้าเป็นของฝากเสมอแต่ปาราวตีไม่เคยติดต่อหาสักคน
ถึงจะเป็นแมวก็เป็นแม่สื่อได้นะ
ปาราวตีแวะส่งพัสดุชิ้นใหญ่มันห่อหุ้มด้วยกันกระแทกหลายชั้นและอัดแผ่นโฟมอย่างหนาแน่นใส่ลังไม้อันใหญ่ไปต่างประเทศ รูปวาดของเธอได้รับการประมูลผ่านอีเบย์ได้ในราคางามจนไม่น่าเชื่อ
มันคือรูปเงาวัดอรุณราชวรารามยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีเหลืองส้มเจิดจ้าเป็นทิวทัศน์ที่งดงามและเป็นแรงบันดาลใจ ปาราวตีผสมสีบนจาน ปาดด้วยแปรงหัวแบนไล่สีพื้นหลังบนผ้าใบสี่เหลี่ยมพื้นผ้าจนพอใจและจุ่มพู่กันหัวกลมกับสีดำผสมเทาค่อย ๆ ลากเส้นให้เป็นเงาของพระปรางค์สูงแหลมและเจดีย์องค์เล็ก ๆ ที่ล้อมรอบอยู่ เธอใช้เก็บรายละเอียดเพิ่มเติมไม่นาน งานศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีคุณค่าในตัวเอง ขึ้นอยู่กับใครจะให้คำนิยามกับมัน
รถโฟล์คสวาเกนหรือรถเต่าทรงคลาสสิกสีเหลืองสดใส จอดสนิทหน้าอินฟินีตี้ สวีทดรีมโฮสเทล หญิงสาวร่างเพรียวบาง รวบผมเป็นซาลาเปายุ่ง ๆ ไว้กลางศีรษะ สวมแว่นตาดำกรอบกลมก้าวออกมา
“อ้าว! หวัดดีเจ๊จะมาก็ไม่บอก” สาวรุ่นน้องรูปร่างอวบอั๋นนั่งประจำแผนกต้อนรับกระพุ่มมือไหว้คนให้เงินเดือน
“จะได้รู้ไงว่าแอบอู้งานหรือเปล่า”
“แหม ๆ ไม่แอบหรอก ปกติก็อู้ให้เห็นกับตาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ อ้อ! เกือบลืมลูกค้าชาวอังกฤษที่หนูว่าหล่อ ๆ อะ เขาฝากขนมไว้ให้เจ๊ด้วย” ขนมไทยเกรดพรีเมี่ยมบรรจุกล่องใสแพคเกตหรูหราวางขายตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ แน่นอนว่าเน้นขายนักท่องเที่ยวเป็นของฝาก
“เขาแนบนามบัตรไว้ด้วยนะ เต่อเสน่ห์จริง ๆ เจ๊ตี้ของหนู” ลูกน้องพลิกกระดาษแข็งใบเล็กให้ดู ปาราวตียักไหล่ เธอไว้ทรงม้าเต่อมาตั้งแต่จำความได้จนกลายเป็นบุคลิกส่วนตัวไปแล้ว
สองสาวนั่งรับประทานขนมสลับกับพูดคุยน้ำไหลไฟดับอย่างเพลิดเพลิน คอยต้อนรับลูกค้าใหม่ด้วยรอยยิ้มสดใสอันเป็นเครื่องหมายการค้า กล่าวอำลาอย่างประทับใจเมื่อมีคนเช็คเอ้าท์ เข้าไปช่วยแม่บ้านทำความสะอาดห้อง ว่างงานก็เอนหลังอ่านหนังสือ ชีวิตแสนเรียบง่ายในสิ่งที่ตนรัก...ปาราวตียังไม่ต้องการอะไรเพิ่ม
นอกจากหัวใจอีกครึ่งดวง
ทันทีที่วันหยุดยาวผ่านพ้น ชีวิตกลับเข้าสู่โหมดการทำงานอันเร่งรีบเหมือนเคย ทุกเสี้ยวนาทีในหนึ่งวันถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว วันเสาร์-อาทิตย์ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งตามรอบสัปดาห์
อีกหนึ่งธุรกิจภายใต้การดูแลของชยันต์คือ Timeless Café Bookstore คาเฟ่ที่มีชั้นหนังสือทอดตัวยาวบนกำแพง ตกแต่งภายในอย่างเรียบง่ายด้วยสีโทนอบอุ่นละมุนตาชวนผ่อนคลาย กลิ่นกาแฟคั่วหอมอบอวล บรรยากาศสงบเหมาะแก่การนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ
ลูกค้าผ่อนคลาย...ทว่าไม่ใช่กับเจ้าของกิจการ
หลังจากทยอยจัดการเอกสารกองใหญ่ ตรวจตัวเลขบัญชีรายรับรายจ่ายชวนมึนหัวตาลาย ชยันต์ลุกขึ้นยืนบิดร่างหนาคลายความเมื่อยล้า รวมไปถึงอาการปวดไมเกรนที่ศีรษะ สหายผู้ไม่น่าคบหาแวะเวียนทักทายเข้าแล้ว
วันหยุดคืออะไร...ก็ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
ชยันต์ทิ้งร่างหนักอึ้งนั่งบนโซฟานุ่ม เบื้องหน้ามีเอสเพรสโซ่ร้อนส่งกลิ่นหอม เขานั่งทอดอารมณ์ผ่อนคลายลำพังบนระเบียงชั้นลอยของร้าน กวาดตามองลูกค้าที่กำลังใช้บริการอยู่เบื้องล่าง คอยดูเหล่าพนักงานปฏิบัติหน้าที่อย่างขะมักเขม้น
เขาจิบกาแฟสลับกับหนังสือเล่มหนึ่งในมือ
ในเวลาเดียวกันปาราวตีบังคับรถคู่ใจมาตามคำบอกเล่าของคนกลุ่มหนึ่งว่าร้านกาแฟที่น่าสนใจในบรรยากาศสบาย ๆ เป็นแหล่งรวมหนังสือหายากที่เหล่าหนอนหนังสือควรหาโอกาสไปนั่งเล่นบ้าง ที่ใดมีหนังสือและคาเฟอีนรสชาติกลมกล่อมที่นั่นต้องมีเธอ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย
ปาราวตีผลักประตูเข้ามา ถอดแว่นตากลมออกขณะยืนพิจารณาเมนูเครื่องดื่มบนผนังและรายการแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์กล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ลูกค้าสาวหัวเราะแก้เก้อแล้วตอบเป็นภาษาไทย ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มที่ต้องการแล้วเดินตรงไปยังมุมสงบ ๆ ริมหน้าต่างบานใหญ่
มันเป็นเรื่องบังเอิญ?
ชยันต์เห็นทุกการเคลื่อนไหวตั้งแต่หน้าประตู แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าผู้หญิงแปลกหน้าในวันนั้นจะมาให้เจออีกครั้งในวันนี้...ในร้านหนังสืออีกแล้วสิ เขาตัดสินใจแน่วแน่ขณะสาวเท้าเดินลงบันไดอย่างมาดมั่น
‘มัวรอใครมาตัดริบบิ้นล่ะแท็ป’