และหลังจากที่หมิงพูดออกมาแบบนั้น ทั้งห้องก็เรียกได้ว่าอยู่ในความเงียบกริบจนเหมือนได้ยินเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคำ
ทั้งปราบ ชุน และครามต่างมองมาทางเธอก่อนจะหันมองไปที่หมิงสลับกัน
“มึงให้ลินจ่ายหรือเปล่า” ก่อนที่ชุนจะเป็นคนแรกที่เอ่ยทำลายความเงียบด้วยคำถามที่ทำให้หญิงสาวถึงกับหันขวับ
“กูจ่าย”
“ดี”
เดี๋ยวนะ เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็นไหม!!
ปาลินได้แต่อ้าปากค้างมองทุกคนในห้อง นี่สรุปไอ้พวกนี้มันเห็นดีเห็นงาม แถมทำเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอีกเหรอ
โอ้ย!!
“ซื้อแบบไหนมาวะ” หมาใหญ่เบอร์สองอย่างครามเอ่ยถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะใช้ศอกเขี่ยแขนของเธอแล้วยื่นหน้าเข้ามาเสียชิด
เล่นเอาใบหน้าสะสวยของสาวลูกครึ่งร้อนวูบวาบจนแทบไหม้
พอเหลือบมองไปที่คนอื่นๆ ทั้งปราบทั้งชุนต่างก็มองมาที่เธอเป็นตาเดียว แลดูสนใจใคร่รู้ว่าเธอซื้อยกทรงแบบไหนมาใส่ ไม่ต่างจากครามที่ที่เป็นคนถามเลยสักนิด
ไอ้พวกนี้ เธอยิ่งแอบชอบพวกมันอยู่ ถามมากเดี๋ยวก็ใส่ให้ดูจริงเสียเลยนี่
“ก็แบบปกตินั่นแหละ จะอยากรู้อะไรนักหนา กูเป็นเมียพวกมึงหรือไง” กระนั้นความเก้อกระดากก็ยังทำให้หญิงสาวไม่อาจตอบได้อย่างที่ใจคิด
ถ้าเธอใจกล้ากว่านี้สักหน่อยนะ รับรองเจ้าพวกนี้ช็อคแดกหัวใจวายตายไปนานแล้ว!!
“อืม แบบปกตินั่นแหละ” พอหมิงมาช่วยยืนยันอีกแรงปาลินก็ชิ่งหนีด้วยการลุกขึ้นเดินไปยืนที่โต๊ะซึ่งวางกระเป๋าเอาไว้
จัดการหยิบคอมพิวเตอร์พกพาของตนออกมาจากกระเป๋าเตรียมทำงานเพื่อกลบเกลื่อนความร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นในใจ
โดยที่หญิงสาวไม่เห็นเลยสักนิด ว่าตอนนี้ใบหน้าของหมิงนั้นมีรอยยิ้มกรุ้มกริ้มประดับอยู่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รอยยิ้มที่เล่นเอาสามคนที่เหลือหันมองแผ่นหลังของเธอแบบเหม่อๆดวงตาลอยคว้างพร้อมกันเหมือนกับกำลังจินตนาการอะไรอย่างบางอย่างอยู่ในหัว
และเพราะยังหันหลัง จึงทำให้ไม่เห็นแววนักล่าที่ผุดขึ้นบนดวงตาของหมาโกเด้นท์ทั้งสองคน ไม่เห็นแม้กระทั่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคาสโนวาอย่างปราบผู้เป็นเจ้าของห้อง
“เอ้า จะนั่งกันอีกนานไหมเอ่ย มาทำงานกันได้แล้วเดี๋ยวจะไม่เสร็จ” เสียงแว้ดขึ้นทันควันเมื่อหันมาแล้วเพื่อนที่เหลือยังคงนั่งตัวแข็งอยู่ที่เดิม
และยามที่โดนด่าขึ้นมาสายตาหิวกระหายก่อนหน้านั้นก็กลับถูกสลายออกไปอย่างรวดเร็ว
“เออ ไปทำงานไอ้พวกนี้ เนอะลินเนอะ ทำงานๆ”
ชุนกับครามรีบเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วลุกขึ้นจากโซฟาเดินตามมายืนข้างเธอ กระวีกระวาดหยิบคอมออกมาจากกระเป๋าเป้ของตัวเองซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตัวเดียวกันยกใหญ่
ท่าทางดูเร่งรีบมีพิรุธมากจนปาลินได้แต่มองพวกมันอย่างไม่ไว้ใจ มีเรื่องอะไรที่เธอยังไม่รู้กันเจ้าพวกนี้ถึงได้ทำตัวแปลกๆ
อย่างกับแอบทำอะไรลับหลังเธออยู่อย่างนั้นแหละ!!
