สี่เดือนก่อนหน้า
หากจะถามว่าความสัมพันธ์อีรุงตุงนังของเธอและเจ้าพวกสี่คนนั้นมันขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน ปาลินคงต้องเล่าย้อนไปถึงช่วงปีหนึ่งที่เราทั้งห้าคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรก
ในช่วงนั้นสถานะของเราเป็นเพียงเพื่อนกัน โดยที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอยู่เบื้องหลัง
กลุ่มของเรามีกันอยู่ห้าคน มีผู้หญิงหนึ่งคนซึ่งก็คือเธอ และผู้ชายอีกสี่คนคือคราม ชุน ปราบ และหมิง
เราเรียนคณะเดียวกันและเลือกเรียนต่อปีสองในสาขาเดียวกันมาตลอด จวบจนช่วงที่เรียนปีสองเทอมแรกความสัมพันธ์ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าทุกอย่างกลับเริ่มเปลี่ยนไปในช่วงที่เรากำลังเรียนปีสองเทอมสอง
อยู่ๆเพื่อนของทุกคนของเธอพากันพร้อมใจเลิกกับแฟนและคู่นอนที่คั่วอยู่ทั้งหมด ตั้งตนเป็นโสดกันทั้งกลุ่มพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอปาลินถามก็ได้คำตอบเพียงว่าอยากกลับมาอยู่เงียบๆ ใช้ชีวิตอิสระกับเพื่อนกับฝูงบ้าง
เบื่อแล้วชีวิตที่ต้องใช้ชีวิตเอาอกเอาใจสาว พาไปกินข้าวดูหนัง หรือกระทั่งทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แม้จะสงสัยเล็กน้อยว่าแล้วที่พวกนั้นมันดูแลเธอเปรียบประหนึ่งเจ้าหญิงตัวน้อยแบบนี้มันต่างกันอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นปาลินก็ยังไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ
เพราะเอาเข้าจริงเธอก็ยอมรับว่าชอบที่มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปีหนึ่ง ที่เด็กสาวจากโรงเรียนอินเตอร์กระโปรงลายสก็อตอย่างเธอตั้งใจเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะมีใจให้ครามตั้งแต่วันปฐมนิเชุน
พอรู้ว่าอีกฝ่ายเรียนภาคอินเตอร์เหมือนกันเธอก็รีบเข้าไปเมคเฟรนแบบเนียนๆ จนในที่สุดก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆ ของครามด้วย
ช่วงแรกที่เขาได้รู้จักกับพวกนี้ เธอก็ได้รู้ว่าทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถม เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายที่เดียวกันมาตลอด
กระทั่งในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังเรียนที่เดียวกัน เรียนคณะเดียวกัน สาขาเดียวกัน ภาคอินเตอร์เหมือนกันทุกสิ่งอย่าง
เรียกได้ว่าสี่คนนี้สนิทกันมากชนิดที่ว่าปาลินซึ่งเป็นทั้งผู้หญิงและเข้ามาใหม่อดหวั่นใจไม่ได้ ว่าจะสามารถเข้ากับกลุ่มเพื่อนที่ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นแบบนี้ได้หรือไม่
แต่เรื่องที่กังวลมันก็กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะเรื่องจริงคือเธอเข้าได้ดีกับทุกคน และเรียกว่าดีเสียจนเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นเป็นดั่งศูนย์กลางของกลุ่ม
เพื่อนทุกคนดูแลประคบประหงมและเอ็นดูเธอประหนึ่งเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ไม่ว่าจะอยากกินอะไรก็จะมีคนเสนอตัวเลี้ยง อยากไปไหนก็จะมีใครสักคนอาสาไปเป็นเพื่อน
อยากอะไรถ้าเผลอบ่นออกมาก็จะมีคนอยากซื้อให้ เรียกได้ว่าหากมองแบบไม่คิดอะไรทุกอย่างมันก็ดีมาก
ปัญหาอยู่ตรงที่ดีเกินไปนี่แหละ
ทั้งสี่คนดีกับเธอจนปาลินรู้สึกว่ามันเกินเลยขอบเขตความเป็นเพื่อนที่เคยเจอมาตลอดชีวิตไปหลายขั้น ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าพวกมันคิดอะไรหรือไม่
