Chapter 20 เธอเป็นสาวพรหมจรรย์ทำไมไม่บอกฉันสักคำ NC

1365 Words
และต่อมา... เสียงใสหวีดร้องหวานแหลมและสะท้านไปทั้งกายยามเมื่ออารมณ์หวามระเบิดออกมาเป็นสายรุ้งพร่างพรายอันแสนงดงาม ใบหน้างดงามแดงระเรื่อไปหมดขณะหอบหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เรือนผมสลวยอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง ร่างใหญ่ที่พราวระยับไปด้วยหยดเหงื่อแตะริมฝีปากบนหน้าผากมน ก่อนจะผ่อนตัวเองลงมานอนแนบข้างแล้วสวมกอดร่างแน่งน้อยไว้แนบอกอย่างหวงแหน ความอ่อนโยนส่งผลให้ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อขึ้น แม้ว่าเธอจะถูกปลูกฝังให้ไม่ยึดติดกับเส้นพรหมจรรย์ เพราะเชื่อว่าสิ่งนั้นไม่สามารถยึดตรึงผู้ชายคนไหนให้รักเธอไปตลอดชีวิตได้ หากสิ่งที่สำคัญคือการทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุด ถึงอย่างนั้นความรู้สึกเบาโหวงแปลกๆ ก็เกิดขึ้นภายในใจ แม้จะบอกตัวเองว่าไม่แคร์และไม่ยึดติด แต่เมื่อสูญเสียมันไปแล้วก็ไม่สามารถหามาทดแทนได้อีกเลย เวลาเดินผ่านมาถึงตรงนี้ หญิงสาวก็ไม่สามารถย้อนคืนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือเชิดหน้าและยอมรับในสิ่งที่เธอตัดสินใจลงไป ปาจรีย์ยกคอขึ้นมองชายหนุ่ม พร้อมกับยกแขนเล็กๆ ของเธอดันตัวชายหนุ่มออกห่าง บอกคนตัวโตเสียงเย็น “กรุณาปล่อยมือจากตัวฉันด้วยค่ะ และหวังว่าคุณจะรักษาสัญญา” มือเล็กผละห่างจากหน้าอกแกร่ง ก่อนจะแกะวงแขนของชายหนุ่มออกจากตัว ชายหนุ่มยิ้มให้เธอที่มุมปาก เชื่อได้ว่าเป็นยิ้มแรกที่เธอได้รับจากเขา คนได้รับรอยยิ้มมีอาการสั่นประหม่าขึ้นมาดื้อๆ ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำให้เธอแปลกใจที่สุด เพราะไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะแคร์ในเรื่องนี้ “เธอเป็นสาวพรหมจรรย์ทำไมไม่บอกฉันสักคำ” “แล้วคิดว่าผู้ชายอย่างคุณจะเชื่อน้ำคำของฉันอย่างนั้นหรือ” หญิงสาวตอบกลับทันที เพราะนอกจากเธอจะแปลกใจ ตอนนี้เธอยังโมโหกับสายตาของเขา คนโดนต่อว่าสะอึกไปนิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็เพราะตัวของเขาเอง หากแต่ชายหนุ่มก็ยังมีความภูมิใจในตัวอยู่ลึกๆ เพิ่งรู้สึกว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องที่สุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาแอบคิดว่าตัวเองร้ายเจ้าเล่ห์ที่หลอกล่อผู้หญิงขึ้นเตียงด้วยกลลวง เสียชื่อสมิงหนุ่มผู้ช่ำชอง เรื่องที่เขาหลอกล่อผู้หญิงขึ้นเตียงในคืนนี้รู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น อาการแสนงอนของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มยิ่งอยากแกล้ง เขาแกล้งบีบวงแขนแน่นขึ้นแทนที่จะปล่อย “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวประท้วงบอกเชิงสั่ง “ยังไม่หมดเวลาสักหน่อย” ชายหนุ่มบอกหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “เวลาอะไรของคุณ” “ก็เวลาอธิบายของเธอคืนนี้ไงล่ะ ฉันยังมีเรื่องที่จะถามเธออีกเยอะ หากเธอไม่อธิบายเพิ่ม ข้อมูลที่ฉันมีก็ไม่เพียงพอที่จะให้เธออยู่ทำงานต่อ” “แค่ฉันบริสุทธิ์ก็เป็นเครื่องการันตีได้แล้วว่าฉันกับอันโตนิโอไม่มีอะไรเกินเลย” “แต่ฉันกำลังสงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว ซึ่งคนที่น่าสงสัยมากที่สุดก็คือตัวเธอที่ไม่มีหน้าที่อะไรในตึกนั้น เธอมองข้ามกฎของสโมสรที่ฉันตั้งเอาไว้ ทั้งที่เธอก็เซ็นยินยอมตั้งแต่วันเริ่มทำงาน” “เหตุผลข้อนั้นฉันอธิบายให้คุณฟังไปหมดแล้ว และฉันขอยืนยันว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะดิสเครดิตตัวเอง” “แต่ฉันก็ยังไม่เชื่อ เธออาจจะอยากเป็นเมียนักกีฬาดัง อยากรวย อยากดัง จนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้มีชื่อเสียง” ชายหนุ่มบอกอย่างหน้าด้านๆ “อย่ามากล่าวหาพล่อยๆ” “ฉันกำลังสืบสวนความจริงต่างหาก” “คุณจะมากลับคำไม่ได้นะ” “ฉันยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่รับเธอเข้าทำงาน