ด้านหมิงกับปราบ เมื่อเห็นสองหมาเดินตามปาลินไปแล้ว ทั้งสองก็หันไปมองหน้ากันอยู่อีกชั่วครู่ ก่อนที่หนุ่มตี๋จะหยิบแล็บท็อปของตัวเองออกมาจากกระเป๋าสะพาย
ส่วนปราบนั้นเดินเข้าห้องนอนไป ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับแม็คบุ๊ครุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกไปได้ไม่ถึงเดือน
ไม่มีใครพูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับยกทรงที่หมิงซื้อให้เธออีก กระทั่งบทสนทนาที่พูดคุยกันก็มีแค่เรื่องงานเท่านั้น จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงพลบค่ำ งานที่มอบหมายทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
ปาลินซึ่งทำเสร็จเป็นคนแรกจัดการพับปิดหน้าจอคอม ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนโซฟาตัวใหญ่อย่างเหนื่อยล้า
ใบหน้าขาวใสแนบลงไปกับเบาะโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่ได้เห็นสายตาของเพื่อนทั้งสี่คนที่กำลังมองมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายเลยสักนิด
“โอ้ยปวดหัว”
ไม่นานชุนก็ลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินตามมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน มือหนาตบที่บั้นท้ายอวบเบาๆ เป็นเชิงให้เธอขยับให้ตัวเองนั่งบ้าง
และแม้ว่าสัมผัสนั้นจะดูถึงเนื้อถึงตัวเกินไปสักหน่อย ทว่าหญิงสาวกลับไม่ได้ว่าอะไรที่เพื่อนทำแบบนั้น กลับกันเธอยังหดขาให้อีกฝ่ายนั่งลงข้างๆ กันได้สะดวกขึ้น
กระทั่งมือหนาดึงช่วงขาเรียวไปวางลงบนตัก ก่อนจะถอดถุงเท้าลายน่ารักของเธอออกและเริ่มนวดเท้าฝ่าเท้าเปลือยให้ก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดิม
ซ้ำร้ายปาลินยังหลับตาปล่อยกายให้อีกฝ่ายนวดอยู่อย่างนั้นเพราะเคยชินเสียแล้วที่จะถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้
ก็มันไม่ใช่ครั้งแรกนี่นา ชุนมันก็เป็นแบบนี้มาตลอด อย่าว่าแต่แค่นี้เลยนั่งตักกันเธอก็เคยทำมาแล้ว จะห่างหายและหยุดใกล้ชิดกันก็เฉพาะตอนที่ชุนมีแฟนเท่านั้น
“ไอ้ปราบห้องมึงมีเบียร์ไหมวะ” ทว่ายามที่กำลังเพลิดเพลินไปกับน้ำหนักมือของอีกฝ่าย ชุนก็เอ่ยถามขึ้นมาพาให้ดวงตาที่ประดับไปด้วยแพขนตางอนหนาเปิดขึ้นอีกครั้ง
หญิงสาวมองไปยังหมาใหญ่เบอร์หนึ่งอย่างสงสัย นี่เพิ่งจะทำงานเสร็จมันก็เอาเลยเหรอ
“มี” หันมองไปที่ปราบ อีกฝ่ายก็ดูไม่แปลกใจอะไรนักที่ชุนมันถามหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่หัววันแบบนี้
“เอามากินหน่อยดิ เดี๋ยวกูจ่ายให้”
“แดกๆ ไปเถอะ กูรวย” ชุนได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะในลำคอ นัยน์ตาคมมองเจ้าของห้องลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเปิดตู้เย็น ด้วยท่าทางชิลๆ แบบคนรวยจริงอย่างหมั่นไส้
“ลินเอาด้วยไหม” ปราบหันมาถามเธอ ก่อนจะหยิบเบียร์สองกระป๋องในตู้เย็นไปวางให้ครามและหมิงที่ยังนั่งพิมพ์ส่วนของตัวเองไม่เสร็จ
คนถูกถามได้แต่มองชุนกับปราบสลับกัน ฟังแล้วก็เผลอขมวดคิ้วอย่างอดแปลกใจไม่ได้ เพราะปกติสี่คนนี้จะไม่ค่อยใปล่อยให้เธอดื่มมากเท่าไหร่
ขนาดไปเที่ยวกันก็ยังผลัดกันดูแลไม่ให้ดื่มมากเกินไป คอยล้อมหน้าล้อมหลังไม่เปิดโอกาสให้ใครได้เข้ามาชนแก้วเลยสักคน
อีกอย่างเธอเองก็ค่อนข้างคออ่อน กินไปแค่แก้วสองแก้ว ดวงตาก็เริ่มปรือปรอยหวานเชื่อม ทรงตัวไม่อยู่จนเพื่อนต้องพยุงเสียแล้ว
ทุกทีมีแต่จะห้ามไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมาถามก่อนแบบนี้ แถมชุนเองยังไม่เอ่ยปากห้ามอะไร