แต่สิ่งที่รู้ชัดแจ้งคือตัวเธอคิด และคิดไปไกลมากเสียด้วย เพราะตัวเธอเองก็ไม่ใช่ก้อนหินไร้หัวใจที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
เดิมทีปาลินรู้ใจตัวเองว่าที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ก็เพราะอยากใกล้ชิดกับครามที่เป็นผู้ชายผิวเข้มตัวสูงใหญ่ในสเปค
เรื่องยากที่เธอหมายถึงคือพอมาโดนรายล้อมรุมเอาอกเอาใจแบบนี้ ความหวั่นไหวมันดันบังเกิดขึ้นในใจอย่างห้ามไม่ได้ และมันคงไม่ยากขนาดนี้หากเธอรู้สึกกับครามแค่คนเดียว
ไม่ใช่เกิดขึ้นทีเดียวกับทั้งสี่คนแบบนี้
ปาลินเก็บงำความลับเรื่องนี้เอาไว้ในใจอยู่คนเดียวมานาน และพยายามทำตัวเองให้ดูปกติที่สุดในทุกที่ทุกเวลา
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาปกติ หรือเวลาที่ทั้งสี่คนสลับกันไปมีแฟน เธอไม่อยากทำตัวเป็นพวกหลงตัวเองให้คนอื่นเขานินทา
เพราะต่อให้ดูแลดีแค่ไหนหรือเธอจะรู้สึกดีเพียงใด แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง ว่าสถานะเราเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น
ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องทำตัวน่ารังเกียจอย่างการไปตามหึงหวงหรือพยายามเป็นคนสำคัญ อยากรวบเอาทุกคนมาไว้กับตัวเองเหมือนพวกนางร้ายในละครน้ำเน่า
ลำพังเป็นผู้หญิงไม่ได้มีลักษณะห้าวหาญลุยๆ แต่กลับมีเพื่อนผู้ชายหล่อๆ เต็มกลุ่ม แถมยังโดนเพื่อนทรีตเป็นเจ้าหญิงนี่ก็โดนซุบซิบนินทามากพออยู่แล้ว
ถึงเธอจะเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้เพราะแรดจริงอย่างที่คนอื่นเขาว่า แต่ก็ไม่ได้อยากตกเป็นขี้ปากของใครในเรื่องชู้สาว เอาไว้เพื่อนของเธอเลิกกับผู้หญิงพวกนั้นแล้ว จะกลับมาดูแลเหมือนเดิมปาลินก็ยินดีอ้าแขนรับ
เธอยังอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่ได้คิดว่าอะไรเป็นหรือไม่ได้เป็นของตัวเอง และวันหนึ่งที่ตัวเธอเกิดไปชอบคนนอกกลุ่มขึ้นมาบ้าง
ถึงวันนั้นเขาก็ได้แต่หวังว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนของเราจะยังคงเดิม เธอจะยังเป็นศูนย์กลางและกลับมาให้พวกมันโอ๋ได้เสมอ
“ปาลิน ตัวนี้มึงใส่ได้แน่เหรอวะ”
“หมายความว่ายังไงหมิง มึงจะบอกว่ากูอ้วนขึ้นเหรอ” เสียงหวานเอ่ยสวนขึ้นทันทีที่ฟังคำถามจบ
มือขาวยกขึ้นเท้าเอวฉับขณะที่หันไปถลึงตามองเพื่อนสนิทที่เดินมาด้วยกันอย่างเอาเรื่อง กระนั้นคนถูกหันไปมองตาเขียวก็ยังไม่ได้สะทกสะท้าน
กลับกัน หมิง ยังคงใบหน้าเรียบนิ่งเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนปาลินชักอยากจะกางเล็บเจลข่วนหน้าหล่อๆ ของมันขึ้นมา
“ไม่ใช่ กูหมายถึงนมมึงน่ะจะใส่ได้เหรอ อลังการขนาดนั้น” ไม่พูดเปล่า แต่ดวงตาเรียวตามแบบฉบับพวกลูกคนจีน ก็ยังเลื่อนลงมาที่หน้าอกหน้าใจทรงโตของเธออย่างสำรวจ
มองแล้วก็หันกลับไปยกทรงลูกไม้สามสี่ตัวที่แขนอยู่บนไมแขวนเสื้อเจ้าตัวถืออยู่ เล่นเอาคนโดนมองถึงกับผิวแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา
ปาลินก้มลงมองหน้าอกคัพดีของตัวเองพลางหมุนกายมองกระจกบานยาวไปด้วย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
แม้จะแอบภูมิใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายเหมือนจะชม แต่เมื่อหมิงมันพูดออกมาหน้าตายแบบนั้น จู่ๆ ความขัดเขินก็พาลให้ใบหน้าสวยแดงซ่านยิ่งกว่าเก่า