จักรยานสีชมพูหวานลายคิตตี้ เจ้าสองล้อกลมๆ เป็นทั้งของเล่นและเพื่อนคู่ใจของเด็กหญิง ขนมชั้นได้มันมาเพราะแม่ลีเจียดเงินจากการขายขนมหวานซึ่งเป็นรายได้เสริมซื้อให้ แล้วบอกให้ดูแลรักษาให้ดี มันจึงวาววับเพราะทุกวันตอนเย็นแม่หนูร่างกลมจะใช้ผ้าเช็ดถูพาหนะคู่ใจอยู่เสมอ
ไม่นานนัก ขนมชั้นพร้อมจักรยานคู่ใจก็มาถึงจุดหมาย เด็กหญิงหัวไวและชำนาญเส้นทางทุกตรอกซอกซอยในหมู่บ้านเป็นอย่างดี เพราะตามแม่มาเก็บเงินค่าส่วนกลางทุกบ้าน
‘บ้านหรูและแพงที่สุดในหมู่บ้าน’
แม่เคยบอกว่าบ้านหลังนี้ราคายี่สิบกว่าล้านบาท ขนมชั้นคิดว่าเงินยี่สิบล้านถ้าเอามากองรวมกันมันจะสูงจนท่วมหลังคาบ้านหลังใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยแมกไม้แลดูร่มรื่น แต่ที่สะดุดตาแม่หนูร่างกลมผมสีน้ำตาลเข้มที่คนเป็นแม่ถักเปียให้อย่างเรียบร้อยสวยงามทิ้งหางเปียไปถึงกลางหลัง คงเป็นต้นชมพู่อายุนับสิบปีที่ปลูกอยู่หน้าบ้าน แผ่กิ่งก้านสาขาที่มีผลชมพู่ลูกโตห้อยระย้าตามกิ่ง
เด็กหญิงเคยถามแม่ว่าบ้านที่ไม่มีใครอยู่แบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครมาเก็บชมพู่เลย
แม่ลีตอบว่า ‘เพราะคนในหมู่บ้านนี้มีมารยาท เขาจะไม่เก็บของคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต’ และอีกข้อหนึ่ง เขาลือกันว่า
‘บ้านนี้ผีดุ’
ดวงตาคู่สดใสบริสุทธิ์กลอกตาไปรอบๆ ข้อที่ว่าผีดุ ขนมชั้นไม่นึกกลัว เพราะแม่ลีเคยบอกว่าผีเขาไม่หลอกเด็กน่ารัก ผีมักจะหลอกแต่เด็กดื้อ แต่ข้อแรกนี่สิ ถ้าเก็บโดยไม่ขอเจ้าของบ้าน เธอจะกลายเป็นเด็กไม่มีมารยาท
นิ้วชี้ป้อมๆ จิ้มไปที่ขมับราวกับคิดหนัก แล้วล้วงหยิบถุงพลาสติกที่พับแล้วใช้หนังยางรัดออกมาคลี่ดู พร้อมเงยหน้ามองกิ่งและผลชมพู่ทับทิมจันท์สีแดงสด ท่าทางหวานกรอบ ถ้ากัดเข้าไปคงจะฉ่ำน้ำน่าดู
แค่คิดทั้งที่ยังไม่ได้ชิม ขนมชั้นก็คิดว่ามันต้องอร่อยมากๆ
แม่หนูกอดอกพลางถอนหายใจ
“จะเก็บดีไหม ขนมชั้นไม่อยากถูกแม่ลีว่า ว่าไม่มีมารยาท”
ทว่าผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที ขนมชั้นก็คิดวิธีเก็บชมพู่อย่างมีมารยาทได้แล้ว มือน้อยๆ บรรจงป้องปากแล้วตะโกนเสียงใสเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบเชียบ
“หนูขอชมพู่หน่อยนะคะ”
