เฮนรี่แม่สาวผมบลอนด์พนักงานสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องของเขากำลังวาดลิปสติกลงบนริมฝีปากของเธอเพื่อเพิ่มสีสัน ไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบกาย ทั้งที่ปาจรีย์มายืนรออยู่นานนับสิบนาทีเพื่อให้หญิงสาวทำธุระของเธอให้เสร็จเสียก่อน
หลังจากแม่สาวผมบลอนด์วางลิปสติกลงบนโต๊ะ เธอก็หยิบมาสคาร่าขึ้นมาปัด เสมือนรอบข้างเธอเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน ปาจรีย์เดาว่าเธอต้องรู้แต่ทำทีไม่สนใจ
“ขอโทษนะคะ” หญิงสาวเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา
แม่สาวผมบลอนด์เหลือบหางตากลับมามอง แต่เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับปาจรีย์เหมือนเดิม
“ดิฉันมาขอพบคุณโดนัลด์ เลิฟ” ปาจรีย์ไม่ทนรอเพื่อที่จะรักษามารยาทต่อไป
เฮนรี่ปรายหางตากลับมามองหญิงสาวแวบหนึ่งก่อนจะหันไปสนใจงานค้างของตัวเอง นั่นก็หมายถึงบรรดาเครื่องสำอางที่วางอยู่บนโต๊ะ เป็นการเสียมารยาทที่สุดเท่าที่ปาจรีย์เคยเห็นมา
หญิงสาวนึกเยาะหยันเจ้านายอยู่ในใจ พนักงานอย่างผู้หญิงคนนี้สมควรที่จะให้ทำงานในองค์กรต่อ แต่กับเธอเขากลับไล่ออกโดยไม่ไต่สวนหาความจริงหรือแม้แต่ฟังคำอธิบายใดๆ
หญิงสาวข่มกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ ใช้น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้บอกกับผู้หญิงตรงหน้าต่อ
“ขอโทษค่ะ ฉันเสียมารยาทรบกวนตอนคุณแต่งหน้า แต่ถ้าหากคุณไม่ให้ความช่วยเหลือหรือตอบคำถามฉันตอนนี้ ฉันจะเดินเข้าไปแจ้งคุณสตีเฟ่นด้วยตัวของฉันเอง”
สาวผมบลอนด์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวอีกครั้ง “บอสไม่อยู่ กลับมาอีกทีเดือนหน้า คุณสตีเฟ่นก็ไม่อยู่เช่นกัน” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบหันไปสนใจกับการแต่งหน้าของเธอต่อ
ปาจรีย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เป็นอย่างนี้นี่เอง...เจ้าหน้าที่หน้าห้องของเขาถึงได้ทำตัวเหมือนอยู่บ้าน ไม่แยแสต่อสิ่งใดรอบข้างแม้แต่นิด แม้ว่าจะอยู่ในเวลางานก็ตาม
“แล้วไปไหนคะ”
“ไม่ใช่หน้าที่ที่ฉันต้องตอบคำถามคุณ” หญิงสาวบอกอย่างไม่ใส่ใจคนตรงหน้า
ปาจรีย์พยักหน้ากับตัวเองเบาๆ หันหลังกลับออกไปโดยไม่กล่าวขอบคุณหรือรักษามารยาทใดๆ ต่อ ผู้หญิงตรงหน้าคงช่วยอะไรเธอไม่ได้ รังแต่จะทำให้เธอเสียเวลามากขึ้นไปกว่าเดิม
ความโกรธทำให้ปาจรีย์เดินไปที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ เขียนคอมเพลนการทำงานของพนักงานและหย่อนลงกล่อง หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับมาตั้งหลักที่เดิมอีกรอบ
ปาจรีย์ทำหน้าเซ็ง ขณะที่สายตาก็กำลังมองหาคนที่เธอพอจะรู้จักและสอบถามข้อมูลได้บ้าง แต่ชะตากลับเล่นตลก ดูท่าเวรกรรมของเธอยังชดใช้ไม่หมด ถึงไม่มีใครที่เธอพอจะรู้จักและสอบถามได้เลยแม้แต่คนเดียว
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองพร้อมกับขบเม้มคิดหาทางออกไปด้วย แต่คิดอย่างไรเธอก็คิดไม่ออกว่าจะเข้าถึงตัวชายหนุ่มได้ด้วยวิธีไหน
กริ๊งๆๆ
เสียงโทรศัพท์หน้าห้องทำงานของชายหนุ่มดังขึ้น ดวงตาของคนนอกห้องเกิดประกายลุกวาว แน่นอนว่าจุดและตำแหน่งของมันอยู่ที่สาวผมบลอนด์คนนั้น ปาจรีย์ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ หวังว่าเธอจะได้ข้อมูลอะไรสักอย่าง
เจ้าของมือเรียวที่ปลายเล็บฉาบด้วยน้ำยาทาเล็บสีสดเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์จากแป้นมาแนบหูอย่างเสียไม่ได้ สังเกตจากใบหน้าของคนรับที่ไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าใดนัก
“บอสกำลังเดินทางไปท่าเทียบเรือ Millennium Love Cruise ที่มอนเตร์เรย์ จะกลับมาอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” หลังจากยกหูรับสายสักพักหญิงสาวก็กรอกเสียงไปตอบกลับ เว้นจังหวะสักครู่ก่อนจะตอบกลับไปอีกประโยค “คุณสตีเฟ่นก็ไม่อยู่เช่นกัน ตอนนี้คงอยู่ที่ท่าเทียบเรือเพื่อรอส่งบอส” หญิงสาวกรอกประโยคสุดท้ายก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนแป้นดังเดิม และหันมาใส่ใจกับเครื่องสำอางของเธอต่อ
