เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนรบกวนการนอนของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ มือหนาๆควานหาโทรศัพท์ก่อนจะกดรับสายโดยที่ไม่ได้ดูเลยด้วยซ้ำว่าปลายสายคือใครกัน
"ครับ"
"ลูกชายแม่ยังไม่ตื่นเหรอคะ"ที่แท้มารดาของเขาโทรมานี่เอง
"แม่ครับผมเพิ่งกลับมาจากค่ายอาสาที่น่านนะครับ จะให้ตื่นเช้าอะไรนักหนาเนี่ย"
"ไม่รู้แหละค่ะนัดคุณแม่ไว้ ถ้าไม่มาละน่าดู"ปลายสายวางไปแล้ว ส่งผลให้เจ้าของโทรศัพท์ถึงกลับลุกขึ้นนั่งพรวด
ไอซ์ ภัทรดนัย ขจรกิติมาวนากร
หนุ่มวิศวะปี 3 มีส่วนสูง 180 เซ็นติเมตร ชายผู้มีหน้าตาและรอยยิ้มเป็นอาวุธ แต่ปากนี่จัดกว่าเพื่อนทุกคนในกลุ่ม เป็นลูกชายคนเดียวของคุณดนัยภัทร ขจรกิติมาวนากร เจ้าของธุรกิจอุสาหกรรมยานยนต์อันดับต้นๆของประเทศ และคุณอังคณา ขจรกิติมาวนากร เจ้าของฟาร์มไข่มุกฟาร์มใหญ่ระดับประเทศ
สถานะโสดถึงโสดมาก
มีเพื่อนสนิทชื่อคิรินและมาร์ติน
หนุ่มทั้งสามคนนี้ เรียกว่าฮอตสุดๆในมหาวิทยาลัย แต่มาร์ตินและคิรินชิงมีแฟนไปแล้ว เหลือแต่ไอซ์นี่แหละที่โสดสนิทยาวนานมามากเหลือเกิน
ตอนนี้ไอซ์ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากคอนโดเพราะนัดมารดาผู้เป็นที่เคารพรักยิ่งกว่าสิ่งใด
ลัมโบกินี่สีส้มแล่นมาจอดที่บ้านตระกูลขจรกิติมาวนากร ก่อนที่เขาจะเดินเข้าบ้านหามารดา
"มาแล้วค๊าบบบบ มารดาผู้เอาแต่ใจ ลูกเหน็ดลูกเหนื่อยจากการออกค่ายก็ไม่สน"ไอซ์บ่นมารดาแล้วหอมมารดาฟอดใหญ่
เพี๊ยะ
คุณอังคณาตีบุตรชายเบาๆ
"ก็น้องไอซ์นัดคุณแม่ก่อนนี้คะ คุณแม่เปล่านัดน้องไอซ์เองสะหน่อย"
"โอ้ย มีแม่จะแก่แล้วเนี่ย แม่ขี้บ่น"ไอซ์เฉไฉแล้วหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่
"ก็แม่นัดเพื่อนแม่ไว้แล้วนี้คะ น้องไอซ์ต้องมาช่วยเลี้ยงน้องซูกัสลูกสาวเพื่อนแม่ด้วยค่ะ"
"โอ้ย ผมเลี้ยงซูกัสจนผมไม่มีแฟนแล้วเนี่ยะ มีแต่คนคิดว่าซูกัสเป็นแฟนผม"ไอซ์โอดครวญ
"เราอะไม่เจอน้องตั้ง 1 ปี รอเจอน้องค่อยพูดใหม่ดีมั้ยคะ"คุณอังคณาบอกบุตรชายยิ้มๆ
"เห้อ ตอนไหนก็เหมือนกันและครับแม่"ไอซ์บอกมารดาเซ็งๆ
ไม่นานมีเสียงสาวน้อยที่ดังมาก่อนตัว
"คุณป้า ซูกัสมาแล้วค่ะ" ปรากฎร่างสาวสวยผิวขาว ดวงตากลมโตสดใส วิ่งมากอดคุณอังคณาอย่างสนิทสนม
"ไหว้พระค่ะหลานป้า"คุณอังคณาบอกหลานสาวอย่างเอ็นดู
ซูกัส นางสาวกมลฤดี จิรพีรพรรณพร
สาวน้อยวัย 18 เรียนอยู่ชั้น ม.6 เป็นลูกสาวเพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของคุณอังคณาที่ร่วมธุรกิจฟาร์มไข่มุกกัน คุณอังคณารักซูกัสราวกับบุตรแท้ๆเลยก็เรียกได้
"สวัสดีค่ะคุณพี่"คุณนีรนา มารดาของซูกัสเดินเข้ามาทักทายเพื่อนรุ่นพี่
"สวัสดีค่ะน้องสาวพี่"
"สวัสดีครับคุณน้า"ไอซ์ทักทายคุณน้าคนสวย
"ครับลูกหล่อขึ้นตั้งเยอะไม่เจอตั้งนาน ซูกัสทักทายพี่หรือยังลูก"คุณนีรนาถถามลูกสาวแสนซน
"หึ พี่ไอซ์ไม่เห็นทักซูกัสก่อนเลย ทำมัยซูกัสต้องทักพี่ด้วยคะ"ซูกัสพูดอย่างแสนงอล
"555 พี่ไอซ์ทำมัยไม่ทักน้องละคะลูกชายแม่"คุณอังคณาแซวบุตรชาย
"ซูกัสเอาใหญ่แล้วนะลูก น้องเป็นเด็กต้องทักพี่ก่อนสิคะ"คุณนีรนาถปรามบุตรสาว
"ไม่ค่ะ คุณป้าดูสิ"ซูกัสไม่ยอม แถมฟ้องแม่ของพี่
"ไอซ์ครับลูก น้องยังเด็กอย่าถือน้องนะคะ"คุณอังคณาบอกลูกชาย
"เห้อ"ไอซ์ถอนหายใจแล้วตบโซฟาข้างๆ
"มาหาพี่มา"ไอซ์บอกน้อง
ซูกัสยิ้มแฉ่งวิ่งมานั่งตามพี่บอก
"ไม่เจอกันตั้งนาน โตเป็นสาวแล้วยังขี้งอลเหมือนเดิมเลย"ไอซ์พูดแล้วขยี้หัวน้องเบาๆ
"หึ้ย โตอะไรกัน ซูกัสยังไม่โตสักหน่อย"เธอว่าแล้วก็เอนตัวพิงพี่อย่างที่เธอชอบทำตอนเป็นเด็กน้อย
"สองคนนี้รักกันแต่เด็ก แต่ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อยๆ"คุณนีรนาพูดกับคุณอังคนาด้วยรอยยิ้ม
"อ้าวนี้เด็กๆ คะ พี่ไอซ์ต้องเลี้ยงน้องซูกัสไปหนึ่งเดือนนะคะ คุณแม่ทั้งสองต้องไปดูไข่มุกที่ต่างประเทศแล้วก็จะไปเที่ยวด้วยค่ะ โอเค๊"คุณอังคนาบอกเด็กทั้งสองคนตรงหน้า
"แล้วเลี้ยงยังไงครับแม่ น้องโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วนะ"ไอซ์ถามงงๆ น้องเป็นสาวแล้วเขาเองก็เกรงว่าคนจะมองไม่ดี
"ก็ไปอยู่คนโดพี่ไอซ์ไง มีตั้ง 2 ห้องอะ อย่ามางกแค่นี้มาแบ่งกันเลย"ซูกัสเสนออย่างไม่ได้คำนึงอะไร
"เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ น้าเชื่อใจน้องไอซ์"คุณนีรนา อนุญาตบุตรสาว
"เย้ๆซูกัสจะได้มีเพื่อนเล่นแล้ว"
ซูกัสดีใจราวกับเด็กน้อย ส่วนไอซ์ถึงกับกุมขมับ เขาเองไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ ซูกัสโตเป็นสาวขนาดนี้ เขากลัวใจตัวเองเหลือเกิน
"ไปๆๆๆ พี่ไอซ์ไปเก็บของกัน"ซูกัสลากแขนพี่ออกไปเลย
คุณนีรนาถและคุณอังคณาเอามือยกขึ้นตบแท๊กกัน อย่างถูกใจ
"คุณพี่ว่าเด็กสองคนนี่จะรักกันตามความต้องการของพวกเรามั้ยคะ"
"แน่สิคะ ดูน้องไอซ์มองน้องซูกัสไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะ ดูอ่อนโยนขึ้น พวกเรารอฟังข่าวลูกๆของพวกเราขอคบกันเป็นแฟนได้เลยค่ะคุณน้องเชื่อคุณพี่นะคะมันต้องเริศ"คุณอังคณาบอกรุ่นน้องคนสนิทแล้วหัวเราะกันคิกคัก แล้วยิ้มให้กัน
ด้านซูกัสกับไอซ์เดินมาที่โรงรถ
"ไหนรถพี่ไอซ์คันไหน"ซูกัสหันซ้ายหันขวามอง
"นูนไง"ไอซ์ชี้ไปที่รถลัมโบกินี่สีส้มของเขา
"หะอีสีส้มนี่นะ อี๋ สีอื่นไม่มีไง"
"ไม่มี อย่าเรื่องมาก"ไอซ์ว่าแล้วก็เปิดประตูรถให้น้องขึ้นแล้วพาน้องไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน
และทั้งคู่ก็กัดกันตลอดทางไปเรื่อยๆอย่างไม่ยอมกันเลยสักคน