แม่หนูถอยหลังแล้วหันหน้ากลับออกมาราวกับเป็นเจ้าของบ้านที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ค้อมหลังลงเหมือนคนแก่ เพราะได้ยินว่าเจ้าของบ้านคนก่อน คนที่ปลูกชมพู่ต้นนี้เป็นคุณหญิงใจดีท่านหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้วใต้ต้นชมพู่ แล้วดัดเสียงพูดตอบรับคำขอของตัวเองให้เหมือนคนแก่
“ได้เลยจ้ะหนู เก็บไปเลยลูก”
พอแสดงเป็นคุณยายเจ้าของบ้านอนุญาตให้เก็บชมพู่ไปกินได้แล้วเสร็จ ขนมชั้นก็เขย่งสุดปลายเท้า ทว่าแม้ต้นชมพู่ที่กิ่งยาวเลยขอบรั้วออกมาจะมีลูกดกเพียงใด แต่ความสูงน้อยนิดของแม่หนูร่างกลม ทำให้ปลายนิ้วแตะชมพู่ทับทิมจันท์ที่ติดผลเป็นพวงดกไม่ถึงสักที
ขนมชั้นลองกระโดดดูจนชุดที่มีระบายเป็นชั้นพลิ้วไหวตามสรีระ “อึ๊บ... อีกนิดเดียวเอง”
แต่ก็ยังไม่ถึงชมพู่สีสวยอยู่ดี...
ขนมชั้นส่ายหน้า ที่หน้าผากมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเมื่อกระโดดหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ถึงเสียที
“ถ้ารู้ว่าชมพู่จะเล่นตัว ไม่ยอมไปเล่นกับเราง่ายๆ ขนาดนี้ เราเอาตะกร้อสอยมะม่วงของแม่มาด้วยก็ดีหรอก”
เด็กหญิงเคยเห็นแม่ลีสอนคนงานเมียนมาร์ที่มากวาดสวนสาธารณะ ว่าให้พวกเขาเอ่ยขอเจ้าของที่เจ้าของทางเสียก่อน พอเลิกงานพวกเขาจะแวะเก็บผักตำลึงหรือโสนที่ขึ้นอยู่ตามเส้นทางก่อนจะถึงหมู่บ้าน ขนมชั้นจึงทำดูบ้าง เพื่อทึกทักเอาว่าเจ้าของบ้านอนุญาตให้เก็บได้
...แต่ดูท่าว่าจะไม่ได้กินชมพู่หวานฉ่ำ คงได้กินแห้วแทน เพราะกระโดดยังไงก็ไม่ถึงพวงชมพู่สักที
ร่างสูงที่พกความหล่อเหลาสะดุดตาในวัยสามสิบต้นๆ เดินออกมาจากรั้วบ้าน หลังจากเขาเดินสำรวจภายในบ้านของคุณหญิงย่าและคิดว่าจะต้องรีโนเวตส่วนไหนบ้าง
‘พชร’ ได้ยินเสียงเด็ก คราแรกคิดว่าหูแว่วไป แต่เสียงเหมือนอะไรกระแทกกับพื้นก็ยังดังให้ได้ยินอยู่ที่หน้ารั้ว ตรงใต้ร่มเงาต้นชมพู่ที่เขาคิดว่าจะให้คนสวนมาตัดกิ่งที่ยื่นออกไปเสีย กันเพื่อนบ้านครหาว่าไม่ดูแลต้นไม้ ปล่อยให้ยาวเลยออกไปนอกเขตพื้นที่บ้าน
พอเดินมาดูก็พบต้นตอของเสียงเป็นสาวน้อยตัวกะเปี๊ยก ทว่าพ่อแม่คงเลี้ยงดีน่าดูจึง...
‘อ้วนเชียว’
‘เด็กอ้วนนี่ลูกบ้านไหนกัน’
“อะแฮ่มๆ”
เสียงกระแอมกระไอจงใจส่งสัญญาณให้จอมโจรน้อยที่คิดจะมาแอบเก็บลูกชมพู่รู้สึกตัว
ขนมชั้นหยุดกระโดดกะทันหันเมื่อได้ยินเสียงกระแอมกระไอจากทางด้านหลัง พอเหลียวมองกลับไปแม่หนูก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นผู้ชายร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาเหมือนผู้ชายในจอทีวีที่แม่ลีเรียกว่า...
‘พระเอกในซีรีส์’
“อืม อยากกินชมพู่หรือไงเรา” เขาทำหน้าเรียบๆ จ้องมองร่างกลมอย่างพินิจ
“คุณลุงเป็นเจ้าของต้นชมพู่เหรอคะ” ขนมชั้นทำตาโตแทบถลน ถ้าคุณลุงไปฟ้องแม่ลี รับรองว่าเธอโดนตีก้นลายแน่เลย
พชรมองร่างเล็กอวบตันๆ แต่ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรา พอดูไปดูมาทำให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นรูปหน้าแบบนี้ที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออก เขาเดินมาจนใกล้ขนมชั้นแล้วยื่นมือไปเด็ดชมพู่ลูกโตที่สุดมาถือไว้
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะเก็บให้หนูเต็มถุง แต่พอเรียกลุง... เอาไปลูกเดียวพอ”
“ลูกเดียว!”
สาวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหนึ่งตกใจ หน้าม่อยลงแต่ไม่ตื๊อขอเพิ่ม พชรเห็นอาการของแม่หนูก็ยิ่งนึกอยากหยอกเด็กน้อยขึ้นมา ทั้งที่จริงเขาชอบหยอกเด็กสาวๆ มากกว่า เด็กตัวน้อยแก้มยุ้ยน่าหยิกยืนลอบถอนหายใจ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชมพู่ที่ลุงเจ้าที่ถืออยู่ในมือตาเขม็งอีกครั้ง
“คุณลุงเจ้าที่ขา ชมพู่มีตั้งเยอะ แล้วคุณลุงเจ้าที่จะกินชมพู่คนเดียวหมดเหรอคะ”
พชรหรี่ตามองแม่ตัวน้อยจอมเจ้าเล่ห์
“เมื่อกี้เรียกฉันว่าลุงก็ตั้งใจจะให้ชมพู่หนูลูกหนึ่ง แต่ยังหาว่าฉันเป็นลุงเจ้าที่อีก...” เขากอดอกแล้วแกล้งถอนใจ “เฮ้อ... แบบนี้เอาไปครึ่งลูกก็พอมั้ง” ดวงตาสีเข้มชำเลืองมองแล้วแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหน้าซีดทันที
พชรใช้มือสองข้างกดชมพู่ลูกโตแก่จัดเพื่อแบ่งเป็นสองซีกเท่าๆ กัน เขารู้ดีว่าบ้านของคุณย่าจะไม่ใช้สารเคมีใดๆ กับไม้ผลและไม้ดอกไม้ประดับ จึงกล้ากัดกินชมพู่หวานกรอบต่อหน้าแม่หนูน้อย ทำให้ขนมชั้นมองตาปริบๆ
จากนั้นก็ส่งชมพู่อีกซีกที่ดูหวานฉ่ำไม่แพ้กันให้สาวน้อยตรงหน้า
“หวาน กรอบ” พชรยิ้มมุมปากพลางลอบสังเกตสีหน้าเศร้าไปถนัดตาแล้วกลั้นขำ “รับไปสิ”
ขนมชั้นเหลือบตามองชมพู่ซีกเดียวอย่างชั่งใจ สายตายัยตัวแสบมองส่วนแบ่งราวกับว่าเขาเป็นคนใจร้าย ขี้งกหวงของ ชมพู่ออกจะดกเต็มต้นแต่แบ่งให้เธอแค่ครึ่งลูก
‘ไหนแม่ลีว่า พระเอกซีรีส์ทั้งหล่อ ใจดี สปอร์ตไงล่ะ’
แต่พอเจ้าของชมพู่เอ่ยขึ้นว่า... “เอาซีกนี้ไปชิมดูก่อน ถ้าหนูชอบ ฉันจะเก็บให้เต็มถุงเลย”