“Millennium Love Cruise” หญิงสาวทวนคำพูดของเฮนรี่เบาๆ ชื่อที่หลุดออกมาจากปากไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะไป เพราะมอนเตร์เรย์ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของเธอ เธอเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่อายุห้าขวบและแทบจะนับครั้งได้ที่จะกลับเมืองไทย
หญิงสาวไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เท้าเล็กของเธอรีบก้าวขยับออกไปจากตรงนั้น เป้าหมายคือท่าเทียบเรือยอชต์ที่หลุดออกมาจากปากสาวผมบลอนด์
เท้าเล็กของหญิงสาวสะดุดกึกทันทีที่ก้าวออกมาจากที่ทำงาน สายตาของเธอมองไปที่รถลีมูซีนคันหรูด้วยความหวัง เมื่อครู่เธอเพิ่งได้รับข้อมูลว่าเขากำลังจะเดินทางไปที่ท่าเทียบเรือยอชต์ที่มอนเตร์เรย์ แต่ตอนนี้เธอกำลังเห็นเขาอยู่ในรถคันหรูกับนางแบบสาวชื่อดัง เห็นอย่างนี้แล้วเธอจะไม่รั้งรอให้เสียเวลา
ข้อมูลที่เธอเพิ่งได้รับเมื่อครู่กับสิ่งที่เห็นสวนทางกันลิบลับ แต่อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องถ่อสังขารไปถึงมอนเตร์เรย์ สิ่งที่เธอต้องการคืออธิบายให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และเธอจะไม่ยอมรับคำพิพากษาโดยที่ยังไม่ได้อุทธรณ์หรือฎีกา และมั่นใจว่าความผิดของเธอไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นต้องไล่ออกจากงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ
ปาจรีย์ไม่มีเวลาคิดชั่งใจและทบทวน เธอรีบปรี่เข้าไปหาเขาทันที ในขณะที่รถลีมูซีนคันหรูกำลังวิ่งเข้ามา ดูท่าเขาคงลืมเอกสารอะไรสักอย่าง หรือไม่คงมีธุระที่ยังจัดการต่อไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วกกลับมาอีกรอบ
ยังเป็นความโชคดีของเธออยู่บ้าง ที่สตีเฟ่นรีบวิ่งเข้าไปในอาคารเพียงคนเดียว ทิ้งให้รถคันนั้นจอดอยู่ที่หน้าสโมสร ไม่ได้แล่นเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมของเขา เพราะพื้นที่ส่วนนั้นแม้แต่หนูสักตัวก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ง่าย หากไม่ได้รับอนุญาตหรือมีคีย์การ์ดแตะเข้าไป
แต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อมีหญิงสาวนางหนึ่งวิ่งออกมาจากในอาคาร ขณะที่หญิงสาวในรถก็เปิดประตูลงมาโดยที่โดนัลด์ก็ตามลงมาติดๆ คนที่หยุดยืนมองในระยะร้อยเมตรเห็นผู้หญิงสองคนกำลังถกเถียงกัน ต่างยื้อแย่งชายหนุ่มที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงกลาง เธอไม่ได้ยินประโยคสนทนาของคนทั้งสองคน แต่มองจากสีหน้าของชายหนุ่มดูท่าเขาจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรนัก
ผู้หญิงคนที่นั่งมาในรถกับเขาเป็นนางแบบที่เธอเคยเห็นผ่านหน้าสื่อและจอทีวี ส่วนอีกคนเป็นลูกสาวมหาเศรษฐีเจ้าของโชว์รูมรถหรูที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา เธอรู้จักเจนนิเฟอร์เพราะอันโตนิโอเป็นพรีเซ็นเตอร์รถหรูของบริษัทพ่อของเธอ
หากสมมุติว่าเป็นคนกลาง เธอก็คงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกใคร เพราะดีกรีความสวยสูสีกินกันไม่ลง แต่ถ้าพิจารณาจากความรวย เจนนิเฟอร์คงนำโด่งไปหลายขุม แม้ว่าลิต้าจะเป็นนางแบบแถวหน้าก็ตาม
ชายหนุ่มสะบัดสองแขนออกอย่างแรงพร้อมกับก้าวขึ้นรถลีมูซีน เพียงเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีรถคันนั้นก็เลื่อนออกมา ผ่านหน้าปาจรีย์ไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ได้กลับเข้าไปในตึกด้วยซ้ำ
หญิงสาวอ้าปากหวอกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่สองสาวที่ชวดโอกาสจะได้เป็นที่หนึ่ง หากแต่เธอก็ชวดโอกาสที่จะได้อธิบายด้วยเช่นกัน คราวนี้เธอจะทำอย่างไรกันเล่า