เพียงแค่บอกว่าเธอต้องอยู่บนเตียงจนกว่าจะครบเวลา และอธิบายในสิ่งที่ฉันอยากรู้” “แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เพราะฉันถือว่าฉันได้งานของฉันกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์อย่างไร้ข้อกังขา ถ้าคุณยืนยันจะให้ฉันอยู่บนเตียง คงไม่มีอะไรเสียหายมากกว่าสิ่งที่ผ่านมา” หญิงสาวบอกอย่างไม่ใส่ใจ หันหลังให้ชายหนุ่มพร้อมกับปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่เธอกลับไม่สามารถข่มความรู้สึกให้หลับลงได้ พระอาทิตย์ขึ้นหลังปล่องภูเขาไฟรูปกรวยริมโค้งของชายหาดฮานาอูมา หาดสวยใสอันเลืองชื่อของโฮโนลูลู ฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายอวดโฉม คนที่พยายามนอนแต่นอนไม่หลับทั้งคืนค่อยๆ ลุกจากที่นอนออกมายืนตรงระเบียงด้านนอกทันทีที่เห็นแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ เขาไม่ได้ซักถามหรือสอบสวนความจริงจากเธอเหมือนอย่างที่บอกเอาไว้ เพียงแค่กอดเธอเอาไว้หลวมๆ ในอ้อมแขนเท่านั้น ดวงตากลมโตเหม่อมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า ฟองคลื่นใสๆ ระลอกแล้วระลอกเล่าซึ่งไหวสาดอยู่ใต้ตัวเรือยังคงม้วนตัวเข้าจุมพิตชายหาดอย่างต่อเนื่อง ลมทะเลยามเช้าโชยพัดเอื่อยๆ มาปะทะเรือนกายอ้อนแอ้นทำให้ผมสีดำสลวยนุ่มละมุนราวกับแพรไหมเนื้อดีปลิวไสวขึ้นลงเป็นระยะ ชายหนุ่มเจ้าของห้องยังหลับสนิทอยู่บนเตียง เรือนกายของเขายังคงเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มคลุมร่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ สรีระของชายแท้ที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามไร้ไขมัน ไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะมีรูปร่างสมบูรณ์แบบอย่างนี้ หากวัดจากที่เธอเห็นวิถีชีวิตประจำวันของเขา ใบหน้าเนียนใสยังคงแดงปลั่งยามเมื่อคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืน แม้เธอจะพร่ำบอกว่าพรหมจรรย์ไม่สำคัญกับชีวิตของเธอ แต่ตอนนี้เธอก็ยอมรับว่ากำลังสับสนเป็นที่สุด อยากจะร้องไห้เต็มแก่กับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่เธอแลกมา หากนึกถึงเวลาที่เธอจะได้อยู่ในพื้นที่สายตาของอันโตนิโอต่อไป หญิงสาวหันหลังเดินออกไปจากห้อง เป้าหมายคือห้องของตัวเองที่เจ้าของบ้านจัดไว้ให้ ปาจรีย์อาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอน เพียงไม่นานความเหนื่อยล้าก็นำพาสติของเธอให้เข้าไปอยู่ในห้วงนิทรา หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะแสงแดดกำลังเข่นฆ่าผิวของเธออย่างหนัก ห้องของเธอเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้รอบด้าน แต่ตัวเองดันเผลอลืมปิดม่านก่อนจะล้มตัวลงนอนส่งผลให้แสงแดดส่องเข้ามาถึงเตียงกลางห้องที่เธอนอนอยู่ เพียงเธอขยับก็รู้สึกถึงความปวดระบมตรงแกนกลางของร่างกาย เธอจำได้ว่าความรู้สึกนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ตอนนี้อาการมันกลับเพิ่มทวีความเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ จนเธอไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้มากนัก หญิงสาวย่นหน้ามองแสงแดดอย่างหงุดหงิด จะขยับลุกไปปิดผ้าม่านก็เจ็บ ที่ทำได้มากที่สุดก็เพียงขยับให้เนื้อตัวสัมผัสแสงแดดน้อยที่สุด สายตาของปาจรีย์ปะทะกับฉลามหนุ่มที่แหวกว่ายอยู่กลางทะเลโดยบังเอิญ หญิงสาวหยุดสายตามองสักครู่ แต่ทว่าสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นขาเรียวของใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบริมหาด ในขณะที่เจ้าตัวส่งมือเรียวไปหนีบแก้วน้ำส้มคั้นที่ตั้งอยู่ข้างๆ มาจิบ ปาจรีย์มองเห็นแค่เพียงปลายหมวกปีก เรียวขาที่ยกชันขึ้นข้างหนึ่ง และมือเรียวที่เอื้อมไปหยิบแก้วเท่านั้น ‘ตามมาเร็วเชียวนะ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD