ณ ร้านเสริมสวย................ ในห้างใหญ่กลางกรุงเทพฯ
“ลมอะไรหอบมาคะคุณน้อง” ช่างชลลี่ทักทิพย์ดาราตั้งแต่เธอย่างกรายเข้ามาในร้าน
“มีคิวว่างไหมคะ” ทิพย์ดาราถามเพราะเห็นลูกค้านั่งกันอยู่หลายคน
“สำหรับน้องดาด้าว่างเสมอ วันนี้จะทำอะไรมั่งคะ” ช่างชลลี่รีบรับกระเป๋าแบรนด์ดังจากมือของเธอไปวางเอาไว้บนโต๊ะกระจกข้างหน้า ดาราสาวเข้าไปนั่งประจำที่
“ซอยเล็มปลายแล้วก็สระไดร์ค่ะ” เธอบอกช่างชลลี่ ก่อนจะทำหน้าเหี่ยว ๆ
“เป็นอะไรคะคุณน้องท่าทางอารมณ์บ่จอย” ชลลี่เป็นช่างที่รู้ใจ และก็เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทที่ทิพย์ดารารู้จักตั้งแต่เข้ามาเป็นดาราใหม่ ๆ
“เซ็งคนค่ะ มีเงิน แล้วทำตัวใหญ่โต เอาแต่ใจ” เธอนึกไปถึงหน้าของฟาเบียนแล้วโมโห ยิ่งนึกถึงตอนที่เขาเอาเงินฟาดหัวของเธอแล้วก็ยิ่งช้ำใจ
“แหม... เพิ่งเห็นข่าวให้สัมภาษณ์ถึงหวานใจ” ชลลี่แซว
“นั่นแหละค่ะ เขาล่ะที่ดาด้าชักจะเกลียดเสียแล้ว” เธอพ่นลมหายใจออกมา ชลลี่ขยับเข้าใกล้อย่างสอดรู้สอดเห็น
“วันก่อนก็ไปเที่ยวยุโรปมาด้วยกันไม่ใช่หรือคะ พี่คิดว่าจะตกร่องปล่องชิ้นกันแล้วเสียอีก”
“ผู้ชายนะคะพี่ มีเงินก็คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ใช้แต่เงินฟาดหัวคนโน้นคนนี้ ยังไงดาด้าก็ต้องเอาชนะเขาให้ได้” เธอพูดอย่างมั่นหน้า
“พี่ไม่เข้าใจอ่ะ” ชลลี่งง เพราะไม่เข้าใจที่ทิพย์ดาราพูดออกมาสักนิด
“ฟาเบียนเขามีเงินนี่คะ เงินถุงเงินถัง เขาจะเอาผู้หญิงคนไหนที่เขาพอใจมาขึ้นเตียงก็ได้ ก็แค่จ่ายเงิน ดาด้าขอสาปส่งเลยนะคะ แช่งเลยว่าให้เขาไม่มีคู่ครองไปจนตาย”
“ว้าย ๆ... ถึงกลับจะไม่เผาผีกันเลยหรือคะ น้ำผึ้งหวาน ๆ ขมปี๋ซะแล้ว”
“ยังไม่ทันขึ้นรวงเลยค่ะ ร่วงลงมาซะก่อน ดาด้าก็อยากจะเห็นน้ำหน้าเมียที่เขาจะพาออกหน้าออกตาเหลือเกิน เชอะ...” เธอทำเสียงขึ้นจมูก มองสบตากับช่างชลลี่อย่างสะใจ
ปองรักที่นั่งอบไอน้ำอยู่ที่เก้าอี้ห่างไปอีกตัว ได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสองสนทนากันอย่างชัดเจน เธอนั่งเปิดเฟซบุ๊กและเช็กข่าวดารา
‘อ๋อ... ทิพย์ดารา คนนี้นี่เอง’ เธอมองไปยังมือถือ และเหลือบตามองใบหน้าของทิพย์ดารา
ข่าวที่เธอให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง
(ผู้นำของธุรกิจนำเข้าและส่งออกมือหนึ่งของเมือง ฟาเบียน ฟรองซัว วัย 32 ปี ที่ไม่ยอมแต่งงานเสียที มิน่าล่ะ... เป็นขาประจำคนคุ้นเคยกับนักแสดงมากฝีมืออย่าง ทิพย์ดารา นวลพรรณนี่เอง
ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอจะชวนเขาลงจากคานทองมาได้ สยบข่าว คาสโนว่าตัวพ่อ ที่มีคอนเซ็ปที่สาว ๆ ฟังแล้วขนลุกไปตาม ๆ กัน “หากอยากได้ทุนการศึกษา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่”)
‘นักข่าวก็ช่างเขียนข่าวนะ’ ปองรักหัวเราะหึ ๆ
“จะเอายังไงคะคุณ เสี่ยทรงพลเขายื่นคำขาดมาแล้ว” ปิ่นรักมองหน้าสามีน้ำตาคลอ เธอยังตกใจไม่หายที่วันนี้มีชายฉกรรจ์สี่ห้าคนมาหาที่บ้าน และก็ยื่นคำขาดให้ ชาญชัย ใช้หนี้พวกเขา
“ต้องขายบ้าน มีทางเดียวแล้ว” คุณชาญชัยนั่งกุมขมับตัวเอง น้ำตาของลูกผู้ชายไหลริน
“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ” ปองรักเดินออกมาจากมุมมืด เธอแอบฟังบทสนทนาของทั้งสองท่านอยู่นานแล้ว
“ยายจิล” แม่มีสีหน้าตกใจไม่น้อย ทั้งสองท่านไม่เคยปริปากว่าตอนนี้ลำบากแค่ไหน แต่เธอรู้ได้จากการที่แม่ลดค่าขนมไปเรียน
“จิลมีเงินฝากค่ะ” เธอนั่งลงใกล้ ๆ แม่ แล้วยื่นบัญชีที่เตรียมเอาไว้ให้คุณพ่อ ใบหน้าของคุณพ่อดูหม่นหมองลงไปมาก เขาผิดเองที่ไว้ใจคนผิด เอาเงินเก็บที่มีและยังไปกู้เสี่ยทรงพลอีกสองล้านห้าเพื่อเอาไปลงทุนในครั้งนี้ นอกจากจะไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรแล้ว ยังแบกภาระหนี้สินเพิ่มมาอีก เกือบล้าน
“แค่สามแสน หนูจิล ลูกเก็บเงินของลูกเอาไว้เรียนต่อนะ พ่อจะพยายามขยับขยายและขอผ่อนผันกับเสี่ยทรงพลอีกที” คุณพ่อลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ แต่เธอรู้ว่า พ่อคงเสียใจมาก ไหล่ของท่านสั่นไหวเหมือนคนร้องไห้ แม่รับบัญชีคืนให้เธอ ก่อนจะรีบตามคุณพ่อขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็ว
“โธ่... แล้วหนูจะทำอะไรให้คุณพ่อได้บ้างคะ”
ปองรักเดินกลับขึ้นห้องนอนของตัวเอง เธอนั่งเปิดดูและอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนเฟซบุ๊ก
(สาวจีนประกาศขายพรหมจรรย์ 1 ล้านบาท เพื่อรักษาพี่ชายที่ป่วยเป็นลูคีเมีย)
(สาว 18 ชาวบราซิล ประกาศขายตัวเพื่อนำเงินมารักษาแม่ของเธอที่ป่วย)
“ทำไมพวกเธอกล้าทำ” เธอนั่งถามตัวเอง
“กรี๊ด...” เสียงแม่กรีดร้องดังลั่น แม่กำลังยื้อยุดฉุดกระชากให้พ่อลงมาจากเก้าอี้ ท่านกำลังจะแขวนคอตาย ปองรักวิ่งอย่างสุดชีวิตเข้าไปในห้องนอนของท่าน แม่ร่ำไห้กอดกันกลมกับพ่อ เธอเห็นแม่ตบหน้าพ่อตั้งหลายครั้ง คุณพ่อทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ร้องไห้ปานน้ำตาจะเป็นสายเลือด
ภาพที่เห็นตรงหน้าสะเทือนเข้าไปในหัวใจของปองรักมากมาย เธอเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ และทรุดนั่งลงไปกอดพ่อกับแม่เอาไว้แน่น ทั้งสามคนต่างโอบกอดกันแล้วร้องไห้
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” เสียงแม่ตะคอกพ่อเสียงดัง ยกมืออันสั่นเทาของตัวเองขึ้นเช็ดน้ำตาให้กับเขา ผู้ชายที่เคยเป็นผู้นำ เป็นเสาหลักของบ้าน แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้พ่ายแพ้หมดรูป แม่กอดรัดพ่อเอาไว้แน่นปล่อยโฮออกมาเสียงดัง จิลร้องไห้เพราะความสงสารพ่ออย่างสุดหัวใจ
พ่อชักกระตุกอยู่ตรงนั้น แม่หวีดร้องดังขึ้นไปอีก ปองรักวิ่งหาสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาใส่ปากท่านเอาไว้ เพื่อไม่ให้พ่อกัดลิ้นของตัวเอง เธอยัดผ้าเช็ดตัวใส่ในปากของพ่อก่อนวิ่งวุ่นลงบ้านไปหาเอาช้อนกินข้าวไปงัดปากพ่อเอาไว้