“เอา” เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงห้าม ปาลินจึงตอบรับปราบไปอย่างนั้น
อีกฝ่ายได้ยินคำตอบของเธอก็พยักหน้าเดินกลับไปหยิบเบียร์ออกมาอีกสามประป๋อง ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเราสองคนที่นั่งกันอบยู่อีกด้าน
มือหนึ่งยื่นกระป๋องที่ยังไม่ได้เปิดให้ชน ก่อนจะใช้มือที่ว่างอยู่เปิดกระป๋องเบียร์หนึ่งในสองกระป๋องที่เหลืออยู่ในมือแล้วยื่นให้เธอ
ยื่นเสร็จก็เปิดประป๋องสุดท้ายให้ตัวเองแล้วนั่งลงข้างๆ กันกับหญิงสาว แขนแข็งแรงวาดขึ้นวางบนพนักโซฟาข้างหลังปาลินอย่างพอดิบพอดี ขณะเดียวกันมือหนาก็วางลงบนศีรษะของเธอ
ปาลินรอจังหวะวีนอยู่เพียงชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าปราบไม่ได้ขยี้ผมของเธอทว่ากลับวางมือเอาไว้เฉยๆ
เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้อีกฝ่ายวางมืออยู่อย่างนั้น และหันไปชนกระป๋องกับชุดแล้วยกขึ้นดื่มบ้าง
และยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่ารสชาติของเบียร์นอก ที่ปราบมันชอบกินนั้นอร่อยใช่ย่อย
พอผ่านอึกแรกไปเธอยิ่งติดลมซดเบียร์เย็นเจี๊ยบรวดเดียวจนพร่องลงไปเกือบครึ่งกระป๋องในเวลาอันรวดเร็วอย่างกระหาย ร้อนถึงชุนที่นั่งดื่มอยู่ข้างๆ กันต้องเอ่ยห้ามแทบไม่ทัน
“เฮ้ยๆ เบาก่อน เดี๋ยวก็ไม่ไหวหรอก” แต่ถามว่าเบียร์อร่อยขนาดนี้แล้วเธอจะฟังเสียงห้ามของมันไหม
ขอบอกเลยว่าไม่
“บ่นเป็นพ่อกูอีกแล้วนะ ไม่ไหวอะไรเอ่ยงานก็เสร็จหมดแล้ว” เพราะอย่างนั้นปาลินจึงหันไปจีบปากจีบคอเถียงมันฉอดๆ ก่อนจะยกกระป๋องเบียร์หนีมาอีกทางแล้วกระดกไปอีกหนึ่งอึกใหญ่
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของปราบซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ห้ามอะไร นอกจากไม่ห้ามพอเห็นว่าเธอดื้อกับชุนขนาดไหนก็ยิ่งถูกอกถูกใจมาก
มากจนต้องเอาหน้ามาถูกับเรือนยาวสลวยของเธอเสียยกใหญ่
“ก็...เดี๋ยวมึงจะเมาเกินไง” ชุนเห็นแบบนั้นก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ได้แถมยังมีปราบให้ท้ายเธออยู่แบบนี้ มือหนาก็ยกขึ้นจัดเส้นผมที่เริ่มยุ่งเหยิงให้อย่างเบามือ
ก่อนจะหันไปขอแรงสนับสนุนจากเพื่อนอีกสองคนที่เหลือ “จริงไหมวะ”
“ใช่ๆ” ปาลินหันมองตามไปก็เห็นว่าทั้งหมิงและครามต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับชุน เพราะอย่างนั้นดวงตาสวยจึงได้กลอกมองบนอัตโนมัติ
น่าเบื่อๆๆๆ เธอไม่ใช่เด็กสามขวบเสียหน่อย
เห็นทีคืนนี้คงจะมีแต่ปราบนี่แหละที่ตามใจเธอ ส่วนคนอื่นน่ะทำตัวเหมือนพ่อมาคุมอยู่แล้ว!!
“ไอ้ชุนมันคงจะหมายถึงเดี๋ยวมึงจะเมาเกินจนเล่นเกมกับพวกกูไม่ไหวไงลิน” และเมื่อเห็นว่าใบหน้าสะสวยเริ่มงอง้ำจนคางแทบจะมาบรรจบกับจมูก ครามที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยขึ้นพลางพับจอโน๊ตบุ๊คของตัวเองลง
ทว่ายามที่เอ่ยจบหมิงที่นั่งอยู่ข้างอยู่ใกล้ๆกัน กระทั่งปราบและชุนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็กลับชะงักไปจนปาลินรู้สึกได้
ทั้งคำพูดทั้งปฏิกิริยาแปลกๆ แบบนี้ทำให้หญิงสาวชักจะเริ่มสงสัยขึ้นมา
“เอาเลยเหรอ”
“เออ มึงจะรอพ่อมึงมาตัดริบบิ้นหรือไง” ทำตัวแปลกแล้วยังจะพูดอะไรมีลับลมคมในกันอีก!!!
“เกมอะไร พวกมึงคุยอะไรกัน” ดวงตาสีน้ำตาลไล่มองเพื่อนทั้งสี่คนขณะที่เอ่ยถามคาดคั้น กระนั้นทั้งห้องก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีใครปริปากอธิบายเรื่องที่เธอถาม มีเพียงครามเท่านั้นที่ยกกระป๋องเบียร์ของตัวเองขึ้นดื่ม ขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งตบลงบนโต๊ะเบาๆ
“มานั่งนี่สิลิน เดี๋ยวกูบอกว่าเกมอะไร”