เธอวิ่งกลับลงมาอีกครั้ง ตะโกนร้องดังอยู่ที่หน้าบ้านขอให้คนช่วย เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างวิ่งกรูกันเข้ามา เธอเล่าพลางร้องไห้พลาง โชคดีที่มีพยาบาลอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสองหลัง เธอปฐมพยาบาลพ่อของปองรัก และสั่งให้คนที่มีสติโทรตามรถพยาบาลอย่างเร่งด่วน
คุณแม่เป็นลมหมดสติพอรู้ว่ารถพยาบาลมาถึง ปองรักเป็นห่วงทั้งพ่อและก็แม่ เธอสั่นกลัวและหวั่นในหัวใจ น้ำตาของปองรักไหลพราก ๆ เธอประคองแม่เอาไว้ เพื่อนบ้านหลายคนต่างช่วยเหลือเป็นอย่างดี
สภาพของพ่อตอนนี้มีสายระโยงระยาง เธอเกาะกระจกมองท่านด้วยแววตาหม่นเศร้า ส่วนผู้เป็นแม่ยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปทั่วให้คุ้มครองสามีของเธอ
นายแพทย์เจ้าของไข้เรียกทั้งสองแม่ลูกเข้าไปคุย ท่านบอกว่า พ่อเครียดมาก เลยทำให้เส้นเลือดฝอยในสมองแตก ตอนนี้ใช้ยาระงับเอาไว้อยู่ต้องดูอาการไปอีกสักระยะหนึ่ง
ฝ่ายการเงินเดินเข้ามาคุย ขอให้ญาติผู้ป่วยวางเงินประกันค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นไว้ที่หนึ่งแสนบาท ปองรักจัดการเอาเงินเก็บของตัวเองออกมาใช้ เพื่อยื้อชีวิตของพ่อให้ยาวนานที่สุด
แม่ไม่ยอมกินข้าวกินปลา จนเธอยื่นคำขาด
“แม่จ๋า ฟังจิลนะ แม่ต้องเป็นเสาหลักให้ลูกได้ยึดเหนี่ยว แม่ไม่ต้องกลัว เราจะเผชิญโลกนี้ไปด้วยกัน พ่อต้องหาย แต่แม่ทำหัวใจให้เข้มแข็ง แม่ต้องเป็นคนดูแลพ่อ จิลจะเป็นคนหาเงินมารักษาพ่อ และจะหาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมดนี้เอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จิลจะต้องทำได้”
เธอไม่ร้องไห้อีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เธอต้องเข้มแข็งยิ่งกว่าแม่ และต้องพาครอบครัวนี้ให้อยู่รอดไปให้ได้
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณแม่ของปองรักค่อยทำใจกับเหตุการณ์ได้ โดยมีลูกสาว และญาติ ๆ ของแม่ที่คอยมาให้กำลังใจ
ปองรักต้องกลับไปเรียน เพราะอีกแค่เทอมเดียวเธอก็จะจบการศึกษาแล้ว
“เอาละนะทุกคน ได้รับเอกสารที่จะต้องกรอกแล้วนะ เป็นเอกสารส่งตัวเองไปฝึกงาน ที่นี่จะมีรายชื่อบริษัทต่าง ๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยได้รับการอนุเคราะห์รับนักศึกษาในเอกฯ ของเราไปฝึกงานทุกปี อาจารย์ส่งไปในไลน์ของทุกคนแล้ว ให้ทุกคนรีบเลือกและก็ส่งกลับมาให้อาจารย์โดยด่วน บริษัทต่าง ๆ เขารับคนจำนวนจำกัดนะ ใครเลือกก่อนส่งก่อน มีสิทธิ์ก่อน วันนี้พอแค่นี้”
“ขอบคุณค่ะ / ขอบคุณครับ”
เสียงอึกทึกก็ดังขึ้น ทุกคนต่างฮือฮานั่งจับกลุ่มหาบริษัทที่ตัวเองสนใจ
“จิล พ่อแกเป็นไงบ้าง” สุจิราถามปองรักด้วยความเป็นห่วง
“ยังทรง ๆ อยู่” เธอหันไปยิ้มให้เพื่อน
“เข้มแข็งนะ ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ” สุจิรายังแสดงน้ำใจต่อเธอเสมอ สองคนจับมือกันแน่น